บทที่ 125 ทำให้ดู
เฉินเฉียงได้จ้องมองไปยังราชาสวรรค์ที่กำลังหยิบดาบดั้นเมฆของเขาออกมาอย่างสบายๆ เขาค่อยๆวาดดาบดั้นเมฆไปมาบนอากาศและพูดออกมาเบาๆ “ดาบดั้นเมฆเหรอ อืมมมมม ไม่เลว มีดที่ดี”
หลังจากพูดจบ ราชาสวรรค์ก็หันมามองเฉินเฉียงด้วยท่าทีที่สุขุม
-ฉิบหายแล้ว-
ตอนนี้ ไม่ว่าเฉินเฉียงจะแถยังไง เขาก็ไม่อาจจะอธิบายเรื่องนี้ได้
ก่อนหน้านี้เขาเห็นว่าราชาเหนือมนุษย์ผู้นี้ยังไม่ได้ออกท่าออกทางอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ยังสามารถควบคุมร่างกายของเขาได้โดยง่าย เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว เขาเองคงทำได้เพียงเฝ้ารอความตายเพียงเท่านั้น
เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงจึงเลิกที่จะขัดขืนพร้อมกับใบหน้าที่แสดงออกมาอย่างยอมจำนน
“ตงเจี๋ยน ข้า ไม่คิดเลยจริงๆว่าเจ้าเองก็เป็นเหมือนกับราชาผู้นี้ เจ้านั้นได้รับการฝังแผ่นชีวิตลงไปสินะ นี่มันยอดเยี่ยมเลยจริงๆ”
คำพูดของราชาสวรรค์นั้นได้ทำให้เฉินเฉียงถึงกับต้องนิ่งอึ้งไป
ถึงแม้เขาจะไม่ได้ฉลาดมาก แต่เขาก็ไม่ได้โง่งม เขานั้นได้เข้าใจในทันที
ดูเหมือนว่ามนุษย์กลายพันธุ์เองจะมีอยู่ด้วยกันสองประเภท หนึ่งคือประเภทเดียวกับราชาสวรรค์ผู้นี้ ผู้ซึ่งมีจิตวิญญาณราวกับมนุษย์ทั่วไป
ส่วนอีกหนึ่งนั้นสมควรจะเป็นแบบหลูชาน มันเป็นการฝังแผ่นพลังงานเอาไว้กับซากศพเพียงเท่านั้น
และในเมื่อราชาสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ทำท่าราวกับว่าเขาเองก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ประเภทแรก…นั่นหมายความว่าตัวเขานั้น คงไม่ต้องตกตายแล้ว…..กระมัง
แต่เขาจะอธิบายของในแหวนนั่นได้ยังไงกัน
และในขณะที่เขาคิดอยู่นี้ ราชาสวรรค์ได้นำของต่างที่นำออกมาจากแหวนของเฉินเฉียงทีละชิ้น
“ตงเจี๋ยน กำไรสื่อสารนี่คือสินสงครามที่เจ้าได้มาสินะ พอดีเลย พวกเราจะต้องใช้มันในอีกสองเดือนข้างหน้า”
“แล้วไอ้พวกแก่นคริสตัลพวกนั้นเดี๋ยวข้าจะให้เจ้าเพิ่มเติมในอนาคต นี่จะไม่ทำให้เจ้าต้องขาดมือแต่อย่างใด”
“อ้อ แล้วก็ไอ้เจ้าแก่นโลหิตสัตว์ประหลาดระดับราชานี่ ต่อให้เจ้ามีแผ่นพลังงานฝังไว้มันก็ยังดีต่อเจ้า แต่ในเมื่อเจ้านั้นมีแผ่นแห่งชีวิต ข้าขอแนะนำว่าเจ้านั้นยังไม่สมควรที่จะใช้มันในตอนนี้ จะดีกว่าหากเจ้าจะดูดซับมันตอนที่อยู่ในระดับนายพลทักษะพิเศษขั้นสูงแล้ว”
“โอ้ มีเหรียญตราของสำนักเต่าดำด้วยนี้ ข้าว่าไอ้คนที่เจ้าฆ่าตายไปนั้นสมควรจะเป็นศิษย์สำนักเต่าดำนั่นกระมัง”
“ส่วนดาบดั้นเมฆนี่…เจ้าสมควรจะเก็บมันไว้เป็นที่ระลึกสินะ”
เมื่อราชาสวรรค์ถามออกมา เฉินเฉียงก็ได้กลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง เขาจึงได้รีบพูดออกมาในทันที “ไม่ครับ ท่านราชาสวรรค์ ดาบนั่นคืออาวุธที่ข้าใช้ตอนอยู่บนแผ่นดิน”
เฉินเฉียงพูดพลางยื่นมือออกไปเป็นการบ่งบอกว่าเขาอยากจะได้ดาบของเขาคืน
“โอ้ อาวุธของเจ้าหรือ อืมๆ ก็จริง มีเพียงอาวุธธรรมดาเท่านั้นที่จะใช้ที่นั่นได้โดยง่าย”
“ข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าวิชาดาบที่เจ้าใช้นั้นเป็นยังไง เจ้าพอจะแสดงให้ข้าดูได้หรือไม่”
เฉินเฉียงส่ายหัวไปมาก่อนที่จะตอบกลับไป “นายทาน ข้าจะกล้าแสดงฝีมืออันต่ำต้อยให้ท่านได้เห็นได้อย่างไร”
“แล้วถ้าข้าอยากจะให้เจ้าแสดงให้ดูล่ะ”
เฉินเฉียงในตอนนี้ไม่แม้แต่จะกล้าสบตาของราชาสวรรค์ เขานั้นเกรงกลัวจนต้องจำใจแสดงออกมาเท่านั้น เพราะนั่นมันจะทำให้ดาบดั้นเมฆกลับมาอยู่ในมือเขา
เฉินเฉียงเองรู้ดีว่าในตอนนี้เขานั้นไม่มีทางที่จะให้หนีได้ เขาจึงได้สะกดข่มเคล็ดวิชาเพลงดาบสายฟ้าทำลายวิญญาณของตนให้อยู่เพียงระดับเรียนรู้เท่านั้น
หลังจากร่ายรำไปสามกระบวนท่า เฉินเฉียงก็หยุดมือและหันไปมองราชาสวรรค์
ราชาสวรรค์เองได้มองเฉินเฉียงอยู่นิ่งๆ หลังจากผ่านไปสิบนาที เฉินเฉียงเริ่มมีเหงื่อไหลออกมาทางหน้าผาก และตอนนี้เองที่ราชาสวรรค์ได้หัวเราะออกมาเบาๆ
“ไอ้หนู หากข้าเข้าใจไม่ผิด เจ้าเองสมควรจะเรียนวิชาดาบนี้มาจากศิษย์สำนักเต่าดำที่เจ้าได้ฆ่าไปใช่หรือไม่”
“นายท่าน ท่านเองก็รู้จักวิชาดาบนี้หรือครับ” เฉินเฉียงตกตะลึงในทันทีเมื่อได้ยิน เขาไม่คิดว่าราชาสวรรค์จะคุ้นเคยกับวิชาดาบนี่ด้วย นี่คงไม่ได้หมายความว่าเขาทำอะไรผิดหูผิดตาไปหรอกนะ
ภายใต้มุมมองของราชาสวรรค์ เขาบอกได้เลยว่าราชาสวรรค์นั้นมองเขาออกหมดในทุกเรื่อง
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าหนู จ้าเองก็เคยเห็นเพลงดาบนี้มาอยู่บ้างเท่านั้น มันเป็นผู้การมนุษย์คนหนึ่งที่เคยใช้มันต่อหน้าข้า หากข้าจำไม่ผิด มันสมควรจะมีชื่อว่าเคล็ดวิชาดาบทำลายวิญญาณใช่หรือไม่”
“แต่ก็อีกนั่นแหละ ข้าจะจำได้ว่าเพลงดาบนี้มีเจ็ดกระบวนท่า แล้วทำไมเจ้าถึงแสดงให้ข้าดูเพียงสามกระบวนท่าเท่านั้น”
“หรือว่าเจ้าคิดจะเก็บงำฝีมือต่อหน้าราชาผู้นี้ได้สำเร็จ”
“ไม่ใช่ครับ นายท่าน ข้าเพียงกลัวว่าหากใช้มันอย่างเต็มกำลังจะไปทำลายห้องข้อมูลของท่านเพียงเท่านั้น”
เฉินเฉียงได้พยายามอธิบายออกมา
ราชาสวรรค์ได้นั่งลงและยิ้มออกมา “ตงเจี๋ยน อย่าได้เป็นกังวลไป แสดงให้ข้าดู เมื่อข้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวว่าจะมีสิ่งใดที่ต้องพังลง”
เฉินเฉียงไม่มีทางเลือกจำต้องแสดงฝีมือออกมาอย่างสุดกำลัง ด้วยการที่เขานั้นสำเร็จเคล็ดวิชาสายฟ้าทำลายวิญญาณในระดับขั้นต้นเพียงเท่านั้น ทำให้ในตอนนี้เขาใช้มันเพียงแค่ห้ากระบวนท่าเท่านั้น ส่วนกระบวนท่าที่หกและเจ็ด เขานั้นไม่รู้จริงๆว่าต้องทำยังไงต่อไป
“เรียนนายท่าน ในตอนนี้ข้าทำได้เพียงเท่านี้”
ราชาสวรรค์นิ่งคิดอยู่สักพักก่อนที่จะพูดออกมา “ด้วยระดับการบ่มเพาะของเจ้าแล้วนั้น แม้แต่การใช้ห้ากระบวนท่าแรกนี้ก็ยังดูยากเกินไปสำหรับเจ้าเลยด้วยซ้ำ”
“แต่ข้าเองก็พอจะจดจำถึงกระบวนท่าที่ผู้การผู้นั้นใช้กระบวนท่าทั้งเจ็ด ต่อสู้กับข้าได้อยู่บ้าง เจ้าต้องการจะให้ข้าแสดงให้ดูหรือไม่”
เฉินเฉียงรีบถามกลับไปในทันที “นายท่าน ท่านพอจะจดจำชื่อและภูมิหลังของนายพลที่ว่าได้หรือไม่”
“ไร้สาระ” ราชาสวรรค์ได้พูดออกมาด้วยใบหน้าที่ดำสนิท “ตัวข้าไม่เคยจดจำชื่อของไอ้พวกที่ตกตายให้รกสมอง แค่ค่าจดจำท่วงท่าที่พวกมันใช้ได้พวกมันก็สมควรจะสำนึกเป็นบุญคุณแล้ว”
“แต่ก็อีกล่ะนะ นี่ก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะจดจำมันได้สักแค่ไหน คงได้แต่ลองดูเท่านั้น เอาดาบของเจ้ามาให้ข้าซะ”
เฉินเฉียงส่งดาบดั้นเมฆให้กับราชาสวรรค์เพื่อขอคำแนะนำ อีกทางหนึ่งนั้นเขาต้องการรู้ว่าคนที่เคยสู้กับราชาสวรรค์นั้นคือพ่อของตนหรือซุนต้าฮู่
หลังจากรับดาบดั้นเมฆมาแล้ว ราชาสวรรค์ไม่ได้รีรอแต่อย่างใด เขาได้ทำการหมุนตัวในทันที
เป็นตอนนี้ที่เงาดาบมากมายได้สะท้อนไปมาทั่วห้อง เฉินเฉียงเองทำได้เพียงมองอย่างตะลึงพรึงเพริดเพียงเท่านั้นทำไม่ได้แม้แต่จะร้องห้าม
ไม่นาน ราชาสวรรค์ก็ได้แสดงกระบวนท่าทั้งเจ็ดออกมา
หลังจากเฉินเฉียงมองเพลงดาบทำลายวิญญาณที่ราชาสวรรค์แสดงให้เขาดูจนหมดแล้ว เขาบอกได้เลยว่า เพลงดาบทำลายวิญญาณที่ราชาสวรรค์ใช้นั้น อยู่ในระดับขั้นสูงเป็นอย่างน้อย
ราชาสวรรค์ได้วางดาบลงและไม่ได้มีความคิดที่จะร่ายรำต่อแต่อย่างใด “มันนานมาก ข้าเองก็จำมันได้เพียงเท่านี้ แต่เมื่อเทียบกับผู้การคนนั้นแล้ว นี่มันยังด้อยกว่ามาก”
หลังจากพูดจบ ราชาสวรรค์ได้หันไปหาเฉินเฉียงก่อนที่จะพูดออกมา “ตงเจี๋ยน ข้าเองก็ได้ใช้ทักษะดาบของเจ้าแล้วก็นึกขึ้นมาได้อย่างหนึ่งว่า เคล็ดวิชาที่ทั้งแข็งแกร่งและพลิ้วไหวแบบนี้จำเป็นต้องมีระดับการบ่มเพาะที่สูงล้ำ”
และต่อให้เจ้าในตอนนี้จะอยู่ในระดับนายพลทักษะพิเศษแล้วก็ตาม แต่เจ้านั้นเต็มที่ก็ควรจะใช้ได้ถึงกระบวนท่าที่หกเท่านั้น
ด้วยการที่กระบวนท่าที่หกนี้เน้นการทำลายเป็นวงกว้าง การเคลื่อนไหวของเจ้านั้นจะเริ่มจากการเคลื่อนที่กลางอากาศ หมุนตัว และฟาดฟัน ในระหว่างนี้เจ้าต้องตั้งกระบวนท่าให้อยู่ในท่าที่เหมาะสม ตอนที่เจ้าฟาดฟัน ขาของเจ้าจะต้องโค้งงอราวกับคันศรที่ลอยอยู่กลางอากาศ การฟันที่เกิดขึ้นนี้จะมีรัศมีเป็นวงกว้างและทรงพลังจนแม้แต่ร่างกายของเจ้าก็แทบจะลอยไปตามแรงการฟันนี้
หลังจากพูดจบ ราชาสวรรค์ก็ได้แสดงกระบวนท่าทำลายล้างสิบทิศให้เขาดูอีกครั้ง
หลังจากได้เห็นมากับตาสองทีแล้ว เฉินเฉียงเองก็เริ่มมีความรู้สึกที่จะทำได้ขึ้นมาบ้าง
“มา ลองดู”
เฉินเฉียงได้รับดาบดั้นเมฆมาจากราชาสวรรค์และลองทำดูเสียหนึ่งรอบ
หลังจากลองทำดูอีกครั้งหนึ่ง เขาก็พบว่าตัวเขานั้นดูเหมือนจะใช้ท่าทำลายล้างสิบทิศได้อย่างสมบูรณ์
“ดีมาก หากเจ้ามีเวลาฝึกซ้อมมากกว่านี้ เจ้าเองก็สมควรจะเข้าถึงแก่นของเคล็ดวิชานี้ได้อีกในไม่นาน”
“ขอขอบคุณราชาสวรรค์ที่สอนสั่ง เขาได้เรียนรู้จากท่านมากมายนัก”
ในตอนนี้ เฉินเฉียงได้พูดออกมาอย่างใจจริง หากใช่ว่าเขานั้นไม่ได้รับการชี้แนะจากราชาสวรรค์ล่ะก็ เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะได้เรียนรู้กระบวนท่านี้ได้สำเร็จเมื่อไหร่