ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 153 ตกตายจนหมดสิ้น

บทที่ 153 ตกตายจนหมดสิ้น

ในขณะเดียวกัน งูลายทองที่เข้าไปในร่างของเขานั้นก็เหมือนจะชักดิ้นชักงออยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะหลอมละลายไปกับเลือดของเขาในชั่วพริบตา

-…..เป็นเพราะสายเลือดของเขาสินะ-

เฉินเฉียงเข้าใจเรื่องเกือบทั้งหมดได้ในทันที

ตอนที่เขาถูกโจมตีด้วยจระเข้เขี้ยวยักษ์นั่นจนบาดเจ็บจนพ่นเลือดออกมานั้น ด้วยการที่สายเลือดโกลาหลแรกกำเนิดของเขานั้นมีพิษที่รุนแรงผสมอยู่ และพิษนี้ทำให้งูลายทองทั้งหมดนี้ต้องตกตาย

ส่วนงูลายทองที่ทะลวงเข้าไปในร่างกายของเขานั้น พวกมันก็ต้องตกอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกัน ไม่สิ ต้องบอกว่าพวกมันน่าอนาถยิ่งกว่าเพราะพวกมันนั้นรับเลือดของเขาที่เป็นพิษเข้มข้นไปตรงๆจนกระทั่งพวกมันหลอมรวมไปกับเลือดพิษของสายเลือดโกลาหลแรกกำเนิดของเขา

ที่โลกภายนอกในตอนนี้ ผอ.วิหคอสนีบาต หลิวฉินได้ฟื้นคืนมาจากอาการหดหู่ได้ในที่สุดหลังจากได้รับฟังคำอธิบายของเว่ยหยวนตี้และผอ.คนอื่นๆไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม หลิวฉีนั้นคิดศิษย์ที่เธอได้หมายตาเอาไว้ นี่จึงทำให้เธอนั้นยากที่จะฟื้นคืนมาจากจิตใจที่หดหู่ได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งเธอยังเป็นห่วงศิษย์คนอื่นที่น่าจะจับกลุ่มรวมกับเธออยู่ เธอจึงได้เงยหน้าขึ้นสำรวจจอแสดงค่าคะแนนด้วยความเป็นกังวล

เป็นตอนนี้ที่หลิวฉินได้เห็นว่าเฉินเฉียงผู้ซึ่งอยู่ในอันดับ 79 ได้มีตำแหน่งทะยานขึ้นมายี่สิบอันดับ เธอมองไปยังเฉียนฝู่แล้วพูดออกมา “เฉียนฝู่ เฉินเฉียงของเจ้านั้นตำแหน่งขึ้นสูงหลังจากได้รับมาร้อยแต้มแน่ะ นี่พอจะอนุมานได้ว่าเขานั้นฆ่าสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นกลางได้รึเปล่า”

“เขาสามารถฆ่าสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นกลางได้โดยยังไม่บรรลุระดับขั้นกลาง ดูเหมือนว่าเขานั้นจะมีความสามารถจริงๆ”

ตอนนั้น เฉียนฝู่และเว่ยหยวนตี้นั้นได้ยกไวน์ขึ้นมาดื่มจนเต็มปากหลังจากพยายามทำให้หลิวฉินคลายอารมณ์ลงได้อย่างหน่ายจิต แต่ก่อนที่ทั้งสองจะกลืนมันเข้าไป เมื่อได้ยินหลิวฉินพูดออกมาจึงได้รีบมองไปยังหน้าจะแสดงอันดับในทันที

แน่นอนว่าคะแนนของเขาก่อนหน้านี้คือ 578 แต้ม ตอนนี้ได้ขึ้นมาเป็น 678 แต้ม

นี่ทำให้อันดับของเขาอยู่ที่ 62 ในทันที

อย่างไรก็ตาม เป็นตอนนี้ที่ชื่อของเฉินเฉียงมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

และเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบถี่ยิบ

778

878

เพียงไม่ถึงครึ่งนาที เฉินเฉียงได้ต่ำอันดับจากอันดับ 79 เป็นอันดับหนึ่ง

20,678 แต้ม

เจิ้งยี่ที่อยู่อันดับสองนั้นมีเพียง 3,520 แต้มเท่านั้น

ช่างเป็นคะแนนที่ห่างชั้นนัก

เฉียนฝู่และเว่ยหยวนตี้ที่กำลังจ้องมองการเปลี่ยนแปลงบนหน้าจออันดับนี้อย่างไม่วางตา เมื่อคะแนนได้หยุดลง พวกเขาได้มองหน้ากัน ก่อนที่จะจะสำลักและพ่นไวน์ที่ยังไม่ได้กลืนใส่หน้าของกันและกันในทันที

แต่ทั้งสองก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด ดวงตาของทั้งสองนั้นเบิกกว้างและมองหน้ากันด้วยตาที่ไม่กะพริบ

นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้ตาฝาด และเฉินเฉียงคือคนที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง แต่ มันเกิดขึ้นอะไรกันแน่

และในทันทีที่อันดับเปลี่ยนไปอย่างเด่นชัดขนาดนี้ทำให้ทุกคนบนที่นั่งกิตติมศักดิ์ได้จ้องมองอย่างไม่กะพริบตา ก่อนที่สายตาของทุกคนจะมาตกอยู่ที่เว่ยหยวนตี้และเฉียนฝู่

ในตอนแรก การที่เฉียวกัง ศิษย์สำนักเสือขาว ผู้ซึ่งได้คะแนนอันดับหนึ่งในวันแรก ได้ถูกเจิ้งยี่แห่งสำนักมังกรอาชูร่าแซงได้ในวันที่สองด้วยคะแนนที่ทิ้งห่างกว่า 300 แต้ม ทำให้หลัวเฟิง ผอ.แห่งสำนักเสือขาว กดดันไม่น้อยเลยทีเดียว

แต่ในตอนนี้ เขาไม่คิดว่าเฉียวกังไม่เพียงไม่อาจรักษาอันดับสองของตนได้เท่านั้น ในตอนนี้เฉินเฉียงแห่งสำนักเต่าดำได้มีคะแนนนำเป็นอันดับหนึ่งในชั่วพริบตา

แถมยังทิ้งห่างเกินกว่าที่จะไล่ตามได้ในเวลาอันสั้น

ด้วยความแตกต่างของคะแนนจากเดิมถึงสองหมื่นแต้ม นี่เขาฆ่าสัตว์ประหลาดไปได้กี่ตัวกัน

นี่ทำให้ทุกคนหวนย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องก่อนมีงานประลองที่เฉินเฉียงนั้นได้สร้างความสำเร็จให้กับมนุษยชาติได้อย่างน่าตื่นตะลึงและไม่น่าเชื่อ ทั้งๆที่มีระดับการบ่มเพาะเพียงระดับนายพลวิญญาณขั้นต้น

แต่ในช่วงเพียงไม่ถึงนาทีดี คะแนนของเฉินเฉียงกับเพิ่มขึ้นที่ละหนึ่งร้อยแต้มมากมายหลายครั้ง

หากนับเป็นจำนวนก็คือสองร้อยเอ็ดครั้ง

นี่หมายความว่ายังไงกัน

นี่หมายความว่านักรับสายเลือดระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นที่มีนามว่าเฉินเฉียงได้สังหารสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นกลางไปกว่าสองร้อยหนึ่งตัวในเวลาเพียงไม่ถึงนาทีดี

ต่อให้นักรบสายเลือดระดับราชานักรบนั้นต้องการที่จะฆ่าสัตว์ประหลาดระดับนายพลมากมายขนาดนี้ในเวลาอันสั้น พวกเขาก็ยังต้องมีความต้องการหลายๆอย่างเพื่อให้ได้ผลแบบนี้ไม่ใช่เหรอ

แล้วเฉินเฉียงทำได้ยังไงกัน

คนแรกที่ตั้งข้อสงสัยขึ้นมาคือหลัวเฟิง ผอ.แห่งสำนักเสือขาวผู้ซึ่งยอมรับไม่ได้ที่ศิษย์อันดับหนึ่งของตนหรือก็คือเฉียวกังถูกทิ้งคะแนนไปขนาดนี้

“เฒ่าเฉียน ไอ้เจ้าเฉียนเฉียงที่เจ้าให้ค่ามันนักหนาน่ะ เจ้าน่าจะรู้ความแข็งแกร่งของมันดีกว่าใครไม่ใช่เหรอ แล้วเจ้าเชื่อจริงๆเหรอว่านักรับระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นอย่างมันจะทรงพลังได้ถึงขนาดนี้”

“เรื่องนี้….” เฉียนฝู่ที่โดนถามแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดีเหมือนกัน

“คงไม่ใช่ว่าจอแสดงผลมีปัญหาหรอกนะ” ในตอนนี้ แม้แต่จ้าวหยางแห่งสำนักเต่าดำ เมื่อเห็นผลคะแนนนี้ก็ไม่มีทางเลือกทำได้เพียงถามออกมาอย่างโง่ๆ

หลิวฉิน ผอ.แห่งสำนักวิหคอสนีบาตนิ่งคิดไปเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมา “หากไม่ใช่ระบบมีปัญหาล่ะก็ ก็พอจะมีคำตอบหนึ่งที่พอจะเป็นไปได้”

“พวกท่านจำได้รึเปล่าว่าก่อนหน้านี้ ศิษย์ของข้าหลิวฉีนั้นถูกฆ่าในการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดแล้วทุกคนให้ความเห็นว่าเธอนั้นได้ไปพบเจอกับงูลายทองที่อยู่ในแม่น้ำทรายดูด”

“และพวกท่านยังให้ความเห็นว่าพวกมันน่าจะร่วมมือกับจระเข้เขี้ยวยักษ์ซึ่งพวกมันล้วนแล้วอยู่ในระดับนายพลขั้นกลาง หากนับเป็นจำนวนก็คือมีสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นกลางอยู่ 201 ตัวพอดิบพอดี”

“เป็นไปได้ว่าพวกเขาร่วมมือกันและแบ่งกันจัดการพวกมัน”

“นี่จึงเป็นเหตุที่สมเหตุผลที่มากที่สุดที่ทำไมเขานั้นถึงฆ่าพวกมันได้ในเวลาไม่ถึงนาที”

ทุกๆคนในที่สุดก็ได้เข้าใจ

“ข้อสังเกตของผอ.หลิวนั้นก็น่าจะถูกต้อง แต่ข้าก็ไม่เชื่อว่าด้วยเรื่องเพียงเท่านั้นจะทำให้ไอ้ลูกหมาระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นสามารถฆ่าสัตว์ประหลาดระดับกลางมากมายด้วยตัวคนเดียวในเวลาอันสั้น”

“กับอีแค่ลูกหมาระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นอย่างมันเนี่ยนะจะทำอะไรได้กัน”

“นอกจากไอ้เด็กเวรเฉินเฉียงนั่นจะเป็นนักรบระดับราชาแฝงตัวมา”

“เฒ่าเฉียน เฉินเฉียงเป็นศิษย์สำนักเจ้าไม่ใช่รึไง เขาเป็นราชานักรบรึเปล่า”

เฉียนฝู่เองเมื่อได้ยินแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าจะตอบคำพูดที่จิกกัดจนเลือดซิบของหลัวเฟิงยังไงดี

เป็นตอนนี้ที่หลัวเฟิงได้พูดต่อ “อย่างไรก็ตาม ข้อมีความคิดที่น่าจะเป็นไปได้อย่างมากให้ทุกคนช่วยคิดดู”

เฉียนฝู่ได้ถามออกมาในทันที “ความเป็นไปได้อะไร รีบบอกมา”

หลัวเฟิงได้หรี่ตาเล็กน้อยและค่อยๆพูดออกมา “ข้าได้ยินมาว่ามีทักษะโจมตีหมู่อันหนึ่งที่เหมาะกับการต่อกรกับงูลายทองจำนวนมากแบบนี้ได้ และถ้ามีระดับที่สูงพอจะสามารถสังหารงูลายทองพวกนี้ในทันที”

ทุกๆคนไม่คิดว่าหลัวเฟิงจะพูดคำคำนี้ออกมาอย่างช้าๆ “ปีกสีเงิน”

“ปีกสีเงิน…..เหรอ”

“ปีกสีเงิน ปีกสีเงินนั่นน่ะนะ” ทุกคนได้อุทานออกมาพร้อมกัน เป็นตอนนี้ที่มีบางคนได้พูดออกมา “ผอ.หลัว ปีกสีเงินมันเป็นเทคนิคของพวกมนุษย์กลายพันธุ์นา ถึงแม้มันจะเหมาะกับการจัดการงูลายทองพวกนี้ แต่นี่ไม่เท่ากับหาว่าเฉินเฉียงคือพวกมนุษย์กลายพันธุ์ที่แฝงตัวเช่นนั้นเรอะ”

“ไม่มีทาง”

เป็นตอนนี้ที่เว่ยหยวนตี้ เฉียนฝู่ และซุนไค ได้ประสานเสียงตีตกความคิดของหลัวเฟิงในทันที

ซุนไคพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้านั้นเห็นด้วยกับส่วนแรกที่เจ้าวิเคราะห์เท่านั้นว่าเฉินเฉียงนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะมีเทคนิคการโจมตีหมู่ที่ทรงพลังเท่านั้น”

“แต่ข้าไม่เห็นด้วยที่เจ้ากล่าวหาว่าเด็กนั่นคือมนุษย์กลายพันธุ์”

“พวกเจ้านั้นไม่รู้ว่าเด็กนั่นไม่เพียงจะทำลายแผนการใหญ่ที่มนุษย์กลายพันธุ์คิดจะก่อการในตึกจอมพลภาคกลางของพวกเรา ยิ่งไปกว่านั้น แผนการนั้นก็คือการทำลายสายลับมนุษย์กลายพันธุ์กว่าสามสิบตนที่เตรียมที่จะถูกส่งไปแทรกซึมในสำนักมังกรอาชูร่าของข้าและตึกจอมพลต่างๆของภาคกลางเรา”

“ยิ่งไปกว่านั้นคือเจ้าสายลับพวกนี้ ต่อให้เป็นระดับพวกเราก็ไม่อาจพบเจอมันด้วยวิธีปกติ”

“และเหนือสิ่งอื่นใดแล้ว เฉินเฉียงไม่แค่ค้นพบพวกมัน เขายังร่วมกับศิษย์สำนักของข้าสังหารพวกมันจนหมดสิ้น”

“คำกล่าวหาของเจ้าที่ว่าเฉินเฉียงคือมนุษย์กลายพันธุ์นั้น ข้าไม่เห็นด้วยอย่างที่สุด”

“ข้าเองก็ไม่เชื่อว่าเฉินเฉียงจะเป็นมนุษย์กลายพันธุ์” เว่ยหยวนตี้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset