ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 147 มิติประลอง

บทที่ 147 มิติประลอง

หลังจากผ่านไปสี่ชั่วโมง ศิษย์ทั้งสี่สำนักกว่าสามพันเจ็ดร้อยคนก็ได้เข้ามิติประลองไปจนหมด

และในช่วงระหว่างนี้ ตารางคะแนนก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

เฉินเฉียงและกัวเหลียงนั้นได้ตามเข้าไปไล่ๆกับศิษย์พี่น้องชายหญิงคนอื่นๆอย่างไม่ห่างนัก

แต่เดิมเฉินเฉียงนั้นวางแผนไว้ว่าจะอยู่ทีมเดียวกับกัวเหลียงและคนอื่นๆหลังจากถูกส่งเข้าไปแล้ว แต่เมื่อเข้าไปแล้วเขากลับไม่พบใครที่อยู่รอบๆ

เป็นไปได้ว่านี่เอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ผู้จัดงานได้คิดเอาไว้แล้ว

เฉินเฉียงเองได้ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์อย่างรวดเร็วและเขาเลือกที่จะวิ่งไปในทางหนึ่งในทันที

เมื่อดูจะมิติแสงที่ไม่สิ้นสุดก่อนหน้านี้เขาพอจะเลาๆได้ว่ามิติแห่งนี้กว้างอย่างน่าเหลือเชื่อ

หลังจากที่เดินมาสองชั่วโมงแล้วเขานั้นยังไม่พบใครเลยสักคน แม้แต่สัตว์ประหลาดก็ยังไม่เห็น

อย่างไรก็ตาม เขานั้นกลับพบสมุนไพรระดับต่ำเป็นจำนวนมาก

และด้วยในที่ไม่ชอบปล่อยของทิ้งขว้าง เฉินเฉียงได้เก็บพวกมันใส่แหวนทั้งหมด

ทุกๆครั้งที่เขาเก็บสมุนไพร จำนวนของพวกมันจะถูกนับและส่งข้อมูลเข้าบัตรประจำตัวศิษย์สำนักศึกษา

เพียงครึ่งวันผ่านไป บัตรของเขาก็แสดง คะแนนของเขาก็ไปถึงสองร้อยสามสิบเจ็ดแต้ม

อย่างไรก็ตาม การที่เขาขึ้นไปอยู่ที่หนึ่งได้ด้วยเพียงแค่เก็บสมุนไพรได้นี้ มันเป็นความเร็วที่ทำให้ผู้คนที่เห็นต่างก็พูดอะไรไม่ออก

เจิ้งยี่ เว่ยฉิงเชิน หลินฟาน เฉียวกัง และหลู่ฟาง เหล่ามืออันดับหนึ่งของแต่ละสำนักล้วนแล้วแต่มุ่งเน้นไปที่การสังหารสัตว์ประหลาดอยู่กระมัง

อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงนั้นไม่ได้รู้แม้แต่น้อยว่าชื่อของเขานั้นจะปรากฏอยู่ที่อันดับหนึ่งของรายการคะแนนที่แสดงอยู่ที่โลกภายนอก

ทั้งสี่สำนักนั้น นอกจากเจิ้งยี่และคนอื่นๆแล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่มีระดับการบ่มเพาะที่สูงล้ำ ตราบใดที่พวกเขาไม่ไปพบเจอกับสัตว์ประหลาดระดับนายพลวิญญาณขั้นสูงล่ะก็ แน่นอนว่าแต้มคะแนนย่อมอยู่ไล่เลี่ยกัน

แต่นึกไม่ถึงว่าในเวลาครึ่งวันนี้ เหล่านักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางเหล่านี้ไม่สามารถพบเจอสัตว์ประหลาดได้แม้แต่สักตัวเดียว

การที่อันดับหนึ่งอันดับสองนั้นได้แต้มคะแนนมาจากการเก็บสมุนไพร จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

แต่ก็อย่างว่า จะมีศิษย์สักกี่คนที่จะมาสนใจคะแนนเล็กน้อยๆที่อยู่กันดาษดื่นแบบนี้แล้วเก็บไม่เลือกหน้า

ความจริงแล้วกับคนที่มีระดับการบ่มเพาะนายพลวิญญาณขั้นต้นนั้นมีอยู่มากมายที่ทำเหมือนเฉินเฉียง พวกเขาเก็บสมุนไพรทุกต้นที่เห็น แต่หากเทียบกับเฉินเฉียงแล้วพวกเขาแย่กว่ามาก

หนึ่งคือเฉินเฉียงนั้นมีทักษะในการปรุงยา นี่ทำให้เขานั้นรู้ว่าพืชต้นไหนมีคุณค่าทางยา

อีกหนึ่งคือเขาสามารถที่จะหาตำแหน่งของสมุนไพรเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายผ่านทักษะสื่อสารไร้สาย

นี่จึงทำให้เฉินเฉียงมีชื่ออยู่ในอันดับหนึ่งตั้งแต่วันแรกที่เขาได้เข้าไป

และเมื่อหมดวันไป อันดับในตารางอันดับก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

ที่ด้านนอกบนป้ายแสดงคะแนนนั้น เหล่าผู้นำแห่งกันหนันและสี่สำนักกว่าร้อยคนต่างพูดคุยกันเมื่อเห็นตารางคะแนนที่แสดงออกมา

ตรงที่นั่งประธาน เว่ยหยวนตี้ที่จ้องมองไปยังรายชื่อที่ไม่ว่ามองไปกี่ครั้งชื่อที่เขาจับจ้องไว้มันก็ยังไม่เปลี่ยน นี่ทำให้เขาเผยรอยยิ้มกริ่มออกมาในทุกๆครั้งไป

“พี่เฉียน พี่รู้สึกยังไงบ้างที่เห็นเฉินเฉียงอยู่อันดับหนึ่งในทันทีที่เขาได้เข้าไปกัน”

หลัวเฟิงที่เป็นผอ.สำนักเสือขาวได้ยิ้มออกมาในทันทีที่ได้ยิน “ท่านเว่ย ท่านไม่สังเกตหรือว่าคะแนนของเฉินเฉียงนั้นเพิ่มที่ละหนึ่งเพียงเท่านั้น นั่นหมายความว่าเขานั้นเก็บสมุนไพรเพียงอย่างเดียวจึงได้แต้มคะแนนมาเท่านั้น”

“หากเป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานเขาจะต้องเป็นเป้าหมายจากคนอื่น”

เมื่อเฉียนฟู่และเว่ยหยวนตี้ได้ยินความปากดีของหลัวเฟิง เขาก็ได้ก้มหัวต่ำก่อนกระซิบกับเว่ยหยวนตี้ “ท่านเว่ยน่าจะยังไม่รู้ นอกจากระดับการบ่มเพาะแล้ว เฉินเฉียงนั้นคือนักเล่นแร่แปรธาตุที่มีความสามารถสูงล้ำ แถมเขายังมีการรับงานอดิเรกปรุงยาให้ศิษย์คนอื่นในสำนักอีก”

“มันก็เป็นจริงอย่างว่าที่พี่หลัวเขาพูดออกมานั่นแหละ นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น พวกศิษย์ที่เข้าไปข้างในเองก็ดูเหมือนว่ายังไม่เจอสัตว์ประหลาดเท่าไหร่นัก”

“อีกไม่นานเฉินเฉียงก็คงจะได้ตกเป็นเป้าหมายของผู้คนสักที หึหึหึ”

ถึงแม้ว่าคำพูดของเฉียนฝู่นั้นจะแสดงออกมาอย่างเคารพ แต่สำเนียงแห่งความมั่นใจในตัวศิษย์คนนี้ก็แฝงออกมาอย่างเห็นได้ชัด

และหลังจากได้รับรู้ว่าเฉินเฉียงนั้นเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุมากฝีมือ นี่ทำให้เว่ยหยวนตี้นั้นได้แสดงท่าทางมีความสุขออกมาอย่างที่สุด

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าหลานชายข้าคนนี้จะมีเป็นคนที่มีความสามารถเลิศล้ำที่หลากหลาย เรื่องนี้น่ายินดียิ่งนัก”

หลัวเฟิงเองที่ราวถูกดีดออกมาจากวงสนทนานี้ เมื่อได้เห็นเฉียนฝู่และเว่ยหยวนตี้พูดคุยกันอย่างสนิทชิดเชื้อราวกับเป็นมิตรกันอย่างยาวนาน นี่ทำให้เขานั้นคิดที่จะเขี่ยเฉียนฝู่ให้ออกไปให้ได้

และเพื่อการนั้น เขาได้เงยหน้าขึ้นดูแต้มคะแนน และเป็นตอนนี้ที่เขาอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างดังไม่ได้

“ดูนั่นสิ อันดับคะแนนเปลี่ยนอีกแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า เฉินเฉียงก็แค่เก็บสมุนไพรอย่างเดียว ไม่ช้าก็เร็ว ยังไงซะเด็กนั่นก็สู้คนที่ไล่ฆ่าสัตว์ประหลาดไม่ได้หรอก”

เมื่อทุกคนได้ยินก็ได้เงยหน้าขึ้นมองหน้าจอแสดงอันดับ อย่างที่คาด เพียงช่วงเวลาสั้นๆ อันดับได้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด

“โอ้ ท่านเห็นรึเปล่าล่ะพี่หลัว เฉียวกังจากสำนักท่านได้ขึ้นมาที่หนึ่งแล้วน่ะ เขาดูเหมือนจะฆ่าสัตว์ประหลาดระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางทีเดียวได้สามตัวเลยนะ อ้ะ นั่น ดูเหมือนเขาจะพึ่งฆ่าระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นไปตัวนึงแฮะ”

“ฮืม ท่านเว่ย ดูเหมือนว่าลูกสาวท่านเองก็มีความสามารถมากเลยทีเดียว เหมือนเธอจะพึ่งฆ่าสัตว์ประหลาดระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางไปสองตัว และระดับต่ำไปสี่ตัวนะ อย่างที่เขาว่าจริงๆ พ่อยังไง ลูกอย่างนั้น ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย”

เมื่อเว่ยหยวนตี้ได้ยินคนอื่นพูดก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย เขามองไปที่ตารางอันดับและพูดออกมา “พี่เฉียน หลู่ฟางจากสำนักท่านนี่เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีเลยทีเดียว ดูตอนนี้สิ เขานั้นขึ้นไปอยู่ที่สองแล้ว”

เฉียนฝู่ที่ได้ยินก็มีท่าทางเปลี่ยนไป หนึ่งคือเขานั้นมีความสุขที่ได้เห็นผลงานของหลู่ฟาง อีกหนึ่งเขานั้นกำลังร้อนรน

เฉียวกัง ศิษย์สำนักเสือขาว แผนกทองคำ(โลหะ) นักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณขั้นกลาง 310 แต้ม

หลู่ฟาง ศิษย์สำนักเต่าดำ แผนกวิชายุทธพิเศษ นักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณขั้นกลาง 260 แต้ม

เว่ยฉิงเชิน ศิษย์สำนักวิหคอสนีบาต แผนกวารี นักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณขั้นกลาง 250 แต้ม

…..

ส่วนอันดับของเฉินเฉียงนั้น ในตอนนี้ค่อยลดลงไปเรื่อยๆ แต่แต้มคะแนนของเขาได้เพิ่มขึ้นเพียงทีละน้อยอยู่เช่นเดิม

เฉียนฝู่เองก็ไม่เข้าใจความคิดของเฉินเฉียงเหมือนกันว่าทำไมเขาไม่รีบไปสังหารสัตว์ประหลาดกับเขาบ้าง

หรือว่าเฉินเฉียงนั้นไม่รู้ว่าต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นก็ได้คะแนนเท่ากับเก็บสมุนไพรสิบต้น

ความจริงแล้วเฉินเฉียงนั้นกำลังกดดันอย่างหนักหน่วง นั่นก็เพราะหลังจากผ่านไปหนึ่งวันแล้ว เขานั้นยังไม่พบเจอสัตว์ประหลาดระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นเลยสักตัวเดียว แม้แต่ร่องรอยเองก็ยังไม่มีให้เห็น

นี่ทำให้เขานั้นทำได้เพียงเดินไปพลางเก็บสมุนไพรไปพลางเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาพบเจอแค่สมุนไพรระดับต่ำ

หากเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้เขาเก็บสมุนไพรทั่วทั้งบริเวณนี้ไปหมด เขายังไม่รู้เลยว่าชื่อของเขาจะติดอันดับได้รึเปล่า

ในขณะที่เขากำลังจมจ่อมอยู่กับความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ เป็นตอนนี้ที่เขาสัมผัสอะไรได้บางอย่าง

มันเป็นการสื่อสารระหว่างสมุนไพรระดับหนึ่งสองต้นตรงหน้าเขา

และหลังจากรับฟังการสื่อสารของพวกมันแล้ว ทำให้เขาได้รับรู้ข้อมูลที่น่าตื่นเต้นขึ้นมา

อีกประมาณห้าร้อยเมตรข้างหน้าเขานั้นมีสมุนไพรดาราจันทราอยู่จำนวนมากที่ใกล้ถ้ำแห่งหนึ่ง

สมุนไพรดาราจันทรานี้ไม่เพียงจะเป็นสมุนไพรระดับสองเท่านั้นแต่มันยังเป็นส่วนผสมยาที่มีชื่อว่ายาเสริมวิญญาณ

ในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ เฉินเฉียงนั้นหาวิธีที่จะเสริมค่าสถานะพลังจิตของเขามาโดยตลอด แต่มันก็เป็นไปได้อย่างยากเย็น

อย่างไรก็ตาม หากเขานั้นสามารถปรุงยาเสริมวิญญาณนี่ขึ้นมาได้ เมื่อเขากินมันเข้าไปแล้ว พลังจิตของเขาต้องเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก

ด้วยความรู้สึกปีติยินดีนี้ เฉินเฉียงจึงเลือกที่จะปล่อยสมุนไพรระดับหนึ่งสองต้นนี้ไปเพราะพวกมันให้ข้อมูลกับเขา และรีบวิ่งไปที่ถ้ำตรงหน้า

ไม่นาน เขาก็ได้เห็นโพรงถ้ำปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

แต่เมื่อเฉินเฉียงไปถึงทางเข้าถ้ำ เขาก็ต้องพลันหยุดเท้าลง

นั่นก็เพราะด้วยกระแสจิตของเขานั้น ต่อให้เขาจะบอกว่าน้อย แต่ระยะการตรวจจับของมันนั้นยังอยู่ในระดับที่อะไรก็ตามที่เข้ามาในระยะร้อยเมตรเขาจะสัมผัสได้

และในตอนนี้ ด้วยการที่กระแสจิตของเขาได้ครอบคลุมพื้นที่ไว้แล้ว เขาก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset