ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 141 ปฏิเสธการต่อสู้

บทที่ 141 ปฏิเสธการต่อสู้

“ถูกต้อง ขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้”

ราชาสวรรค์ได้พูดต่อ “ด้วยการที่เจ้านั้นคือนักรบมีชีวิต ตราบใดที่เจ้าฝึกฝนมันได้อย่างดี เจ้าจะมีอนาคตที่ไม่สิ้นสุด”

“เมื่อเจ้าเข้าสู่ระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นช่วงปลาย เจ้าต้องไม่รีบร้อนที่จะเปิดจุดชีพจรลับที่สิบสาม แต่ให้เจ้านั้นทำการสะสมพลังงานสายเลือดไว้ในจุดชีพจรลับตามปกติ”

“เมื่อระดับพลังงานสายเลือดภายในร่างกายนั้นขึ้นไปถึงจุดหนึ่งแล้ว ขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ที่ว่านี้จะออกมาด้วยตัวเอง และเมื่อสิ่งนี้ปรากฏ ไม่เพียงจะทำให้ตัวเจ้านั้นอยู่เหนือศัตรูอย่าต่อสู้แล้ว เมื่อเจ้าทะลวงเข้าสู่ระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางได้ พลังสายเลือดที่เก็บสะสมไว้จนถึงระดับที่บังเกิดขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้นี้จะช่วยทะลวงจุดชีพจรลับให้เจ้าเพิ่มเติมได้สองถึงสามจุดในคราวเดียว”

“และในทำนองเดียวกัน เมื่อเจ้ากำลังจะก้าวไปสู่ระดับนายพลทักษะพิเศษขั้นสูง เจ้าก็สมควรจะทำเช่นนี้ด้วย”

เมื่อได้ยินคำอธิบายของราชาสวรรค์ เฉินเฉียงได้นั่งนิ่งคิดอยู่ในใจพักหนึ่งก่อนที่จะยืนขึ้นและพูดออกมา “ขอขอบคุณท่านราชาสวรรค์ ข้าจะจดจำความใจดีของท่านที่แนะนำเรื่องนี้ประทับเอาไว้ในใจ”

ถึงแม้ว่าเขานั้นจะไม่เคยได้ยินเรื่องของขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้นี้มาก่อน แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คล้ายคลึงกับผอ.เฉียนและอาจารย์ของเขาฮู่ต้าไฮ่เคยบอกเขาเอาไว้ เขาจึงเชื่อว่านี่ย่อมไม่ใช่เรื่องลวงแต่อย่างใด

“เอาล่ะ เฉินเฉียง นี่ก็สมควรแก่เวลาแล้ว เจ้าควรจะกลับไปและอย่าทำให้ซุนไคสงสัยได้ซะล่ะ”

หลังจากพูดจบ ราชาสวรรค์ก็ได้ยกมือขึ้นมา และนั่น ทำให้กำแพงโปร่งใสได้หายไป

“เจ้าตอนที่หลบซ่อนอยู่ในสำนักมังกรอาชูร่านั้น หากข้ามีเรื่องอันใดข้าจะส่งองครักษ์หยานไปหาเจ้า”

คำพูดสุดท้ายของราชาสวรรค์นี้ทำให้เฉินเฉียงจากที่อารมณ์ดีกลายเป็นหน้ายู่ในทันที ถึงแม้กระนั้น เขาก็ยังพยักหน้าและทะยานขึ้นฟ้าไปโดยก้าวย่างสวรรค์และมุ่งตรงไปยังจุดที่ฆ่าหลินเสี่ยวก่อนหน้านี้

หลังจากบินหาอยู่ครึ่งวันเขาก็ได้พบร่างของหลินเสี่ยว

อย่างไรก็ตาม คราวนี้เขาได้ค่อยๆเก็บซากร่างของหลินเสี่ยวใส่แหวนไปเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเขานั้นไปดูดกลืนทักษะขยะมาอีก

เมื่อความมืดมาเยือน เฉินเฉียงในที่สุดก็กลับไปถึงสำนักมังกรอาชูร่าที่ด้านนอก

ทันทีที่ลงถึงพื้น เฉินเฉียงก็ได้ส่งข้อความไปหาผอ.เฉียนในทันที

“ผอ.เฉียน นี่เฉินเฉียงครับ ตอนนี้งานประลองสี่สำนักก็ใกล้เข้ามาแล้ว ข้าคิดว่าอีกวันสองวันข้าจะหาโอกาสกลับไปสำนักนะครับ”

ส่วนคำมั่นที่ให้ไว้กับราชาสวรรค์นั้น แน่นอนว่าเขานั้นย่อมไม่ใส่ใจ

ตราบใดที่เขาออกจากที่ราบภาคกลางแห่งนี้และกลับไปยังสำนกเต่าดำได้ หยานเย่วสมควรจะไม่อาจไล่ตามเขาไปได้อีก

แต่เป็นตอนนี้ที่ผอ.เฉียนกลับตอบเฉินเฉียงออกมาโดยเร็ว

“เฉินเฉียง ด้วยเวลาที่กระชั้นแบบนี้ข้าว่าเจ้าอย่าพึ่งรีบกลับสำนักมาจะดีกว่า”

“เดี๋ยวข้าจะคุยกับผอ.ซุนทีหลังเพื่อให้เจ้าตามศิษย์สำนักมังกรอาชูร่าไปเข้าร่วมงานประลองสี่สำนักที่กันหนันนั่นจะเหมาะที่สุดแล้ว”

หลังจากพูดจบ ผอ.เฉียนก็ได้ตัดสายไปโดยไม่รอให้เฉินเฉียงโต้เถียงแม้แต่น้อย

“นี่ฉันต้องอยู่ที่นี่ต่อไปจริงๆสินะ”

เฉินเฉียงพล่ำบ่นและส่ายหัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนว่าเขานั้นจะไม่มีทางเลือกและต้องอยู่ที่สำนักมังกรอาชูร่านี้ไปก่อน

ที่สำนักงานของผอ.ในตอนนี้ เหล่าราชาแห่งสำนักมังกรทั้งสี่ได้มองหน้ากันอยู่นานสองนาน

พวกเขาทั้งสี่นั้นได้หาเฉินเฉียงมากว่าครึ่งค่อนวันแต่พวกเขาไม่เจอแม้แต่ร่องรอย แล้วแบบนี้จะให้พวกเขาไปอธิบายกับผอ.เฉียนแห่งสำนักเต่าดำได้ยังไง

และเพียงแค่คิดเรื่องนี้ เสียงสายเข้าก็ได้ดังขึ้นมาจากกำไลสื่อสารของซุนไค

เมื่อเปิดออกดู ซุนไคก็มีสีหน้าปวดหัวในทันใด

“ซุน ข้ามีเรื่องจะคุยเกี่ยวกับเฉินเฉียง ข้านั้น….”

ก่อนที่ผอ.เฉียนจะได้พูดจบประโยคดี ซุนไคก็ถอนลมหายใจก่อนที่จะพูดแทรกกลับไป “เฒ่าเฉียน ข้าขอโทษ”

“ข้าไม่คิดว่าหลังจากที่เด็กนั่นสร้างผลงานให้กับสำนักมังกรอาชูร่าแล้วจะต้องพบเจอกับปัญหาในทันที”

“ใจจริงของข้านั้นอยากจะมอบรางวัลอย่างดีให้กับเขาหลังที่เขานั้นกลับมาจากการสร้างผลงานแล้ว นึกไม่ถึงว่าเขานั้นจะหายตัวไปในระหว่างการต่อสู้กับมนุษย์กลายพันธุ์เมื่อเช้านี้ ตอนนี้ข้ายังหาเด็กนั่นไม่พบเลย”

หลังจากพูดจบ ซุนไคนิ่งเงียบไปอยู่นานเพื่อจะรอรับฟังคำด่าทอจากปากของผอ.เฉียนที่โกรธเกรี้ยว

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เฝ้ารออยู่นาน เขากลับไปได้ยินเสียงใดๆออกมาจากฝั่งผอ.เฉียน

ซุนไคที่เห็นผอ.เฉียนเงียบไปนานจึงค่อยๆพูดใส่กำไลสื่อสารอย่างละมุนละม่อม “เฒ่าเฉียน เฒ่าเฉียนโว้ย โหลๆ”

“นี่เจ้าว่ายังไงนะ”

เสียงอันดังก้องได้ถามกลับมา “ซุน เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่”

“เอ่อออ….ครึ่งวันแล้วน่ะ เฒ่าเฉียน ข้าไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้จริงๆ เขารู้ว่าเฉินเฉียงนั้นมีทักษะที่สูงล้ำ เจ้าพอจะให้ข้าทำอะไรไถ่โทษได้รึเปล่า ตราบใดที่สำนักของข้าทำให้ได้ ข้ายินดีที่จะทำ”

หลังจากพูดจบพูดจบ เสียงจากฝั่งผอ.เฉียนก็นิ่งเงียบไปนานจนทำให้ราชาทั้งสี่แห่งสำนักมังกรอาชูร่าอยู่กันอย่างไม่สุข และในที่สุด ผอ.เฉียนก็ได้พูดออกมา

“ซุน เจ้านั้นตีค่าผู้คนด้วยตัวคนเช่นนั้นหรือยังไง”

“งั้นข้าขอถาม หากว่าเฉินเฉียงยังไม่ตาย เจ้าจะให้รางวัลอะไรกับเด็กนั่น”

“แน่นอนว่าข้านั้นคิดจะให้รางวัลเขาอย่างหนัก เด็กนั่นช่วยพวกเราขจัดปัญหาการส่งสายลับเข้ามาในสำนักของพวกมนุษย์กลายพันธุ์ได้จำนวนมาก ด้วยผลงานอันยิ่งใหญ่นี้ตอนแรกข้าคิดว่าจะให้เขาใช้ห้องบ่มเพาะที่ดีที่สุดของสำนักเราสักสิบวัน….ไม่สิ สิบห้าวันด้วยซ้ำ”

“ฮื้มมมมมมม เพียงแค่ครึ่งเดือน ซุน นี่แกเป็นคนขี้เหนียวแบบนี้เองเหรอเนี่ย”

“ไม่ใช่โว้ยไอ้เฒ่าเฉียน ประเด็นคือตอนนี้ข้ายังไม่ได้ข่าวคราวเด็กนั่นเลยนะโว้ย ถ้าเด็กนั่นกลับมาอย่างปลอดภัยล่ะก็ ข้ายินดีจะให้เขาใช้ห้องบ่มเพาะนั่นหนึ่งเดือนเลยเอ้า”

เพียงแค่ซุนไคพูดจบลง เสียงเคาะประตูก็ได้ดังขึ้นมา

“ท่านผอ.ยังอยู่หรือเปล่าครับ ศิษย์น้องเฉินกลับมาอย่างปลอดภัยแล้วครับ”

“ว่าไงนะ”

ซุนไคที่กำลังคุยผ่านกำไลสื่อสารอยู่นั้นก็ได้เปิดประตูในทันที เขาพบเฉินเฉียงที่กำลังมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม

ในขณะเดียวกัน ผอ.เฉียนก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงอันดังลั่น

“หึหึหึ ซุน ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาคำพูดนะ”

“ไปตายที่ไหนก็ไปไป๊”

ซุนไคตะคอกใส่กำไลสื่อสารด้วยท่าทีที่ดุร้าย

“ฮืม ผอ.ซุน เกิดอะไรขึ้นครับ” เฉินเฉียงที่เห็นใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของซุนไคแล้วนั้นก็ได้ถามออกมาราวกับไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น

“โอ้ ไม่มีอะไร ข้าก็แค่คุยกับหมาบ้าตนหนึ่งเท่านั้น แล้วในครั้งนี้ค่าเผอิญโดนมันกัดเข้าน่ะ”

“เอ้อ ว่าแต่เฉินเฉียง พวกข้าตามหาเจ้าอยู่นานก็ไม่เจอ แล้วไหนไอ้นายพลทักษะพิเศษนั่นล่ะ เจ้าได้จับมันกลับมารึเปล่า”

เฉินเฉียงที่ได้ยินก็ถอดถอนลมหายใจก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าขอโทษครับท่านผอ. ข้านั้นไม่มีความสามารถในการจับกุมมันได้และได้เผลอฆ่ามันไป”

หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงก็ได้นำซากร่างของหลินเสี่ยวออกมาจากแหวนเก็บของ

“ท่านผอ. ข้าได้ยินว่าศิษย์น้องเฉินเฉียงกลับมาแล้วใช่ไหมครับ เขาปลอดภัยรึเปล่า”

ในตอนนี้ เจิ้งยี่ได้เดินเขามาในสำนักงานก็ได้เห็นซากร่างของหลินเสี่ยวในทันที

“นี่…..ศิษย์น้องเฉิน นี่เจ้าฆ่ามันเองรึ”

“จริงๆรึ” เจิ้งยี่ได้ถามย้ำออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทางของเฉินเฉียงที่กำลังถูจมูกเก๊กหล่อแทนการตอบ

ซุนไคได้มองที่ซากร่างของหลินเสี่ยวที่กองอยู่กับพื้น ก่อนที่จะหันไปมองเจิ้งยี่และพูดออกมา “เจิ้งยี่ ไม่ใช่ว่าเจ้านั้นมั่นใจว่าจะจัดการมันได้ไม่ใช่รึไงกัน”

“มาถึงตอนนี้ เจ้ายังคิดดูถูกลูกศิษย์ของสำนักเต่าดำอีกหรือไม่”

“มนุษย์กลายพันธุ์ระดับนายพลทักษะพิเศษที่เจ้าไม่อาจจะทำอะไรมันได้นั้นกลับตกตายในมือเฉินเฉียงได้ยังไง”

มาถึงจุดนี้ ซุนไคก็สงสัยและได้หันไปถามเฉินเฉียงด้วยความสงสัยจริงๆออกมา “เฉินเฉียง ถ้าจะให้พูดตรงๆแล้วตอนที่เจ้าไล่ตามไอ้นี่ไป พวกเราก็ออกไปหาเจ้าเองนะ พวกเราควรจะพบเจ้าสิ”

เฉินเฉียงได้หยักไหล่ไปทีหนึ่งก่อนจะพูดออกมา “เป็นเช่นนั้นนี่เอง แต่ท่านผอ. ตัวข้านั้นรู้ดีว่าไม่อาจจะโจมตีมันตรงๆได้ ข้าจึงได้ลากมันลงดินไปและสู้กับมันที่ใต้ดิน”

“ซุนไคที่ได้ยินก็ตบหน้าผากตัวเองดังลั่น “เข้าใจล่ะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกข้าสี่คนจึงไม่พบเจ้า ข้าลืมไปว่าเจ้านั้นมีทักษะปฐพีที่เลิศล้ำ”

“เอาเถอะนะ อย่างน้อยๆเจ้านั้นก็ยังดีกว่าใครบางคนที่คุยโวไว้กว่าครึ่งค่อนวัน”

แน่นอนว่าคำพูดของซุนไคนี้พูดถึงเจิ้งยี่ เจิ้งยี่เองเมื่อได้ยินก็อยู่ไม่สุขในทันที “ท่านผอ. ข้ายอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ ข้าขอท้าประลองอย่างยุติธรรมกับศิษย์น้องเฉินเฉียง”

ซุนไคที่ได้ยินก็มีท่าทีสนใจอย่างที่สุดในทันที เขาจึงได้ถามเฉินเฉียงออกมา “เฉินเฉียง เจ้าคิดว่ายังไง”

“ไม่อ่ะ”

เฉินเฉียงตอบออกมาทันทีอย่างไม่ต้องคิด “ที่นี่คือสำนักมังกรอาชูร่า และข้าเองก็เป็นคนนอก นี่ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าจะต้องโดนรังแกเมื่ออยู่ที่นี่ ข้าคิดว่าจะกลับไปยังสำนักเต่าดำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วไปได้เพื่อเตรียมตัวในการลงประลองงานประลองสี่สำนักที่จะมาถึงนี้”

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset