บทที่ 176 ช่วยเจิ้งยี่
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เขาคงไม่มีโอกาสจะได้มันมาครอบครอง
เว่ยหยวนตี้และคนอื่นๆที่เห็นเฉินเฉียงหยิบแผ่นแก่นพลังงานนี้ขึ้นมาก็ได้มองหน้ากันและพูดออกมา “มันก็แค่แผ่นพลังงานของมนุษย์กลายพันธุ์ไม่ใช่เหรอ แล้วมันน่าประหลาดใจตรงไหนกัน”
เฉินเฉียงได้ส่ายหัวไปมาและได้ตอบกลับไป “ไม่ใช่ มันไม่ใช่แค่แผ่นพลังงานธรรมดา แต่มันคือแผ่นแก่นพลังงานและมันยังไม่ได้ถูกฝังอีกด้วย”
“เท่าที่ข้าสืบมาได้นั้น นอกจากหลินฟานแล้ว ในเหล่าศิษย์สี่สำนักนั้นยังมีศิษย์คนอื่นๆที่ถูกหลินฟานฝังแผ่นแก่นพลังงานนี้ไว้ในร่างในระหว่างการประลองนี้”
“ว่าไงนะ”
คำพูดของเฉินเฉียงได้ทำให้ท่าทางของเว่ยหยวนตี้และเหล่าผู้บริหารของสำนักเปลี่ยนท่าทีเป็นเคร่งเครียดในทันใด
เว่ยหยวนตี้และผอ.ของสี่สำนักได้ยืนขึ้นมาพร้อมกันและสาดส่องสายตาไปยังศิษย์ทั้งสี่สำนักกว่าสามพันคนที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงอันนุ่มลึกและดังลั่น “หากว่าถือคำพูดของเฉินเฉียงเป็นความจริงล่ะก็ ในหมู่พวกเจ้ามีมนุษย์กลายพันธุ์อยู่ จงออกมาเดี๋ยวนี้”
เหล่าศิษย์สี่สำนักได้สะดุ้งเฮือกในทันใด
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกเขาต่างก็ลนลานและพยายามรักษาระยะห่างกับคนอื่นๆเอาไว้นั่นก็เพราะพวกเขานั้นต่างก็กลัวว่าคนที่อยู่ข้างๆจะเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ผู้โหดร้าย
จ้าวฮั่น ชุนเต๋า และเพื่อนสนิทของเธอนั้นต่างก็ตื่นตัวในทันที พวกเขานั้นฝืนตัวเองให้มองหน้าเฉินเฉียงเข้าไว้เพราะกลัวว่าจะผิดสังเกต
พวกเขาหวังเพียงว่าเฉินเฉียงจะไม่รู้ตัวตนของพวกเขาและทำได้เพียงพยายามล่อลวงพวกเขาให้แสดงตนออกไปด้วยตัวเองได้เพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงไม่ได้ใส่ใจคนทั้งสามแต่อย่างใด เขานั้นใช้กระแสจิตของตนพุ่งตรงไปตรวจสอบคนคนหนึ่งอย่างหนัก
เป็นเจิ้งยี่
หลังจากเฉินเฉียงได้พูดเรื่องนี้ออกมา ใบหน้าของเจิ้งยี่นั้นแสดงออกมาซึ่งความเศร้าเสียใจและสมเพชตัวเองอย่างเห็นได้ชัด และท่าทางของเจิ้งยี่นี้เองได้ทำให้เฉินเฉียงประเมินค่าเขาอย่างหนึ่งขึ้นมาอยู่ในใจ
แต่เฉินเฉียงไม่คิดว่าเป็นตอนนี้ที่เจิ้งยี่ได้ลุกขึ้นมาก่อนที่จะกระโดดขึ้นมาต่อหน้าผอ.สี่สำนัก
“เจิ้งยี่ เจ้า เจ้าจะทำอะไร”
ท่าทางของซุนไคนั้นเปลี่ยนเป็นจริงจังในทันทีเมื่อเห็นเจิ้งยี่ปรากฏกาย
การที่เจิ้งยี่ออกมาในตอนนี้ทำให้เขานั้นรับรู้ได้เพียงว่าเจิ้งยี่คือหนึ่งในมนุษย์กลายพันธุ์ที่เฉินเฉียงกล่าวถึง
และเมื่อทุกคนได้เห็นเจิ้งยี่ที่ออกมานี้เองต่างก็ตกตะลึง
“สวรรค์ ศิษย์อันดับหนึ่งแห่งสำนักมังกรอาชูร่าเป็นมนุษย์กลายพันธุ์อย่างนั้นเหรอ”
“จบสิ้นแล้ว อันดับหนึ่งและอันดับสามของการประลองในปีนี้ต่างก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ เรื่องนี้มันจะหนักอึ้งเกินไปแล้ว”
“ศิษย์พี่เจิ้งจะเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ได้ยังไงกัน ข้าไม่เชื่อหรอก”
“ต่อให้เจ้าไม่เชื่อมันก็เท่านั้น หากเขาไม่ใช่มนุษย์กลายพันธุ์แล้วเขาจะออกไปทำไมกัน เจ้าคิดว่าเขาเดินเล่นไปหาความตายรึไง”
เมื่อได้ยินเหล่าศิษย์สี่สำนักพูดคุยเกี่ยวกับเขา เจิ้งยี่เองได้มีท่าทีที่เศร้าหมองถึงขีดสุด และนี่ทำให้เขาทรุดตัวลงอย่างหนักต่อหน้าซุนไคจนบังเกิดเสียงเข่ากระแทกจนดังลั่น
เพียงเท่านี้ก็ไม่มีอะไรต้องอธิบายอีกต่อไป เรื่องนี้มันช่างหนักแน่นนัก
ซุนไคที่เห็นก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีและต้องเซถอยหลังราวกับสูญเสียการควบคุมตัวเอง
“ท่านผอ. ข้า…”
เจิ้งยี่ที่พึ่งจะอ้าปากออกมาก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นจากด้านข้าง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ศิษย์พี่เจิ้ง ทำไมท่านถึงได้รีบร้อนอย่างนี้กัน หากพี่ทำแบบนี้คนอื่นจะเข้าใจว่าท่านเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ไปซะหมดนะ”
หลังจากพูดออกมา เฉินเฉียงก็รีบเข้าไปพยายามพยุงเจิ้งยี่ให้ลุกขึ้นในทันที
และนี่เองก็ทำให้ท่าทางของซุนไคเปลี่ยนพลิกตลบไปอีกรอบ
“เฉินเฉียง เจ้าหมายความว่ายังไง เจ้าจะบอกว่า….เจิ้งยี่ไม่ใช่มนุษย์กลายพันธุ์อย่างนั้นรึ”
เฉินเฉียงได้มองไปที่ซุนไคด้วยท่าทางที่ดูน่าเตะและพูดออกมา “ผอ.ซุน แม้แต่ท่านก็ยังสงสัยในตัวศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักตัวเองด้วยเหรอเนี่ย”
“ทุกๆคนต่างก็รู้ว่าท่านนั้นทั้งสูงสง่าและมีชื่อเสียงสูงล้ำนา… แต่พอเห็นว่าเสียประโยชน์ไปแล้วสูญเสียความองอาจแบบนี้ แต่ท่านก็ไม่อาจจะสงสัยคนดีๆได้นา……”
“ไอ้เด็กนรกเฉินเฉียง ก็เจ้าไม่พูดออกมาไม่ชัดแล้วข้าจะรู้ไหมเล่า”
“แต่นับจากที่เจ้าพูดมา เจ้าหมายความว่าเจิ้งยี่ไม่ใช่พวกกลายพันธุ์ แล้วเขาจะออกมาทำไมกันล่ะ”
“ทำไมเขาถึงออกมาด้วยตัวเอง แถมยังมาทรุดเข่าตรงหน้าข้านี้อีก”
“อย่าบอกข้าว่าเขาแค่มีบางอย่างอยู่ในใจแล้วนึกละอายขึ้นมาหรอกนะ”
ซุนไคไม่ได้สนใจคำหยอกเย้าของเฉินเฉียงแต่อย่างใด เขาไม่สนใจว่าใครจะด่าเขาเสียด้วยซ้ำกับเหตุการณ์ในตอนนี้
ที่เขาต้องการมากที่สุดก็คือเจิ้งยี่จากสำนักเขานั้นเป็นมนุษย์กลายพันธุ์รึเปล่าเพียงเท่านั้น
“ผอ.ซุน ศิษย์พี่เจิ้งยี่นั้นไม่ใช่มนุษย์กลายพันธุ์แต่อย่างใด”
“และไม่เพียงเขานั้นจะไม่ใช่มนุษย์กลายพันธุ์เท่านั้น แต่เขาเกือบจะโดนฆ่าโดยหลินฟานเสียด้วยซ้ำ”
ยิ่งไปกว่านั้นคือทั้งศิษย์พี่เจิ้งยี่และข้านั้นต่างก็พบว่าหลินฟานคือมนุษย์กลายพันธุ์พร้อมกัน
“เฮ้ออออ” ซุนไคดีใจอย่างหนักเมื่อได้ยิน เขามองไปที่เจิ้งยี่ด้วยท่าทางภูมิใจชนิดที่ยากจะเอ่ยคำออกมาได้
“เจิ้งยี่ นี่เป็นเรื่องจริงใช่รึเปล่า ข้าคิดไว้แล้วว่าเจ้าต้องไม่มีมนุษย์กลายพันธุ์ในสำนักเราอย่างแน่นอน”
เจิ้งยี่ที่พบฉากนี้ก็นิ่งอึ้งไป เขาไม่รู้ว่าทำไมเฉินเฉียงถึงต้องการช่วยเขา เขาทำได้เพียงลอบถามด้วยการส่งเสียงผ่านจิตสำนึกเพียงเท่านั้น “เฉินเฉียง เจ้าคิดจะทำอะไร”
เฉินเฉียงตอบกลับในทันทีเมื่อได้ยินเสียงในหัว “เดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกันเรื่องนี้ทีหลัง”
“มันยังไม่ใช่เรื่องที่วางใจได้นะ…เฉินเฉียง ไม่ใช่ว่าเจ้านั้นบอกว่ามีมนุษย์กลายพันธุ์อยู่ในสี่สำนักไม่ใช่เหรอ แล้วเป็นใครกัน”
เมื่อได้ยินคำถามของเว่ยหยวนตี้ เฉินเฉียงไม่มีทางเลือกและทำได้เพียงตอบเว่ยหยวนตี้ไปผ่านการส่งเสียงทางจิตสำนึกเพียงเท่านั้น “ลุงเว่ย มีมนุษย์กลายพันธุ์อีกสามตนอยู่ในสี่สำนัก”
“แต่ด้วยตัวตนและสถานะของตนเหล่านี้สูงล้ำ ข้าหวังเพียงว่าท่านจะควบคุมตัวพวกเขาก่อนที่จะให้ข้าพูดออกไปตรงๆ เพื่อไม่ให้ใครแตกตื่นเพียงเท่านั้น”
เว่ยหยวนตี้ได้พยักหน้ารับ “บอกข้ามา ข้าไม่ปล่อยให้พวกมันหนีไปแน่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม”
“หลานชายของผู้อาวุโสอันดับที่สองแห่งสำนักเต่าดำ จ้าวฮั่น ลูกสาวของผอ.แผนกศึกษา สำนักมังกรอาชูร่า ชุนเต๋า และฟางยี่ที่อยู่ข้างๆเธอ”
เมื่อสิ้นเสียงของเฉินเฉียง เว่ยหยวนตี้มีใบหน้าที่มืดคล้ำก่อนจะลอบส่งเสียงผ่านจิตสำนึกไปยังซุนไคและเฉียนฝู่ในทันที
ด้วยการที่เขาไม่รู้จักสามคนนี้ แต่ในเมื่อสองคนนี้คือผอ.สำนักย่อมต้องรู้ดีว่าพวกเขาอยู่ตรงไหนกันบ้าง
ยิ่งไปกว่านั้นคือกับเรื่องนี้สมควรที่จะให้ผอ.ของสำนักเป็นผู้ลงมือ
หลังจากซุนไคและเฉียนฝู่รับคำสั่ง ถึงแม้ทั้งสองจะไม่เชื่อแต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งแต่อย่างใด
ยังไงซะ เรื่องนี้เกี่ยวกับความปลอดภัยของมนุษยชาติ ต่อให้มนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้คือคนสนิทของเขา พวกเขาก็ไม่อาจปล่อยไปได้
หลังจากเว่ยหยวนตี้ตอบสนอง เฉินเฉียงก็ได้นำกำไลสื่อสารของตนออกมา
“ท่านเว่ย ท่านผอ. ในมิติประลองนั้น ศิษย์พี่เจิ้งทำให้ข้านั้นรู้ว่าหลินฟานเป็นมนุษย์กลายพันธุ์”
“นึกไม่ถึงว่าก่อนที่พี่เจิ้งจะเปิดเผยแผนการของหลินฟานได้ เขากลับถูกขับออกมาจากมิติประลองนั่นเสียก่อน”
“ในตอนนั้นยังดีที่ศิษย์พี่เจิ้งมีระดับการบ่มเพาะสูงพอเลยไม่โดนหลินฟานทำให้เป็นพวกไปด้วย เพื่อที่จะหลอกศัตรู เขาจึงได้แกล้งพ่ายแพ้และหนีออกจากมิติประลองได้ นี่ทำให้พี่เจิ้งได้คะแนนรวมเพียงเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ข้านั้นมีทักษะปฐพี ทำให้ข้าคิดเริ่มค่อยๆรวบรวมหลักฐานการกระทำของหลินฟาน”
“และด้วยการทำงานหนักของข้า ทำให้ข้าได้ข้อมูลเหล่านี้มาได้เพียงพอที่จะเอาผิด”
“ทุกท่าน นี่คือหลักฐานที่ข้ารวบรวมมา พวกท่านเชิญพิจารณา”
หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงได้เปิดภาพวิดีโอที่ได้อัดเอาไว้ให้ทุกคนได้ดู
และนี่เองทำให้เว่ยหยวนตี้และทุกคนได้รับรู้ว่าหลินฟานนั้นมีแผนคิดร้ายต่อเฉินเฉียงและคนอื่นๆอย่างไรบ้าง
แน่นอนว่าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา เว่ยหยวนตี้ได้เรียกจ้าวหยางแห่งสำนักเต่าดำและผอ.แผนกศึกษาแห่งสำนักมังกรอาชูร่ามีดูภาพเหตุการณ์ที่ได้อัดเอาไว้