บทที่ 131 ฆ่า
หากดูจากตัวบอกตำแหน่งแล้ว ดูเหมือนว่าเฉินเฉียงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามวันในการเดินทางจากเกาะเทียนลี่ไปตึกจอมพลฮัวจ้งที่อยู่ในที่ราบภาคกลาง
และในระหว่างทางนี้ เฉินเฉียงคิดว่าจะสังหารนักรบกลายพันธุ์ระดับนายพลทักษะพิเศษพวกนี้อย่างเงียบๆ
ถ้าดูจากเนื้อหาที่ทั้งสิบสามตนนี้ได้ฝึกฝนในศูนย์ฝึกพิเศษล่ะก็ หากทั้งสิบสามตนนี้เข้าไปในตึกจอมพลฮัวจ้งได้จะต้องสร้างความเสียหายให้มนุษยชาติอย่างเหนือคณานับ
ยิ่งไปกว่านั้นคือเฉินเฉียงต้องการจะรู้ว่าใครกันในนี้ที่มีทักษะซ่อนตัวจากแสง
นั่นก็เพราะหากเขาได้ดูดซับแผ่นพลังงานของมนุษย์กลายพันธุ์ตนนั้น ทักษะซ่อนตัวจากแสงของเขาจะยกระดับไปอีกหลายเท่า
นี่ทำให้เขานั้นเริ่มไล่ถามทีละคน
ถึงแม้ว่ามันจะทำให้พวกนี้ต้องสงสัยเขาก็ตาม
ในตอนนี้เขารู้เพียงว่าหลิวหลางมีทักษะเกราะเหล็กไหลเพียงเท่านั้น ส่วนคนอื่นนั้นเขาไม่รู้ว่าแต่ละคนมีทักษะอะไร
หลังจากนั้นเขาก็จะสังหารทิ้งไปทีละคน
แต่เขาจะเริ่มจากทำอะไรก่อนดี
เพื่อไม่ให้ท่าทางของเขาดูฝืนเกินไป เฉินเฉียงจึงได้นำของบางอย่างออกมาและกระดกมันเสียตรงนั้น
“พี่ตงเจี๋ยน ท่านนี่น่าอิจฉาจริงๆเลยน้า พวกเรานั้นถูกฝังแผ่นพลังงานหลังตายไปแล้วทำให้พวกเรานั้นไม่อาจรู้รสไวน์และเมามายได้อีก ท่านน่าอิจฉานัก”
หลังจากบินมานานย่อมเป็นธรรมดาที่ทุกคนเริ่มจะเบื่อ เมื่อทุกคนได้เห็นเฉินเฉียงเพียงคนเดียวที่ดื่มไวน์อย่างรู้รสชาติ และหลิวหลางเป็นคนแรกที่บินเข้ามาเทียบเคียงและพร่ำบ่นอย่างถอดถอนลมหายใจ
“นั่นน่ะสิ พี่ชายตงเจี๋ยนนั้นมีโอกาสไปถึงระดับราชาเหนือมนุษย์ได้อนาคต อนาคตของท่านช่างสดใสนัก เมื่อถึงเวลานั้นพี่ตงเจี๋ยนคงมีอำนาจล้นฟ้า ถ้ายังไงล่ะก็อย่าได้หลงลืมมิตรภาพของพวกเราล่ะ”
ไม่นาน มนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสิบสามตนก็ได้เข้ามาคุยกับเฉินเฉียงอย่างสนิทชิดเชื้อ
นี่คือโอกาสอันดี
ก่อนที่พวกเขาจะออกจากศูนย์ฝึกพิเศษมานั้น กงเหลียงได้ย้ำพวกเขาอย่างแน่นหนาว่าอย่าได้ติดต่อซึ่งกันและกันเมื่ออยู่ในเขตที่ราบภาคกลาง
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อตอนนี้ทุกคนยังอยู่ในทะเล พวกเขาจึงไม่ได้รู้สึกเคร่งครัดในเรื่องนี้แต่อย่างใด พวกเขานั้นจะทำตามคำสั่งเมื่อถึงภาคกลางแล้วเท่านั้น
เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงจึงได้ยิ้มออกมาและเริ่มพูดออกไปด้วยถ้อยคำที่อบอุ่นหัวใจ เขาวางมือไว้บนอกตัวเองและกล่าวคำมั่นออกมา
“อย่าได้กังวลไป พี่น้องทั้งหลาย ตราบใดที่ข้า ตงเจี๋ยน มีโอกาสเป็นใหญ่เป็นโตในอนาคตเมื่อไหร่ ข้า จะไม่มีวันลืมพวกเจ้าอย่างแน่นอน”
“จริงเหรอ พี่ตงเจี๋ยน ท่านช่างน่านับถือนัก”
“พี่ชาย พี่ได้ยินรึเปล่า พวกเรานั้นจะได้ร่วมงานกับพี่ตงเจี๋ยนในอนาคตด้วยล่ะ”
ท่าทีที่เปิดกว้างของเฉินเฉียงในตอนนี้ทำให้เขานั้นสร้างความรู้สึกอันดีต่อทุกคนได้ในทันที
เพราะไม่ว่ายังไงแล้ว ต่อให้คนพวกนี้มีชีวิตอยู่ได้นิจนิรันดรตามที่กงเหลียงพูดก็จริง แต่มนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้จะมีระดับการบ่มเพาะได้เพียงแค่ระดับนายพลทักษะพิเศษขั้นสูงเพียงเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ต้องทำงานหนักเพื่อให้มนุษย์กลายพันธุ์ที่อยู่ระดับสูงกว่าพึงพอใจ หากพวกเขานั้นต้องไปเผชิญหน้ากับภารกิจที่โหดร้ายจนแม้แต่แผ่นพลังงานก็ไม่อาจคงอยู่ พวกเขาก็ไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม หากมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้เป็นเพื่อนกับว่าที่คนใหญ่คนโตและสร้างความสัมพันธ์อันดีเอาไว้ แน่นอนว่าชีวิตของพวกเขาย่อมมีโอกาสพลิกพลัน
ต่อให้พวกเขาเป็นได้เพียงองครักษ์ของราชันย์ แค่นั้นย่อมดีกว่าออกไปเสี่ยงอันตราย
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกคนถึงได้พยายามสนิทชิดเชื้อกับเฉินเฉียงมากมายนัก
หลังจากพูดคุยผ่านไปได้พักใหญ่ เฉินเฉียงก็ได้ถอนลมหายใจออกมายาวๆและพูดออกมา “พี่น้อง พวกเรานั้นอยู่ด้วยกันก็นับได้ว่านานพอดูจนเรียกได้ว่าสนิทประดุจพี่น้องจริงๆ ไม่คิดเลยว่าพวกเรานั้นจะต้องแยกจากกันโดยเร็วขนาดนี้”
“ต่อให้อนาคตข้างหน้าอาจมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นจนข้าอยากจะช่วยเหลือพวกเจ้ามากมายขนาดไหนก็ตาม แต่ข้าไม่อาจติดต่อพวกเจ้าได้ น่าเสียดายจริงๆ”
“โอ้ กับเรื่องนั้นง่ายดายมาก” หลิวหลางพูดออกมาก่อนเป็นคนแรก “ในเมื่อพี่ชายตงเจี๋ยนมีใจที่จะช่วยเหลือพวกเราในภายภาคหน้าจริง พวกเราสามารถบันทึกสัญญาณตัวบอกตำแหน่งของแต่ละคนเอาไว้ตอนนี้ เมื่อเวลามาถึง พวกเราก็จะสามารถติดต่อกันได้เมื่อพวกเราต้องการ นี่ก็น่าจะเพียงพอแล้วกระมัง”
“ไม่น่าจะดีนะ ก่อนหน้าที่พวกเราจากมา หัวหน้ากงเองก็ได้พูดไว้ไม่ใช่เหรอว่าพวกเราไม่ควรติดต่อกันอีกเมื่ออยู่ที่ภาคกลาง ถ้าหัวหน้ากงรู้เข้าพวกเราต้องถูกลงโทษแน่นอน”
“ก็ถ้าเจ้าไม่บอกแล้วเขาจะรู้ได้ยังไง พี่ชายตงเจี๋ยน ท่านคิดว่ายังไงล่ะ”
เฉินเฉียงได้พูดออกมาด้วยท่าทีจริงจังแบบกรึ่มๆในทันที “พี่น้อง ข้า ตงเจี๋ยน ข้าผู้นี้คือบุคคลที่พวกเจ้าเชื่อถือได้ ข้าจะไม่มีทางทรยศพี่น้องตัวเองโดยง่าย แต่หากพี่น้องของข้าไม่เชื่อถือกันก็ไม่เป็นไร เพียงแค่ทำเป็นว่าข้าไม่ได้พูดกล่าวอะไรออกไปก็ได้”
“พี่ตงเจี๋ยน ข้า หลิวหลางผู้นี้ย่อมเชื่อในตัวท่านอย่างแน่นอน นี่คือตัวบอกตำแหน่งของข้า เรามาแลกเปลี่ยนตำแหน่งกันเลยแล้วกัน ดีไหมล่ะ”
“พี่น้องที่ดี” เฉินเฉียงได้ตบบ่าของหลิวหลางไปทีหนึ่งยังหนักแน่นก่อนจะแลกเปลี่ยนสัญญาณตัวบอกตำแหน่งของกันและกัน
เมื่อมีคนเปิด คนอื่นๆเองก็เริ่มทยอยแลกเปลี่ยนสัญญาณตัวบอกตำแหน่งกับเฉินเฉียงจนหมด
และด้วยเหตุนี้ทำให้ในตอนนี้การพูดคุยระหว่างหนึ่งมนุษย์และสิบสามมนุษย์กลายพันธุ์ได้ไหลลื่นกว่าที่เคย โดยทุกคนนั้นแทบจะถือว่าเฉินเฉียงคือหัวหน้าของพวกเขาไปแล้ว นี่ทำให้คำพูดของแต่ละตนนั้นเต็มไปด้วยความเคารพ
เมื่อพวกเขาไปถึงชายฝั่ง เฉินเฉียงได้ป้องมือขึ้นก่อนจะพูดออกมา “พี่น้อง เราแยกกันตรงนี้แหละ หากในอนาคตข้าได้พบเจอโอกาสดีๆ ข้าจะไม่ลืมทุกคนอย่างแน่นอน”
“อย่างไรก็ตาม ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกพวกเจ้าทุกคนไว้”
“พวกเราใจตอนนี้ได้เข้าสู่เขตภาคกลางแล้ว พวกเราจะไม่อาจบินได้อีกต่อไป หากพวกเจ้าถูกมนุษย์พบเข้า ดีไม่ดีพวกเราคนอื่นๆอาจโดนเปิดโปงไปด้วย การสูญเสียชีวิตไปนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกเรา แต่การทำภารกิจของท่านราชาสวรรค์ไม่สำเร็จนั้น แน่นอนว่าท่านย่อมไม่ปล่อยพวกเราเอาไว้”
“ดังนั้น เมื่อพวกเราเข้าสู่เขตภาคกลางแบบนี้ พวกเราต้องเดินเพียงเท่านั้นเพื่อไม่ให้พวกมันจับสังเกตได้”
“ท่านอย่าได้กังวลไป พี่ตงเจี๋ยน ทุกคนในที่นี้เตรียมตัวมาแล้ว พวกเราย่อมไม่ให้พวกมนุษย์มองออกได้อย่างแน่นอน”
“เช่นนั้น ข้าขอตัว”
หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงได้โจนทะยานไปยังผืนดินโดยไว้ ไม่นานเขาก็ได้กลับมาอยู่ที่ผืนดินแห่งที่ราบภาคกลางอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปหนึ่งปีสองเดือน ในที่สุดเขาก็กลับมายังที่นี่ได้ นี่ทำให้เขาตื่นเต้นอย่างที่สุด
ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่หลงลืมว่าตนยังมีภารกิจสำคัญ
หลังจากหยุดเท้าลง เฉินเฉียงได้เปิดตัวบอกตำแหน่งและได้พบเจอเป้าหมายแรก เป้าหมายของเขาอย่างห่างจากเขาไม่ถึงร้อยไมล์ดี
หลังจากยืนยันเป้าหมายแล้ว เข้าได้ขยี้ใบหน้าของตัวเองและทำให้รูปหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไป หลังจากนั้นเขาได้ใช้ก้าวย่างสวรรค์ไปยังเป้าหมายของเขา หลังจากโจนทะยานไปได้พักหนึ่ง กระแสจิตของเขาก็ได้ตรวจพบใครคนหนึ่ง เขาจึงได้ดำดินและไปอยู่ใต้เป้าหมายเพียงชั่วพริบตา
นักรบกลายพันธุ์ระดับนายพลทักษะพิเศษผู้นี้ได้เดินไปบนผืนดินอย่างเพลิดเพลิน ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่ามีบางอย่างอยู่ใต้เท้าเขา เฉินเฉียงเองก็ได้ทะลวงขึ้นมาจากผืนดินราวกับมังกรดินขุดรูก็ไม่ปาน นี่ทำให้ร่างของนักรับมนุษย์กลายพันธุ์ตนนี้ขาดเป็นชิ้น
หลังจากที่เตรียมที่จะดูดซับแก่นพลังงาน เฉินเฉียงก็บังเกิดความรู้สึกหนึ่งที่ทำให้เขาบังเกิดความยุ่งยากในการตัดสินใจดูดซับพลังงานขึ้นมา
-ไอ้เจ้านี่มันมีทักษะอะไรกันล่ะ-
-แล้วถ้าเขาดูดซับผิดตัว เขาจะยังเพิ่มพลังให้ทักษะได้อยู่รึเปล่า-
หลังจากคิดอยู่นาน เฉินเฉียงตัดสินใจว่าจะเก็บแผ่นพลังงานนี้ไว้ก่อนและเริ่มโจมตีเป้าหมายถัดไปในทันที
ในครั้งนี้ เฉินเฉียงไม่ได้ลอบจู่โจมแต่อย่างใด เขาคิดว่าจะทำให้เป้าหมายของเขาเผยตัวตนและใช้พลังเหนือมนุษย์ออกมา หลังจากนั้นค่อยฆ่าในทีเดียว
หลังจากผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาที เฉินเฉียงก็ได้กางปีกสีเงินของตนและพุ่งตรงไปยังเป้าหมายที่สอง
เมื่อเป้าหมายที่สองเห็นเฉินเฉียงกำลังโบยบิน ด้วยความที่ใจเห็นเป็นพวกเดียวกันก็ได้รีบเอ่ยปากเตือน “พี่ชาย รีบลงมาเร็วเข้า หากไอ้พวกมนุษย์เห็นท่านสภาพนี้พวกมันต้องไม่ปล่อยท่านไว้แน่”
แต่เฉินเฉียงนั้นกลับรีบตะโกนตอบกลับอย่างโกรธเกรี้ยว “ไอ้พวกมนุษย์ ข้าต่างหากที่จะข้าแก”
เมื่อเห็นว่าเฉินเฉียงนั้นกำลังโฉบลงมาอย่างโหดร้าย มนุษย์กลายพันธุ์ตนนี้หน้าถอดสีและรีบละล่ำละลักออกมา “อ้ะ พี่ พี่ชาย ท่านเข้าใจผิด ข้าเองเป็นมนุษย์กลายพันธุ์เช่นเดียวกัน หากท่านไม่เชื่อล่ะก็ ดูนี่..”
หลังจากพูดจบ มนุษย์กลายพันธุ์คนนี้ได้แสดงพลังเหนือมนุษย์ออกมา แขนของเขากลายเป็นป้อมปืนที่ยิงอาวุธลับออกมาได้อย่างไม่หมดสิ้น
“ไปลงนรกได้แล้ว”
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉียงได้รีบใช้ทักษะขุดดินกลางอากาศ พุ่งทะลวงศัตรูของเขาที่กำลังเบิกตากว้างด้วยสายตาที่โง่งม