บทที่ 137 แผนตอบโต้
โดยไม่รอให้ซุนไคดูดาบจนเสร็จ เฉินเฉียงรีบฉกดาบของตนกลับมาและเก็บใส่แหวนของตนไป
“ว่าแต่เฉินเฉียง เจ้าบอกว่าราชาสวรรค์มอบหมายภารกิจให้เจ้า มันคือภารกิจอะไรกัน”
“แน่นอนว่ามันย่อมเป็นภารกิจที่สั่นคลอนเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ หลังจากพบกับราชาสวรรค์ในคราแรกแล้ว ข้าถูกส่งเข้าไปยังศูนย์ฝึกพิเศษที่ตั้งบนเกาะเทียนลี่ ทุกๆวัน ข้าต้องเรียนรู้ว่าจะต้องแฝงตัวอยู่กับมนุษย์ยังไง รวมถึงการศึกษาข้อมูลของตงเจี๋ยนด้วยในระหว่างนี้”
“ในตอนนั้น ข้าได้ฝึกร่วมกับมนุษย์กลายพันธุ์ที่อยู่ในระดับนายพลทักษะพิเศษอีกสิบสามตน”
“พวกมันนั้นได้รับภารกิจให้แฝงตัวตัวเข้าตึกจอมพลแห่งฮัวจ้ง(ภาคกลาง)เพื่อรวบรวมข้อมูล”
“แต่ในทันทีที่พวกมันเข้ามาภาคกลาง ข้าก็ได้สังหารพวกมันทั้งสิบสามตนลง และนี่คือแผ่นพลังงานที่ข้าได้ดึงออกมาจากหัวพวกมัน สิ่งพวกท่านก็ได้เห็นแล้ว”
เมื่อซุนไคและพวกได้ยิน ก็ได้บังเกิดเหงื่อเย็นขึ้นมาในทันที
สายลับระดับนายพลทักษะพิเศษสิบสามตนลักลอบเข้าตึกจอมพลแห่งภาคกลาง…เหรอ
หากพวกมันทำสำเร็จ มนุษยชาติจะเสียหายถึงขั้นไม่อาจจะเทียบประเมินได้
“เฉินเฉียง เจ้ายังไม่ได้บอกภารกิจที่เจ้าได้รับมาเลยนะ”
เฉินเฉียงได้นำข้อมูลของตงเจี๋ยนออกมาก่อนจะพูดต่อ “แน่นอนว่าภารกิจของเข้านั้นเกี่ยวข้องกับตงเจี๋ยน ราชาสวรรค์ได้ให้ข้าสวมรอยเป็นตงเจี๋ยนและหาโอกาสกลับสำนัก และอาศัยสายสัมพันธ์ที่มีต่อชุนเต๋าให้หาทางพบเจอผอ.แผนกศึกษา”
“หืม เจ้าต้องการพบข้า”
ชายแก่ผมขาวได้ลุกพรวดขึ้นมาด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยวและกล่าวถากถางในทันที “หึหึหึ แต่เจ้าก็ไม่คิดเลยสินะว่าเจ้าจะล้มเหลวลงโดยลูกสาวของข้าที่จับเจ้าได้”
เฉินเฉียงที่ได้ยินก็อดไม่ได้ที่เม้มปากเล็กน้อยและพูดตอกออกมา “ก็ถ้าข้าตัดใจทำตัวเสเพลแบบตงเจี๋ยนได้ล่ะก็ ข้าเชื่อว่าต่อให้เป็นลูกสาวของท่านก็ไม่อาจที่จะจดจำได้เช่นกัน”
“เจ้ากล้า….”
ก่อนที่ผอ.แผนกศึกษาจะได้ด่าเปิงเฉินเฉียงออกมานั้นก็ได้ถูกหยุดไว้โดยซุนไคอีกครั้ง
“รอก่อน ข้าอยากฟังว่าราชาสวรรค์ต้องการอะไร”
เฉินเฉียงได้ยินจึงได้พูดต่อ “ราชาสวรรค์ได้วางหมากเอาไว้ตั้งแต่เมื่อสิบสามปีก่อน เขาได้จับตัวเด็กแรกเกิดจากอาณานิคมเผ่าพันธุ์มนุษย์เอาไว้ทั้งหมดยี่สิบสองคน เขาได้ส่งคนให้อบรบสั่งสอนเด็กเหล่านี้ถึงความทรงพลังของมนุษย์กลายพันธุ์และด้านมืดที่ชั่วร้ายของมนุษย์ นี่จึงทำให้พวกเขากลายเป็นคนของพวกมนุษย์กลายพันธุ์อย่างสมบูรณ์”
“ในตอนนี้เด็กเหล่านั้นเติบโตจนเป็นเด็กหนุ่มที่อายุสิบสามปี แต่เพียงแค่สิบสามปี พวกเขากลับมีระดับการบ่มเพาะระดับทหารขั้นสูงเรียบร้อยแล้วหากนับว่ายังเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ล่ะนะ”
เหตุผลที่ราชาสวรรค์ให้ข้าสวมรอยเป็นตงเจี๋ยนนั้นเป็นเพราะเขาต้องการให้ข้าใช้สายสัมพันธ์กับชุนเต๋าเพื่อแนะนำเด็กทั้งยี่สิบสองคนนี้เข้าสู่สำนักมังกรอาชูร่า
ข้าเชื่อว่าเพียงแค่พวกผู้อาวุโสได้เห็นระดับการบ่มเพาะของเด็กเหล่านั้นแล้ว คงไม่แคล้วจะอ้าแขนรับโดยไม่ตรวจสอบอะไรเลยกระมัง
หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงได้มองไปยังนักรบระดับราชาทั้งสี่อย่างมีนัย
ซุนไคและพวกมองหน้ากันในทันทีที่ได้ยิน
แน่นอนว่าหากพวกเขาได้พบนักรบสายเลือดระดับทหารขั้นสูงที่มีอายุเพียงสิบสามปีนั้น เป็นธรรมดาที่สำนักไหนๆก็ตามอยากจะอ้าแขนรับอย่างไม่คิดอะไรมาก
“เจ้าคิดว่าพวกมันจะสามารถเข้าสำนักของพวกเราได้ตามที่พวกมันต้องการได้จริงๆรึไง”
“เจ้าอย่าได้ลืมไปว่าพวกเราทุกคนล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับราชา แล้วพวกเราจะยอมปล่อยให้พวกมันเข้ามาเป็นสายลับได้โดยง่าย เฮอะ” ผอ.แผนกศึกษาพยายามแก้ตัวออกมา
“โอ้ เป็นเช่นนั้นหรือ นี่แสดงว่าท่านคิดว่ารู้เรื่องของพวกมันดีแล้วสินะ”
เฉินเฉียงเว้นช่วงพักหนึ่งก่อนที่จะได้เล่าต่อ “ตอนที่อยู่ที่เกาะเทียนลี่นั้น ข้าได้พบว่ามนุษย์กลายพันธุ์นั้นอย่างน้อยๆก็มีด้วยกันสองประเภท ท่านรู้เรื่องนี้รึเปล่าล่ะ”
“สองประเภท เจ้าหมายความว่ายังไง” ซุนไครีบก้าวเข้าประชิดเฉินเฉียงและถามออกมาในทันที “เฉินเฉียง เจ้าอาจจะไม่รู้ มีผู้คนของเราเพียงน้อยนิดนักที่สามารถแฝงตัวไปกับพวกมนุษย์กลายพันธุ์ได้ และด้วยเหตุนี้ทำให้พวกเรานั้นพยายามข้อมูลจากแผ่นพลังงานของพวกมัน โดยหวังว่าจะหาจุดอ่อนของพวกมันให้จงได้”
เฉินเฉียงได้ส่ายหน้าในทันทีที่ได้ยินและพูดออกมา “ผอ.ซุน เท่าที่ข้ารับรู้มานั้น การศึกษาแผ่นพลังงานเหล่านั้นมันไร้ประโยชน์ ประเภทของมนุษย์กลายพันธุ์ที่ข้ากล่าวถึงนั้น หนึ่งคือมนุษย์กลายพันธุ์ที่ฝังแผ่นพลังงานเหล่านี้ในซากศพของเผ่าพันธุ์มนุษย์”
“มนุษย์กลายพันธุ์ประเภทนี้มีระดับการบ่มเพาะอย่างมากก็อยู่ที่ระดับนายพลวิญญาณขั้นสูงหากเทียบในเผ่าพันธุ์เรา”
“กับมนุษย์หลายพันธุ์ประเภทนี้นั้นสามารถตรวจสอบได้ง่าย พวกมันไม่มีทะเลวิญญาณ หรือจะบอกว่าไม่มีจิตวิญญาณก็ว่าได้ ท่านสามารถตรวจสอบพวกมันได้โดยใช้เทคนิคการโจมตีทางจิตวิญญาณหรือจะใช้การส่งเสียงผ่านจิตวิญญาณก็ได้ พวกมันนั้นจะไม่ได้รับรู้หรือรับผลกระทบแต่อย่างใด และนี่จะเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าพวกมันเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ประเภทนี้”
“ส่วนอีกประเภทหนึ่งที่ข้ารู้มานั้น พวกมันไม่ได้แตกต่างไปจากพวกเรา เฉกเช่นเด็กทั้งยี่สิบสองคนที่ข้าได้กล่าวถึง พวกมันมีทะเลวิญญาณ และนี่ทำให้พวกมันนั้นสามารถบ่มเพาะไปได้ถึงระดับราชาอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ห้ะ…ระดับราชา…”
ทั้งซุนไคและคนอื่นๆเมื่อได้ยินก็สะดุ้งเฮือกและอุทานออกมาพร้อมๆกันและได้ถามออกมา “เฉินเฉียง แล้วเราจะจับพวกมันได้ยังไง”
เฉินเฉียงถอดถอนลมหายใจออกมาเมื่อได้ยิน “เฮ้อออ มันยากมากที่จะระบุตัวตนของมนุษย์กลายพันธุ์ประเภทนี้ หากพวกมันไม่ยอมแสดงพลังเหนือมนุษย์ออกมาแล้ว ข้าเองก็ไม่อาจแยกแยะได้เช่นกัน”
“อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่ข้าพอจะบอกได้นั่นก็คือมนุษย์กลายพันธุ์ประเภทนี้เกือบทุกตนนั้นจะมีปีกคู่หนึ่งที่ทำให้พวกมันบินได้ หากท่านพบเจอคนที่มีปีกนี้ ขอให้ท่านตีค่าว่ามันคือมนุษย์กลายพันธุ์ไว้ก่อน”
เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ เฉินเฉียงก็มีท่าทีกระดากเล็กน้อย ใครนั้นสงสัยจริงๆว่าจะมีใครบ้างที่มีพลังพิเศษแบบเขาหรือไม่
หลังจากเฉินเฉียงพูดจบไปพักหนึ่ง ชายเคราแดงที่เป็นรองผอ.ก็ได้เอ่ยปากขึ้นมา “ผอ.ซุน หากไอ้พวกยี่สิบสองตนนั่นเข้ามาในสำนักเราได้ ข้าไม่อยากจะนึกถึงสภาพเลยจริงๆ”
“ต่อให้พวกมันยังไม่ได้เข้ามาในสำนักเรา พวกเราก็ไม่อาจปล่อยให้พวกมันมีชีวิตอยู่และสั่นคลอนการคงอยู่ของเผ่าพันธุ์ของพวกเราได้เช่นกัน”
หลังจากซุนไคพูดจบ เขาได้หันไปมองเฉินเฉีงและถามออกมา “เฉินเฉียง ตอนนี้ไอ้พวกยี่สิบสองตนนั่นอยู่ที่ไหน พวกเราต้องฆ่ามันให้จงได้”
“ผอ.เฉิน มันไม่ได้ยากเลยที่จะฆ่าพวกมัน ความจริงข้าเองก็จะฆ่าพวกมันอยู่แล้วตั้งแต่ได้พบพวกมัน”
“แต่หลังจากที่ข้าเข้าไปแล้ว ข้ากับพบว่าที่นั่นมีเผ่าพันธุ์ของพวกเราที่ค่อนข้างสูงอายุอยู่ที่นั่น ข้าเองไม่อยากจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์จึงไม่มีทางเลือกและวางแผนมาที่นี่เพื่อเข้าพบพวกท่านให้ช่วยหาวิธีการดีๆที่จะไม่ทำให้ผู้อาวุโสเหล่านั้นต้องถูกลูกหลงไปด้วย”
“เป็นเช่นนั้นนี่เอง”
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเฉินเฉียง คนทั้งสี่ได้ครุ่นคิดอย่างหนัก
“ผอ.ซุน ข้ามีความคิดในเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าท่านจะคิดเห็นยังไง”
ซุนไคได้มองไปที่เฉินเฉียงก่อนที่จะพูดออกมา “ว่ามา”
เฉินเฉียงได้กระแอมเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมา “เพื่อป้องกันการสูญเสียในเผ่าพันธุ์เดียวกัน ข้าคิดว่าเราควรจะดึงพวกมันออกจากมนุษย์โดยการบอกพวกมันว่าสำนักมังกรอาชูร่ายอมรับพวกมันเข้าสำนัก และส่งคนไปอารักขากลับมายังสำนัก”
“ตราบใดที่มนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ออกมาจุดที่มนุษย์อยู่แล้ว ท่านค่อยให้คนของท่านสังหารพวกมันระหว่างทาง”
“แผนการเยี่ยม”
ซุนไคได้ตบโต๊ะไปหนึ่งฉาดใหญ่ก่อนที่จะพูดออกมา “เอาแบบนี้ ให้เจิ้งยี่นำศิษย์ติดตามเฉินเฉียงไป พวกเราจะได้ใช้โอกาสนี้ให้เจิ้งยี่และศิษย์คนอื่นๆได้ต่อสู้กับมนุษย์กลายพันธุ์ ถือซะว่าเป็นการฝึกรบในสนามจริง”
“เห็นด้วย”
“ข้าเห็นด้วย” หวังเหยาพูดออกมา
หลังจากที่ทั้งห้าคนนั้นตกลงกันได้แล้ว พวกเขาได้พอกันเดินออกจากสำนักงานไปพร้อมๆกัน
ที่ด้านนอกสำนักงานนั้น ศิษย์สำนักมังกรอาชูร่ากว่าร้อยชีวิตได้มารวมตัวกัน
ที่ยืนอยู่หน้าคนกว่าร้อยนี้คือชุนเต๋า ตามด้วยเจิ้งยี่และคนอื่นๆ
“พ่อ ตงเจี๋ยนล่ะ”
ขุนเต๋าตกตะลึงในทันทีเมื่อเห็นว่าตงเจี๋ยนได้กลายเป็นเฉินเฉียงในเวลาอันสั้น
“อย่าพึ่งมาก่อกวน” ผอ.การศึกษาได้ดุลูกของตนไปหนึ่งทีก่อนที่จะพูดต่อ “ผอ.ซุนมีเรื่องที่จะแจ้งให้พวกเจ้าทราบ”
ผอ.ซุนได้ถอดถอนลมหายใจหนึ่งทีก่อนท่จะพูดออกมา “ลูกศิษย์ทั้งหลาย ข้านั้นเสียใจจริงๆที่ต้องประกาศว่า ตงเจี๋ยนนั้นได้ถูกฆ่าไปในระหว่างออกไปฝึกฝน”
“ว่าไงนะ”
ชุนเต๋านั้นเป็นคนแรกที่ตกใจจนส่งเสียงดังลั่น เธอได้ชี้ไปที่เฉินเฉียงและพูดออกมาด้วยเสียอันโกรธเกรี้ยว “พี่น้องทุกคน พวกเราต้องฆ่าไอ้ฆาตกรคนนี้”