ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 17 สอนก่อไฟไปเผาบ้านคนอื่นแล้ววิ่งหนี

บทที่ 17 สอนก่อไฟไปเผาบ้านคนอื่นแล้ววิ่งหนี

มดยักษ์เป็นที่รู้กันดีในหมู่สัตว์ประหลาดด้วยกันว่าเป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุดในอาณาเขตของรังหมาป่า แต่ด้วยการปลุกระดมของเฉินเฉียงแล้วทำให้พวกมันนั้นมีความรู้สึกว่าเผ่าพันธุ์ของตัวเองนั้นยิ่งใหญ่ และเผ่าพันธุ์มดยักษ์ของมันในแข็งแกร่งทุกสุดในเหล่ามดทั้งหลาย

ภายใต้ความมั่นใจตัวเองอย่างที่สุดนี้ กลุ่มของมดยักษ์รีบเร่งเดินตรงไปด้วยการยกหัวเชิดสูงอย่างน่าหมั่นไส้

“พวกเรามดยักษ์แข็งแกร่งที่สุด”

“เราจะจับหมาป่าสีเงินจันทรามากดขี่”

“เราจะจับหมาป่าสีเงินจันทรามาเป็นสัตว์เลี้ยง”

….

เฉินเฉียงที่คลานตามอยู่แต่ไกลนั้น ในตอนนี้กำลังปาดเหงื่อและเฝ้ามองสิ่งที่เขาหวังจากที่ไกลๆ

เจ้ามดโง่พวกนี้คงต้องเสียใจที่พวกมันมั่นใจตัวเองเกินไป

หากว่าขบวนนี้ยังเดินหน้าต่อไปล่ะก็ พวกมันจะเข้าสู่พื้นที่เขตในของรังหมาป่า และนี่เทียบเท่ากับการเข้าไปหาเรื่องหมาป่าสีเงินจันทรา

และนี่ทำให้เฉินเฉียงต้องคิดหนัก

ตอนนี้เขานั้นกำลังจะตัดสินใจอยู่ว่าเขานั้นควรจะตามต่อไปหรือว่าควรจะถอยออกไปเลยจะดีกว่ากัน

ภายใต้การนำทางของมดยักษ์ตัวที่เอ่ยปากบอกว่าเคยเห็นผลกระจ่างจิตมาแล้ว กองทัพยังคงเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงและเข้มแข็ง ตลอดทางที่ผ่านมา เหล่าสัตว์ประหลาดที่อยู่ระดับต่ำต่างก็ครั่นคร้ามในทันทีเมื่อได้ยินเสียงเดินขบวนนี้

ยิ่งพวกมันได้เห็นสัตว์ประหลาดตัวอื่นหวาดกลัว พวกมันก็ยิ่งฮึกเหิม

“ฮ่าฮ่า พวกเจ้าเห็นรึเปล่า ปกติพวกมันนั้นไม่เคยจะปรายตามองพวกเราเลย แต่ในตอนนี้พวกมันกำลังวิ่งหนีเราไปราวกับว่ามันมีหางมาจุกอยู่ที่ก้น”

“จริงด้วย จากวันนี้เป็นต้นไป อาณาจักรมดยักษ์อันยิ่งใหญ่จะประกาศศักดาให้ลือเลื่อง”

“ฮ่าฮ่า เมื่อมดยักษ์อย่างพวกเรารวมตัวเป็นกองทัพ พวกเราจะไร้เทียมทาน”

อีกครึ่งวันผ่านไป กองทัพมดยักษ์ในที่สุดก็ถึงโพรงๆหนึ่งที่มีขนาดสูงใหญ่ที่เทียบเท่าคนหนึ่งคน

นี่คือทางเข้ารังของเม่นเกราะ บริเวณนี้ราบเรียบและเตียนโล่ง ที่หน้าทางเข้านี้มีเม่นเกราะสองตัวขนาดพอๆกับหมาป่าไม่ก็หมาบ้านกำลังวิ่งเล่นกันอยู่ แต่เมื่อพวกมันทั้งสองได้คลื่นกองทัพมดยักษ์ที่มาอยู่ถึงหน้าบ้าน นี่ทำให้พวกมันอดที่จะเบิกตากว้างและจ้องมองด้วยความสั่นกลัวไม่ได้

และเมื่อกองทัพมดยักษ์ได้เห็นเม่นเกราะทั้งสองตัว พวกมันก็ได้หยุดเท้าลงในทันที

หากเป็นเหมือนดังแต่ก่อนนั้น พวกมันคงจะทยอยเข้าไปในถ้ำแห่งนี้อย่างเรียงแถวกัน ซึ่งนั้นไม่ได้ต่างจากการเดินเข้าไปหาความตายเลยแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่คาดคิดมาก่อนว่าเม่นเกราะสองตัวนี้เมื่อเห็นพวกมันแล้วจะหวาดกลัวขนาดนี้ นี่กลับยิ่งจุดไปความฮึกเหิมให้พวกมันเป็นการใหญ่

“ฮ่าฮ่า ถ้าวันนี้พวกเราไม่ได้มองกันผิดก็คงเป็นการตาลายกันไปหมด นี่พวกเราเห็นรึเปล่า เม่นเกราะสองตัวนั่นกำลังกลัวพวกเราน่ะ”

“จริงด้วย เป็นเพียงเม่นเกราะตัวน้อยๆเท่านั้น ไม่นับประสาอะไรเมื่ออยู่ตรงหน้าของกองทัพอันสูงส่งของพวกเราเลย เพื่อนตัวน้อย เราจะรออะไรล่ะ จู่โจม”

ภายใต้เสียงที่ประกาศศักดาของพวกตนเอง คลื่นมวลหมู่มดได้ถาโถมเข้าใส่เม่นเกราะทั้งสองอย่างไม่หยุดยั้ง

“สควิชชชช สควิช”

เม่นเกราะทั้งสองตัวถอยร่นไปทางโพรงเล็กน้อยก็ส่งเสียงร้องดังลั่น

เป็นตอนนี้ที่มีเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นได้ดังออกมาจากภายในถ้ำ

เป็นเม่นเกราะตัวใหญ่เท่าวัวกลิ้งออกมาราวกับกระสุนลูกปืนใหญ่

เมื่อร่างอันใหญ่ยักษ์ได้เห็นกองทัพมดยักษ์ได้มารุมล้อมอย่างกดดัน ดวงตาของเม่นเกราะตัวยักษ์ได้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดง มันยืดตัวขึ้นจนสุดและเปลี่ยนตัวมันให้กลายเป็นลูกบอลหนาม ก่อนที่จะไล่บดทับขยี้กองทัพมดยักษ์ที่อยู่ตรงหน้า

เฉินเฉียงที่มองอยู่จากที่ไกลๆก็ต้องอ้าปากค้างในทันทีที่เห็นฉากนี้

เพียงหนึ่งการกลิ้งผ่านของมันนั้นทำให้มดยักษ์นับพันแหลกเละไม่มีชิ้นดี ชิ้นส่วนร่างกายของมดยักษ์ยังคงติดแน่นอยู่บนหนามที่หลังของมัน

โดยไม่หยุดพัก มันได้เปลี่ยนทิศทางการกลิ้งและยังคงไล่บดทับมดยักษ์กองอื่นต่อไป

เพียงไม่ถึงนาที กองทัพมดยักษ์ในตอนนี้เหลือรอดเพียงไม่กี่ตัว

มดยักษ์นับร้อยที่เหลืออยู่ในตอนนี้ต่างก็แตกฮือหนีตายกับรัง พลางก่นด่าสาปแช่งออกมา

“จบแล้ว กองทัพมดยักษ์อันเกรียงไกรของพวกเราจบลงแล้ว พวกเราแทบไม่เหลือแล้ว เจ้าเม่นเกราะตัวยักษ์นั่นมันแกร่งเกินไป”

“แม่….เอ๊ย ไอ้ตัวยุยงนั้นมันอยู่ไหนวะ ข้าขอสาปส่งให้แกตกตายถูกบดขยี้เป็นผุยผงไปตอนที่เจ้าเม่นนั่นหมุนทับไปเมื่อกี้ เพียงการหมุนทับกองทัพนับหมื่นของพวกเราต้องตกตายไปจะเกือบหมดเลยนะ”

“มันเป็นความผิดของเราแต่แรกแล้ว พวกเรามดยักษ์ควรจะพอใจกับการดื่มเลือดเวสเซอร์ตัวเหม็นนั่นก็ดีอยู่แล้ว”

หลังจากหมุนไปอีกไม่กี่ที เจ้าเม่นเกราะตัวยักษ์ก็ได้หยุดหมุนตัวเอง ก่อนที่จะพยายามสลัดซากมดที่เกาะอยู่ที่หลังออกไป ซากมดยักษ์ที่กระเด็นออกไปนั้นก็ได้กระเด็นกระดอนร่วงหล่นราวกับฝนที่โปรยปราย

ในขณะเดียวกัน เฉินเฉียงที่ตอนนี้กำลังตกตะลึงก็ได้พบกับแววตาอันเย็นยะเยียบของเม่นเกราะตัวยักษ์จ้องมาที่เขา

วิ่งวิ่งวิ่ง วิ่งวิ่ง

แม้ตอนนี้ตัวเขาจะอยู่ห่างจากเม่นเกราะตัวยักษ์นั่นกว่าสองร้อยเมตร แต่ตัวเขานั้นกับสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมารุนแรงกว่าตอนที่เขาเจอหมาไม้สายฟ้าตัวพ่อก่อนหน้านี้เสียอีก

เจ้าตัวใหญ่นั่นต้องเป็นระดับนายพลอย่างไม่ต้องสงสัย

ก้าวย่างสวรรค์ถูกใช้ออกไปติดๆกัน

หลังจากผ่านไปสามย่างก้าว เฉินเฉียงก็ได้อยู่ห่างจากจุดที่เขาอยู่ห้าร้อยเมตร

เมื่อหันหลังกลับไปดูก็เพราะเม่นเกราะตัวยักษ์กลิ้งตรงมาที่เขาอย่างรวดเร็ว

เม่นเกราะยักษ์ในตอนนี้เปรียบได้ดั่งรถบดถนนที่วิ่งด้วยความเร็วสูง ไม่ว่ามันจะกลิ้งผ่านอะไรก็ตาม หลังจากมันผ่านไปแล้ว ข้างหลังของมันนั้นกลายเป็นพื้นที่ราบเรียบราวกับไม่เคยมีอะไรมาก่อน

แม้แต่ก้อนหินที่ขวางทางกลิ้งเอาไว้ก็ยังแหลกเป็นผุยผงด้วยพลังของหนามที่แข็งและแหลมคมราวกับหัวลูกธนู

ไอ้…..

ไอ้พวกมดโง่นั่นที่เขาอุตส่าห์หลอกล่อให้มาช่วยเก็บผลกระจ่างจิตดันไปก่อกวนสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงแบบนี้ซะได้

ดูเหมือนว่าเขานั้นจะหลุดรอดจากสถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้ง่ายๆแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนที่เขาตามกองทัพมดยักษ์มานั้น เขาไม่พบนักรบสายเลือดระดับวิญญาณเลยสักคน คราวนี้เขาหาคนช่วยไม่ได้แล้ว

เฉินเฉียงในตอนนี้กำลังวิ่งอย่างสุดชีวิต เขานั้นยังคอยหันไปมองเจ้าเม่นเกราะหนามยักษ์อยู่ตลอดเวลา และมันยิ่งกลิ้ง การกลิ้งของมันก็ยิ่งดุดันขึ้นราวกับว่ายังไงก็ไม่ยอมปล่อยเขาให้หนีไปได้

ความห่างของทั้งสองเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หัวใจของเฉินเฉียงเริ่มเต็มไปด้วยความร้อนรน

หลังจากมองดูอยู่พักใหญ่แล้ว ทำให้เขานั้นรู้ว่า เจ้าเม่นเกราะหนามเหมือนจะทำได้เพียงกลิ้งตัวอย่างเดียวเท่านั้น

และในตอนนี้เขาและเจ้าเม่นตัวนี้กำลังลงจากเขา นี่ทำให้ความเร็วในการกลิ้งของมันมากขึ้น

ตราบใดที่มันยังม้วนตัวอยู่พร้อมทั้งหนามที่ทำลายสิ่งกีดขวาง นี่จะไม่ทำให้มันเร็วขึ้นได้ยังไง

เฉินเฉียงในตอนนี้ยังคงคิดหาวิธีหลุดรอดจากสถานการณ์อยู่ในใจ แต่เขานั้นไม่ได้สนเส้นทางที่เขาวิ่งหนี จนทำให้ในตอนนี้เขานั้นกลับเลือกเส้นทางที่ช่วยเพิ่มความเร็วให้กับเจ้าเม่นเกราะนี่อีกด้วย

เมื่อเฉินเฉียงเริ่มรู้ตัว เฉินเฉียงที่วิ่งห้ออย่างรวดเร็วก็ได้หยุดเท้าลงและวิ่งออกด้านข้างในทันที

แต่เขานั้นกลับคาดไม่ถึงว่าเม่นเกราะเองก็รู้ว่าเขาเปลี่ยนทิศทาง มันเองก็ได้เปลี่ยนวิธีการกลิ้งโน้มมายังทิศทางที่เขาไป

ฉิบ…

เมื่อเห็นฉากนี้ หัวใจของเฉินเฉียงก็รู้สึกเย็นยะเยียบก่อนที่จะตัดสินใจวิ่งลงเขาต่อไป

แต่วิธีการนี้เขาเองแน่นอนว่าตัวเขานั้นคงจะรอดอยู่ได้อีกไม่นาน และในที่สุดเม่นเกราะก็จะไล่ทันเขา

ตอนนี้เฉินเฉียงได้ทำการสอดส่องพื้นที่โดยรอบ

นั่น

ข้างหน้าเฉินเฉียงห่างอีกสามร้อยเมตร ข้างหลังหินก้อนใหญ่นั้นเขาพบหุบผาที่มีเถาวัลย์เกาะอยู่ตามผาโดยรอบ

เฉินเฉียงได้ใช้ก้าวย่างสวรรค์อีกครั้ง หลังจากย่างก้าวไปสองครั้ง เขาก็ได้ร่วงหล่นลงไปในหุบผานี้ ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ใช้ทักษะไร้ตัวตนและคลื่นเสียงตรวจสอบ

เม่นเกราะเองในตอนนี้ก็ได้หยุดหมุนก่อนที่จะถึงตำแหน่งของเฉินเฉียงอยู่ประมาณสามสิบเมตร ก่อนที่ทำการดมกลิ่นฟุตฟิตไปมา

เฉินเฉียงที่ในตอนนี้อยู่ในสภาพไร้ตัวตนก็รู้สึกได้ถึงเสียงของหัวใจตนในทันที นี่ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่ามันนั้นมีทักษะติดตามกลิ่นด้วยรึเปล่า

เมื่อคิดความเป็นไปได้นี้ขึ้นมา เฉินเฉียงได้ทำการปรับพลังงานชีวิตภายในให้อยู่ในระดับต่ำที่สุดราวกับว่าตนเองแกล้งตาย

หลังจากผ่านไปสิบกว่าวินาที เม่นเกราะก็หาเฉินเฉียงไม่พบมันก็ได้คลั่งขึ้นมาจนกระทืบเท้าไปบนพื้น

แต่การกระทืบเท้าของมันนั้นน่ากลัวกว่าสัตว์ประหลาดตนใดที่เขาเคยพบมา

“อ๊าาาาาาา”

Related

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset