ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 172 ทรมาน

บทที่ 172 ทรมาน

กลับกัน เมื่อเหล่าศิษย์แต่ละคนได้เห็นฉากนี้ พวกเขาต่างก็มีสีหน้าราวกับเผชิญหน้ากับอะไรบางอย่างที่อยากจะทะลวงผ่านไปได้

ส่วนศิษย์สำนักเสือขาวนั้น ทั้งผอ.และลูกศิษย์ ต่างก็กังวลแทนหลินฟานในทันที

ยิ่งไปกว่านั้นคือทุกๆคนก็ได้เห็นแล้วว่าเฉินเฉียงนั้นยังไม่ได้ทะลวงข้ามระดับขั้นด้วยซ้ำ พวกเขาต่างก็หวังเป็นอย่างเดียวกันนั่นคือเฉินเฉียงอย่าได้ทะลวงผ่านในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นละก็หากเฉินเฉียงทะลวงผ่านจริงละก็ หลินฟานจะต้องแพ้อย่างแน่นอน

ทางฝั่งสำนักเต่าดำนั้น หลู่ฟางและศิษย์คนอื่นในแผนกวิชายุทธพิเศษนั้นต่างก็แสดงออกมาราวกับคนอยากยา พวกเขาทำเพียงการร้องเชียร์เฉินเฉียงด้วยเสียงครางต่ำ หากว่าพวกเขานั้นไม่เห็นแก่หน้าสำนักเสือขาวละก็พวกเขาคงจะตะโกนจนดังก้องทั่วพื้นที่ไปแล้ว

แน่นอนว่าจ้าวฮั่นนั้น เป็นเพียงคนเดียวในสำนักเต่าดำที่ไม่ต้องการให้เฉินเฉียงชนะ

ที่สำนักเต่าดำ เฉินเฉียงได้หลุดรอดจากความตายในเงื้อมมือของจ้าวฮั่นมาได้หลายต่อหลายครั้ง แต่ในตอนนี้ คนที่เฉินเฉียงต้องเผชิญหน้าเป็นถึงนักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณ….. ไม่สิ ระดับนายพลทักษะพิเศษ-

จ้าวฮั่นเองก็ได้เห็นฝีมือของหลินฟานมากับตาตัวเองแล้ว

ตอนที่เขาได้ยินว่าเฉินเฉียงท้าประลองกับหลินฟาน เขาแทบจะกระโดดโลดเต้นขึ้นมาในทันทีที่ได้ยิน

หากในที่นี้จะมีใครสักคนที่พอจะต่อกรกับเฉินเฉียงได้ก็คงจะมีเพียงหลินฟานเท่านั้น

และด้วยการเฉินเฉียงรนหาที่ตายด้วยตัวเองแบบนี้ นี่ยิ่งทำให้จ้าวฮั่นทนรอที่จะเห็นสภาพตกตายของเฉินเฉียงเสียมิได้

แต่ในตอนนี้ หลินฟานที่กำลังสู้กับเฉินเฉียงกลับมีท่าทีเกรงกลัวขึ้นมา

นี่จะทำให้เขานั้นยอมรับได้อย่างไรกัน

ยิ่งไปกว่านั้นคือหลินฟานได้ทำให้เขากลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ไปแล้ว หากไร้หลินฟานแล้วเขาจะไปมีอนาคตได้ยังไง

เป็นตอนนี้ที่จ้าวฮั่นนั้นรู้สึกได้ราวกับว่าเป็นคนตกงาน หัวใจของเขานั้นว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความกลัว

-หากหลินฟานพ่ายแพ้แล้วเขาจะทำยังไง-

-แล้วหากเขาถูกเปิดเผยความลับนี้ล่ะ แล้วปู่ของเขายังจะปกป้องเขาได้อยู่รึเปล่า-

ชุนเต๋าและฟางยี่แห่งสำนักมังกรอาชูร่าเองกำลังตกอยู่ในสภาพไม่ต่างไปจากจ้าวฮั่น

เพื่อนที่ดีทั้งสองคนนั้นยามเมื่อกลับไปรวมกับทีมของตัวเองหลังจากออกจากมิติประลองรอบแรกแล้วนั้นราวกับเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน

แต่เมื่อทั้งสองเห็นหลินฟานตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีแบบนี้ ทั้งสองจึงได้รวมตัวกันเฉกเช่นแต่ก่อนอีกครั้ง

“พวกเราจะทำยังไงดี พวกเราจะทำยังไงดีล่ะ ชุนเต๋า หากหลินฟานตกตายพวกเราไม่ถูกเปิดโปงไปด้วยเหรอ”

“ใจเย็นลงก่อน พวกเราต้องกลัวไปทำไม ตราบใดที่พวกเราไม่พูด ใครจะพบความลับของพวกเรากัน อีกอย่างหนึ่งคือหลินฟานนั้นเก่งมากเลยนะ เขาย่อมไม่แพ้อย่างแน่นอน เราดูกันไปก่อนดีกว่า”

เจิ้งยี่ที่อยู่แถวหน้าสุดของสำนักมังกรอาชูร่านั้นในตอนนี้แสดงออกมาอย่างตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดเสียยิ่งกว่าชัดเมื่อเห็นว่าเฉินเฉียงเป็นฝ่ายเหนือกว่า เขากำหมัดนั้นและพูดพึมพำออกมาอย่างไม่หยุดปาก “ดี ฆ่ามัน ฆ่ามันซะ”

ขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้นี้จะปรากฏออกมาแล้วแต่เฉินเฉียงก็ยังไม่คิดจะทะลวงผ่านแต่อย่างใด เขาหยุดการทะลวงผ่านและนี่เองทำให้เฉินเฉียงในที่สุดก็ถอนลมหายใจออกมา

หลินฟานได้ปาดเหงื่อที่ชุ่มโชกก่อนที่จะถามออกมาอย่างสงสัย “อะไรกัน นี่เจ้าทะลวงผ่านไปได้รึยังไง”

เฉินเฉียงนั้นไม่คิดจะพูดคุยเรื่องการบ่มเพาะกับศัตรูอยู่แล้ว เขาจึงได้พูดยั่วยุกลับไป “โฮ่…หลินฟาน นี่เจ้าอยากให้ข้าทะลวงข้ามขั้นไปจริงๆหรอกเหรอเนี่ย”

“เอาน่า ต่อให้ข้าจะทะลวงข้ามขั้นไปในตอนนี้ เจ้าเองก็ไม่มีปัญญาที่จะหยุดข้าได้หรอกนะ ลองดูนี่ก่อนสิ”

หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงได้นำแผ่นที่ส่องแสงประดุจดวงดาวออกมาจากแหวน

“แผ่น….พลังงาน”

เมื่อเห็นแผ่นแก่นพลังงานที่อยู่ในมือของเฉินเฉียง หลินฟานราวกับหัวใจได้หล่นร่วงไปยังพื้นดิน

“เฉินเฉียง เจ้ามีกระทั่งของล้ำค่าแบบนี้”

“ฮี่ฮี่ฮี่” เฉินเฉียงได้กำมือและเก็บแผ่นพลังงานกลับไป “หลินฟาน เจ้าเห็นรึเปล่า ด้วยการที่ข้ามีแผ่นแก่นพลังงานนี้ ต่อให้ข้าต้องดูดซับมันในระหว่างต่อสู้เจ้าก็ไม่อาจจะหยุดข้าได้”

“เป็นยังไง เจ้าอยากได้รึเปล่าล่ะ”

“ตราบใดที่เจ้าบอกข้อมูลข้ามาละก็ ข้าก็จะให้เจ้าสักสองอันแล้วกัน เจ้าคิดว่าไง”

“อย่าลืมนะว่าแผ่นแก่นพลังงานนี้มีค่ามากแม้แต่กับเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์เองก็ตาม”

อย่างไรก็ตาม หลินฟางก็ไม่ได้คิดจะเล่นดัวยแต่อย่างใด

“เฉินเฉียง เหตุที่เจ้านั้นต้องการสู้กับข้าที่นี่เป็นเพราะว่าเจ้าต้องการรู้ว่าหัวหน้าของข้าเป็นใครสินะ…..ฝันไปเถอะเอ็ง”

“โอ้” เฉินเฉียงเมื่อได้ยินก็มีสีหน้าที่เย็นชาในทันที เขาได้ดึงดาบดั้นเมฆออกมาและพูดต่อ “เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะสู้กับเจ้าจนกว่าเจ้าจะพูดแล้วกัน”

หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงก็ได้หายไปต่อหน้าต่อตาหลินฟาน

“เฮ้ย” หลินฟานได้ตื่นตระหนกในทันทีที่เห็นฉากนี้ กว่าจะรู้ตัวอีกทีเฉินเฉียงก็ปรากฏตัวอยู่ข้างเขาและฟันดาบลงมาที่ด้านข้าง

“อ๊าก”

นี่เป็นครั้งแรกที่หลินฟานไม่อาจจะตั้งรับการโจมตีของเฉินเฉียงไว้ได้

อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงไม่ได้คิดฆ่าเขาแต่อย่างใด เขาทำเพียงทำลายเกราะชั้นพลังงานไปเท่านั้น และนี่ทำให้หลินฟานมีเลือดไหลออกมาเพียงเล็กน้อย

หลังจากต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน เฉินเฉียงก็รับรู้ได้ว่าหลินฟานนั้นไม่ต้องการนำดาบทองคำออกมาเพราะไม่อยากจะถูกเผยตัว นี่ทำให้เฉินเฉียงคิดจะทรมานหลินฟานเล่นจนกว่าเขาจะเผยตัวออกมาด้วยตัวเอง

“หลินฟาน เจ้าเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ไม่ใช่รึไง แสดงฝีมือดาบทองคำของเจ้าให้เห็นกับตาหน่อยสิ”

“อ้อ แล้วเจ้านั้นมีพลังอะไรกันล่ะ เกราะเหล็กไหลเหรอ”

“แล้วไหนปีกของเจ้าล่ะ”

ในหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมานี้ เฉินเฉียงได้ใช้ทักษะล่องหนและดาบดั้นเมฆกดดันหลินฟานอย่างหนักจนร่างของเขาโชคเลือด แต่กระนั้น หลินฟานก็ราวกับเป็นคนจริงที่ไม่ยอมแม้จะเผยร่องรอยอะไรออกมา

“เฉินเฉียง เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับเกราะเหล็กไหลและปีกสีเงินได้ยังไง”

“แถมสิ่งที่เจ้าใช้นั่นมันทักษะหลบหนีแสงไม่ใช่รึไงกัน”

“ไหนจะไอ้การเปลี่ยนรูปลักษณ์นั่นอีก ต่อให้เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ก็ไม่มีใครเชื่อเจ้าหรอกโว้ย”

“แล้วทำไม ทำไมเจ้าต้องทำร้ายข้าด้วย”

“พวกเรามันก็พวกเดียวกันแท้ๆ”

“บรึ๋ย ใครกันเป็นพวกเดียวกับเจ้า”

เฉินเฉียงได้กล่าวตอกคำพูดของหลินฟานออกมาในทันที ข้า เฉินเฉียงเป็นนักรบสายเลือดแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์และยังเป็นนายพลเว่ยหวู่อีกด้วย”

หลังจากพูดจบ เขาก็ได้พรางกายและลงดาบอีกครั้ง

ที่ภายนอกนั้นในตอนนี้ทั้งเว่ยหยวนตี้และคนอื่นๆต่างก็ขยี้ตากันอย่างหนักและถามออกมาด้วยความไม่เชื่อสายตา “พวกเจ้า พวกเจ้าเห็นรึเปล่าว่าเฉินเฉียงใช้ท่าเท้าอะไรกันแน่”

“ทำไมค่าดูมันราวกับหายตัวได้กัน”

“ข้าไม่ทราบเหมือนกัน” เฉินเฉียนฝู่พูดออกมาด้วยท่าทีจริงจัง

ในฐานะผอ.เต่าดำแล้ว เขานั้นยิ่งมองการต่อสู้นี้เท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกสงสัยในตัวชายที่เขาภูมิใจอย่างมากคนนี้

“แล้ว…ท่านเว่ย ท่านเห็นรึเปล่าว่าอาวุธที่เฉินเฉียงใช้นั้นมันดูแปลกๆ มันดูไม่ใช่ของที่มาจากเผ่าพันธุ์มนุษย์เรา มันเป็นไปได้ว่า…”

เมื่อซุนไคได้เห็นท่าทางร้อนรนของหลัวเฟิงแล้วเขาได้พูดออกมา “เฒ่าหลัว เจ้าไม่ต้องสงสัยในเรื่องนั้น ข้ารู้เกี่ยวกับมันอยู่แล้ว อาวุธของเฉินเฉียงนั้นมีที่มาที่ไม่เป็นปัญหา ข้าสอบสวนเรื่องนี้แล้ว”

เมื่อเห็นว่าซุนไคออกโรงปกป้องเฉินเฉียงด้วยตัวเอง หลัวเฟิงไม่มีทางเลือกทำได้เพียงแค่เงียบเสียงไป อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้หินหลินฟานที่ตกอยู่ในสภาพโชกเลือด ใจของเขาก็ราวกับถูกมีดกรีดเฉือน

นี่ทำให้เขานึกย้อนไปตอนที่เห็นเฉินเฉียงเดินเข้าหาอันตรายแล้วเว่ยฉิงเชินร้องขอ ทำไมเขาไม่ยอมทำกัน

แล้วนี่เขาจะทำเช่นไร

ท้ายที่สุด หลัวเฟิงจึงทำตัวใจกล้าหน้าด้านและพูดออกมา “ท่านเว่ย สถานการณ์ในตอนนี้ก็เห็นกันอยู่แล้ว”

“หลินฟานแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย”

“แต่เฉินเฉียงแห่งสำนักเต่าดำไม่ทำเกินไปหน่อยรึไง”

“หลินฟานในตอนนี้สู้ต่อไม่ไหวแล้วแล้วทำไมเขาไม่ฆ่าให้มันจบๆไป”

“เขาโหดร้ายจนทำตัวไม่เหมาะสมกับอัจฉริยะของเผ่าพันธุ์เราแม้แต่น้อย”

“เฒ่าเฉียน เจ้าไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยรึไงกัน”

ศิษย์สำนักเสือขาวทุกคนในตอนนี้เองก็รู้สึกทนไม่ได้ที่เห็นหลินฟานของพวกเขาถูกผลักให้ตกไปอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอดสูเช่นนี้

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset