บทที่ 177 พูดคุย
ในตอนที่เฉินเฉียงได้แสดงภาพบันทึกขึ้นฉายให้ทุกคนได้ดู เฉียนฝู่และซุนไคนั้นได้ทำการพุ่งเข้าไปจับกุมจ้าวฮั่นและชุนเต๋าและเพื่อนสนิทของเธอในทันที
“ท่านปู่ ช่วยด้วย ผอ.จับข้าไว้ทำไมก็ไม่รู้”
ที่บริเวณที่นั่งของแขกผู้ทรงเกียรติ ในตอนนี้จ้าวฮั่นได้แสดงท่าทางออกมาอย่างลนลาน นั่นก็เพราะเขาได้รับรู้แล้วว่าเรื่องที่เขานั้นเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ได้หลุดรอดออกไป จึงรีบร้องขอให้ปู่ของเขาหรือก็คือจ้าวหยางช่วยในทันที
เฉียนฝู่ถอดถอนลมหายใจอย่างหนักและพูดกับจ้าวหยาง “ผู้อาวุโสลำดับสอง ข้าปล่อยเรื่องนี้ให้เจ้าจัดการแล้วกัน”
จ้าวหยางในตอนนี้ดูแก่กว่าเดิมไปนับสิบปี เขาค่อยๆเคลื่อนร่างที่สั่นเทิ้มมาตรงหน้าจ้าวฮั่นแล้วถามออกมา
“ฮั่นทำไม ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
“ทำไมเจ้ายอมกลายเป็นสัตว์ร้ายแทนที่จะเป็นมนุษย์”
จ้าวฮั่นที่เห็นฉากนี้ก็รู้ได้ในทันทีว่าเขาสูญเสียเครื่องต่อรองไปแล้ว เขาจะทำได้เพียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งแล้วตอบออกมา “ใคร ใครจะไม่อยากจะเป็นมนุษย์กัน”
“แต่เมื่ออยู่ในมิติประลองแล้วท่านคิดว่าคนอย่างข้าจะทำอะไรได้กัน”
หลังจากนั้นจ้าวฮั่นได้ขี้ไปที่เฉินเฉียงและตะคอกออกมา “เฉินเฉียง ทุกอย่างเป็นเพราะเจ้า หากไม่ใช่เพราะเจ้าข้าคงไม่เป็นแบบนี้”
เฉินเฉียงได้ยักไหล่ใส่ไปหนึ่งทีและตอบกลับไป “จ้าวฮั่น เจ้าคิดจะโทษคนอื่นไม่หยุดไม่หย่อนเลยสินะ”
“ข้าขอถามหน่อยเถอะว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับข้า”
“ไม่เกี่ยวกับเจ้าอย่างนั้นเหรอ ฮึ่ม….เฉินเฉียง ในเมื่อเจ้ามีเวลาเก็บหลักฐาน แล้วทำไมเจ้าถึงไม่คิดจะช่วยข้า ห้ะ”
ในทันทีที่จ้าวฮั่นพูดคำนี้ออกมา จ้าวหยาง เฉียนฝู่ และคนอื่นๆก็มีใบหน้าที่มืดครึ้มในทันใด
“ถูกต้อง เฉินเฉียง ทำไมเจ้าถึงตั้งใจส่งจ้าวฮั่นให้ต้องตกตายแบบนี้”
“ก็จริงที่ข้านั้นต้องการให้มันผู้นี้ตกตาย” เฉินเฉียงพูดออกมาอย่างไม่ยี่หระและรับสารภาพออกมาตรงๆ
“ปู่ ผอ.เฉียน ท่านได้ยินรึเปล่า เป็นเฉินเฉียงที่มันต้องการทำร้ายข้า พวกท่านต้องแก้แค้นให้ข้า”
“เฉินเฉียง ไอ้เด็กระยำ สิ่งที่หลานของข้าได้รับนั้นมันก็อีกเรื่อง แต่คนชั่วร้ายเช่นเจ้าอย่าได้คิดหวังจะมีชีวิตอยู่อีกเลย”
จ้าวหยางได้พุ่งเข้าใส่เฉินเฉียงอย่างโหดร้าย แต่เขากลับถูกเว่ยหยวนตี้เข้ามาหยุดเอาไว้และทำการผนึกพลังงานสายเลือดในร่างเอาไว้ทันที
“ผู้อาวุโสจ้าวอย่าพึ่งใจร้อนเกินไป ไม่ว่ายังไงซะหากไม่มีเฉินเฉียง มนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้จะต้องสร้างปัญหาให้กับมนุษยชาติขั้นร้ายแรงอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ยิ่งไปกว่านั้นคือคงต้องให้ข้าบอกท่านไว้อีกครากระมังว่าเฉินเฉียงนั้นไม่เพียงเป็นคนหยุดแผนการร้ายในครั้งนี้ เขายังเป็นนายพลเว่ยหวู่แห่งตึกจอมพลเหมันต์จันทรา สถานะของเขานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าท่านเลย”
เฉินเฉียงในตอนนี้ได้หันหน้าไปมองเฉียนฝู่ด้วยสีหน้าที่ยากจะเอ่ย เขาได้พูดออกมา “ดูเหมือนว่าผอ.เฉียนนั้นก็เห็นว่าข้าสมควรตายเหมือนกันสินะ”
ในตอนที่จ้าวหยางโจมตีเฉินเฉียงนั้น เฉินเฉียงสังเกตเห็นได้ว่าเฉียนฝู่ไม่ได้มีท่าทีจะช่วยเขาแต่อย่างใด ไม่สิ ต้องเรียกว่าทำตัวใจหินเสียด้วยซ้ำ
เฉินเฉียงได้สบถออกมาหนึ่งทีและหันไปมองจ้าวหยางและพูดออกมาอย่างไม่เห็นหัว “ไอ้แก่ เจ้าบอกว่าตัวข้านั้นสมควรตาย เจ้าก็คงจะหมายถึงว่าข้าสมควรตายเป็นหมื่นครั้งถึงสาสมกระมัง”
“แต่สำหรับข้าแล้ว หลานที่แสนดีของเจ้านั้นสมควรจะตายนับล้านครั้ง”
“ไอ้เด็กระยำ เจ้าพ่นอะไรออกมาไร้สาระ” ถึงแม้ว่าจ้าวหยางจะถูกจับกุมเอาไว้แต่ปากของเขายังคงพูดได้ เมื่อได้ยินคำพูดอันแสนเดียดฉันท์ของเฉินเฉียงแล้วทำให้เขาตวาดออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าคือไอ้เด็กระยำอย่างงั้นเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า จ้าวหยาง เจ้านี่มันน่าขันนัก”
เฉินเฉียงได้เรียกชื่อเจ้าอยางออกมาตรงๆและได้พูดออกมาอย่างโกรธแค้น “นี่เจ้ารู้รึเปล่าว่าหลานแสนดีของเจ้านั้นลอบทำร้ายข้ามากี่ครั้งแล้ว เจ้ารู้รึเปล่าว่าศิษย์สำนักกี่คนที่ต้องหมดอนาคตไปเพราะหลานที่แสนดีของเจ้า”
เมื่อเฉินเฉียงพูดออกมาแบบนี้ทำให้เจ้าฮั่นเริ่มผิดสังเกตจึงได้รีบพูดออกมาขัดจังหวะ “ปู่ ผอ. อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของมัน”
เฉินเฉียงที่ได้ยินก็แสดงออกมาด้วยท่าทางเย็นชาและพูดออกมาอย่างดัง “โฮ่…อะไรกัน จ้าวฮั่น พอความตายมาเยือนตรงหน้าแบบนี้แล้วเจ้ายังคิดที่จะปฏิเสธในสิ่งที่กระทำลงไปอีกเหรอ”
“เจ้าลืมไปแล้วกระมังว่าตัวเจ้านั้นใตอนนี้คือศัตรูของมนุษยชาติ ไม่ว่าใครในตอนนี้ก็ยังช่วยเจ้าไม่ได้อีกต่อไป”
“เฉินเฉียง พูดออกมาซะ หลานของข้าทำอะไรให้เจ้าแค้นเคืองขนาดนี้”
“เหอะ หลานที่แสนดีของเจ้าทำอะไรงั้นเหรอ ฮึ่ม เพื่อที่จะสังหารข้าให้จงได้ หลานที่แสนดีของเจ้า….มันผู้นี้ได้ส่งโม่เสี่ยวจวงและศิษย์สำนักระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นมาล่าหัวข้าในตอนที่ข้าออกทำภารกิจเป็นครั้งแรกที่อาณานิคมเขาอูฐ”
“แล้วเจ้าเคยเห็นพวกมันอีกรึเปล่าล่ะ”
เฉียนฝู่ที่ยืนอยู่ข้างๆได้รีบถามออกมาด้วยเสียงที่เย็นยะเยียบ “งั้น…เจ้าก็หมายความคนเหล่านั้นถูกเจ้าสังหารไปจนหมดสินะ”
เฉินเฉียงได้มองไปที่เฉียนฝู่อย่างดูแคลนและสบถไปอีกหนึ่งทีก่อนจะพูดต่อ “ผอ.เฉียน ท่านประเมินข้าสูงเกินไปแล้ว”
“ในยามนั้นข้าเป็นเพียงทหารขั้นสูง ข้าขอถามจริงๆเถอะว่าท่านคิดว่าข้าสามารถสังหารพวกมันได้รึไงกัน”
“พวกมันถูกสังหารโดยวานรเขี้ยววายุสองตัวที่ข้านำร่างของพวกมันกลับมาในตอนนี้ ส่วนศพของพวกมันนั้นข้าฝังเอาไว้ในถ้ำของวานรเขี้ยววายุสองตัวนั่น”
“หากท่านไม่เชื่อท่านก็ไปดูกับตาตัวเองก็ได้ ด้วยสายตาของท่านแล้วข้าเชื่อว่าท่านควรจะบอกได้ว่าพวกมันตกตายเพราะข้าหรือสัตว์ประหลาดสองตัวนั่น”
“พูดก็พูดเถอะนะ ข้าขอถามหน่อยว่ากับเรื่องนี้ ในเมื่อข้านั้นถูกหมายปองชีวิตแล้วข้านั้นสมควรจะให้ยืนรอเฉยๆให้ไอ้หกตัวนั่นบั่นคอข้าให้ตายไปซะให้พ้นๆเลยรึไงกัน หรือว่าควรจะทำอย่างนั้น”
เมื่อถูกเฉินเฉียงที่ไม่มีท่าทีเคารพอีกต่อไปถามกลับมา เฉียนฝู่ทำได้เพียงรู้สึกละอายใจเพียงเท่านั้น
หลังจากเฉินเฉียงได้พูดต่อในทันที “ยังไม่หมดนะจ้าวหยาง นี่ยังไม่หมด หลานที่แสนดีของเจ้านั้นยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น ภายหลังที่ผอ.เฉียนได้มอบแก่นโลหิตอสูรระดับราชาให้ข้า จ้าวฮั่นที่แสนดีของเจ้านั้นก็ยังส่งศิษย์สำนักที่อยู่ระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางสองคนไปฆ่าข้าถึงอาณานิคมเกิดของข้า อาณานิคมเขาหมางเลยทีเดียว”
“นักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางสองคนเหรอ” ผอ.เฉียนที่ได้ยินก็นิ่งอึ้งไปแล้วถามออกมาในทันที “เฉียนเฉียง พวกเขาในตอนนี้….”
“ข้าฆ่าพวกมันไปแล้ว” เฉินเฉียงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา นี่ทำให้เฉียนฝู่โกรธขึ้นมา “เฉินเฉียง ไม่ว่าพวกเขาจะทำผิดยังไงเจ้าก็ไม่ควรจะฆ่าพวกเขา”
“นั่นมันนักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางถึงสองคนเลยนะ พวกเขาเป็นกำลังให้กับเผ่าพันธุ์พวกเราได้ พวกเขาคืออนาคตของเผ่าพันธุ์ของเรา”
“เจ้าก็เห็นใช่รึเปล่าว่าพวกเราในครั้งนี้มีระดับนายวิญญาณขั้นกลางอยู่กี่คน เจ้าคิดว่าคนระดับนี้เป็นผักปลารึไงกัน”
“การที่เจ้าพูดว่าฆ่าพวกเขาไปแล้วออกมาด้วยท่าทางไม่รู้สึกรู้สาแบบนี้ เจ้าไม่โหดร้ายไปหน่อยรึไงกัน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้า….ข้าเนี่ยนะโหดร้าย ผอ.เฉียน ข้าขอบอกท่านไว้เลยว่าหากไอ้ตัวระยำสองตัวนั้นคลานขึ้นมาจากหลุมได้ ข้าจะฆ่ามันทิ้งอีกสักร้อยสองร้อยครั้ง”
“เจ้า”
เป็นตอนนี้ที่เฉียนฝู่ได้เห็นแล้วว่าเฉียนเฉียงนั้นได้มองเขาด้วยสายตาเย็นชาอย่างที่สุด
และเพื่อไม่เห็นกลายเป็นความบาดหมางที่ฝังลึกไปกว่านี้ เขาทำได้เพียงสะกดข่มไว้เพียงเท่านั้น
“เฉินเฉียง เจ้าบอกว่าเจ้านั้นต้องการฆ่าพวกเขาอีกนับร้อยครั้ง ข้าขอถามจริงเถอะว่าพวกเขาทำอะไรผิด พวกเขาก็แค่ต้องการช่วงชิงแก่นโลหิตของเจ้าเพียงเท่านั้นไม่ใช่รึไง”
หากไม่ใช่ว่าเขานั้นต้องการรักษาสายสัมผัสกับสำนักเต่าดำอยู่ล่ะก็ เฉินเฉียงเองก็ไม่คิดจะตอบคำถามนี้แต่อย่างใด
“ผอ.เฉียน ไอ้เจ้านักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางสองคนที่เป็นอนาคตของเผ่าพันธุ์ที่ท่านว่ามานั้น หากพวกมันต้องการเพียงแก่นโลหิตที่ข้าถือครอง ข้านั้นยินดีที่จะยกมันให้เพื่อไม่ให้พวกเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ตั้งอาณานิคมอยู่ที่นั่นไม่ต้องเดือดร้อนแต่อย่างใด”
“แต่ท่านรู้รึเปล่า ไอ้สัตว์นรกสองตัวนั่นไม่เพียงจะต้องการแก่นโลหิตระดับราชาที่อยู่ในมือข้า แต่มันต้องการหัวของข้า….ไม่สิ มันบังคับข้าให้ตัดคอตัวเองด้วยซ้ำ แถมมันยังต้องการฆ่าปิดปากเผ่าพันธุ์เดียวกันที่อาศัยอยู่ในอาณานิคมเขาหมางกว่าสองพันชีวิต”
“สำหรับข้า สิ่งนี่ต่างหากที่เรียกว่าโหดร้าย”
“เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์นรกในคราบมนุษย์แบบนี้ ข้านั้นเพียงคิดอย่างเดียวว่าพวกมันตกตายง่ายเกินไปเพียงเท่านั้น”
“กับไอ้คนแบบนี้แล้วท่านยังกล้าเรียกพวกมันว่าอนาคตของเผ่าพันธุ์งั้นเหรอ”
“แต่สำหรับข้า พวกมันคือขยะของเผ่าพันธุ์ที่ไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่”
“กับเรื่องนี้ นายพลที่ดูแลอาณานิคมเขาหมางที่ชื่อหลิงเว่ยนั้น ไม่สิ ทุกคนที่นั่นเป็นพยานให้ข้าได้ในเรื่องนี้ เชิญท่านไปตรวจสอบดูได้เลย”
“หากมีคำใดในเรื่องนี้ที่ข้ากล้าพูดปดออกมาแม้เพียงน้อยนิด ขอให้ข้ารับสายฟ้าลงทัณฑ์ห้าทีซ้อน”
————————
(*เมื่อจิตสำนึกของมนุษย์บิดเพี้ยนก็ไม่ต่างจากมนุษย์กลายพันธ์ุ)