บทที่ 224 ราคาแห่งความยโสโอหัง
เวลาพึ่งจะผ่านมาได้แค่ไม่ถึงสิบห้านาทีดีด้วยซ้ำที่จางหยวนแยกออกมาจากกลุ่มซุนเหลียง ผู้ซึ่งขับไล่พวกเขาออกมานั้น ในตอนนี้ถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น
หลังจากฆ่าซุนเหลียงและพวกไปจนหมด มนุษย์กลายพันธุ์กองนี้ก็ได้เข้าไปในพื้นที่ถ้ำในเหมืองแก่นวิญญาณ
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉียงคำรามลั่น ก่อนที่จะพุ่งตรงเข้าใส่มนุษย์กลายพันธุ์กลุ่มนี้ พร้อมกับสะบัดปีกของตนอย่างบ้าคลั่งเข่นฆ่าศัตรูอย่างโหดเหี้ยม
“ย๊ากกกก”
เฉินเฉียงคำรามลั่นในระหว่างต่อสู้พลางหั่นศพศัตรูออกเป็นชิ้นๆ
หลังจากถูกโจมตีโดยเฉินเฉียงเข้าไปแล้ว มนุษย์กลายพันธุ์กองนี้ต่างก็สับสน ก่อนที่จะตอบสนองด้วยการสร้างชั้นพลังงานเคลือบร่างกายแล้วพุ่งเข้าปะทะกับเฉินเฉียง
ไม่นาน จางหยวนก็ได้พาเจิ้งยี่และคนอื่นๆมาในถ้ำ
เมื่อได้เห็นว่าเฉินเฉียงอยู่ท่ามกลางวงล้อมศัตรู กองกำลังเทียนเว่ยทั้งหมดได้คำรามลั่นและพุ่งเข้าใส่ในทันที
เมื่อหลู่ฟางได้เห็นเฉินเฉียงผู้ซึ่งบาดเจ็บอย่างหนักก่อนหน้านี้หันกระบี่เข้าใส่มนุษย์กลายพันธุ์อีกครั้ง เขาถึงกับนวดขมับและบ่นพึมพำออกมา “นี่ฉันเห็นอะไรอยู่เนี่ย ทำไมไอ้พวกมนุษย์กลายพันธุ์ถึงได้มาแสดงความขัดแย้งภายในตอนนี้กัน”
“ศิษย์พี่หลู่ ยังไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก พวกเราแค่เข้าไปช่วยก็พอ”
เมื่อเห็นเฉินเฉียงปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ฉิงเชินนั้นย่อมมีความสุขขึ้นมาในใจในทันที เธอจึงได้พูดกับหลู่ฟางในขณะที่เข้าร่วมสงครามการต่อสู้ตรงหน้า
“ไอ๊ยะ นี่แกอยู่ใต้ราชาองค์ใดกันเนี่ย ทำไมถึงได้ตั้งตนเป็นศัตรูกับเรา”
เฉินเฉียงที่เลือดขึ้นหน้าอยู่นั้นได้ถูกหยุดเอาไว้โดยชายร่างอ้วนผิวคล้ำที่ตะคอกถามออกมาอย่างโกรธเคือง
เฉินเฉียงได้นำดาบดั้นเมฆออกมาก่อนที่จะกวัดแกว่งไปตรงหน้าพลางกัดฟันแน่นและพูดออกมา “ข้าคือนักล่า ข้าก็แค่ล่าพวกสัตว์นรกเช่นเจ้าเป็นพิเศษเพียงเท่านั้น”
เมื่อเห็นดาบดั้นเมฆในมือ ฉิงเชินที่ยืนอยู่แต่ไกลก็ได้มีความสุขแล้วพูดออกมา “พี่ใหญ่เฉินเฉียง ข้ารู้ว่าต้องเป็นท่าน”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉียงก็รีบบินขึ้นฟ้าไปอีกครั้งและมองไปที่เว่ยฉิงเชิน
ถึงแม้ว่าสนามรบนี้จะเปลี่ยนแปลงไปมาได้ตลอดเวลาเพียงชั่วพริบตา แต่เฉินเฉียงผู้ซึ่งเป็นชายที่ไม่หวั่นไหวและหาญกล้า นับแต่ที่เขาเข้ามาที่เขตแดนจักรพรรดิแห่งนี้นั้น เขาไม่เคยพบเจอที่ไม่สามารถสู้ได้
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้น ศัตรูที่แข็งแกร่งย่อมมีสิ่งที่ทำให้พวกมันนั้นแข็งแกร่ง
ไม่อย่างนั้นแล้วพวกมันจะสามารถฆ่าคนในกองกำลังซุนเหลียงกว่าสามสิบคนในสิบห้านาทีได้ยังไง
เฉินเฉียงที่บินอยู่บนอากาศนั้นเริ่มรู้สึกเจ็บที่หัวของตนจนทำให้ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้
ไม่ดีแล้ว
ไอ้อ้วนผิวคล้ำนี้มีเทคนิคการโจมตีทางจิตวิญญาณแบบเดียวกับหลินฟาน
ไม่สิ มันแข็งแกร่งกว่าหลินฟานซะอีก
ไม่แปลกใจเลยจริงๆที่มนุษย์กลายพันธุ์กองนี้สามารถกวาดล้างกองกำลังของซุนเหลียงที่มีนายพลวิญญาณขั้นสูงสิบกว่าคนได้ด้วยเวลาอันสั้น
นี่ขนาดว่าเขานั้นมีค่าพลังจิตสูงกว่าเจ็ดร้อยขึ้นไปแล้วยังไม่อาจป้องกันการโจมตีจากมนุษย์กลายพันธุ์ตนนี้ได้ นับประสาอะไรกับซุนเหลียงและพวก
เมื่อโดนการโจมตีนี้เข้าไป เฉินเฉียงก็ได้ร่วงลงจากอากาศในทันที
เมื่อเห็นฉากนี้ ฉิงเชินที่เห็นแต่ไกลก็ได้ร้องลั่นขึ้นมา “พี่ใหญ่เฉินเฉียง” และพุ่งตรงเข้าไปโดยไม่ห่วงแม้แต่ความปลอดภัยของตนเอง
มนุษย์กลายพันธุ์ชายร่างอ้วนผิวคล้ำที่เห็นว่าฉิงเชินวิ่งตรงมาก็ยิ้มอย่างโหดร้ายแล้วพูดออกมา “นักล่าห่าเหวอะไรกัน ข้าว่าเจ้ามันก็แค่คนทรยศของเผ่าพันธุ์เพียงเท่านั้น”
“ไอ้เวรเอ้ย เมื่อแกตกอยู่ในมือข้าแล้วแกก็ไม่ได้ต่างจากตายไปแล้ว”
“ช่างน่าเสียดายปีกคู่นั้นของแกจริงๆ ข้าว่ามันน่าจะอยู่ในระดับเจ็ดสินะ”
เมื่อพูดจบ มนุษย์กลายพันธุ์ร่างอ้วนผิวคล้ำก็ได้สะบัดกระบี่ของตนพุ่งตรงไปยังหัวของเฉินเฉียง
เมื่อทุกคนในกองกำลังเทียนเว่ยได้เห็นฉากที่เฉินเฉียงร่วงลงมาจากฟ้าอย่างหมดสตินี้ก็พุ่งตรงเข้าไปโดยไม่คิดชีวิต
แต่ถึงแม้ว่าเฉินเฉียงจะฆ่านายพลทักษะพิเศษไปมากมายแล้วก็ตาม แต่พวกมันที่เหลืออีกเจ็ดสิบกว่าตัวก็ได้เข้ามาขวางกั้นพวกเขาไว้
หลังจากเฉินเฉียงได้ร่วงหล่นสู่พื้นดิน เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาก็ได้เห็นมนุษย์กลายพันธุ์ร่างอ้วนผิวดำตวัดดาบตรงมาที่เขา ในตอนนี้เขาจึงได้ใช้การโจมตีทางจิตวิญญาณของเขาออกไป นั่นก็คือคลื่อนเสียงทำลายวิญญาณ
“ฮืม ไอ้เวร นี่แกเป็นมนุษย์กลายพันธุ์สายพลังจิตเหรอ แต่ทำไมพลังของแกถึงได้อ่อนด้อยขนาดนี้กัน”
หลังจากชะงักไปเพราะคลื่นเสียงทำลายวิญญาณของเฉินเฉียงไปเล็กน้อย กระบี่ของมนุษย์กลายพันธุ์ร่างอ้วนผิวดำก็ได้หยุดชะงัก ทำให้มันปล่อยการโจมตีทางจิตวิญญาณของตนไปอีก
ในตอนนี้ ด้วยเวลาเพียงชั่วครู่นี้ เฉินเฉียงได้เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เมื่อมนุษย์กลายพันธุ์ร่างอ้วนผิวดำได้ใช้การโจมตีทางจิตวิญญาณของมัน เฉินเฉียงก็ได้ใช้เคล็ดวิชาสะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์ออกไป
หากเทียบกับทักษะคลื่นเสียงทำลายวิญญาณแล้ว เคล็ดวิชาสะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์ของเขานั้นอยู่ในระดับสูง แน่นอนว่าย่อมทรงพลังมากกว่า
เมื่อการโจมตีทางจิตวิญญาณทั้งสองเข้าปะทะกัน ในตอนนี้ที่ระหว่างทางของทั้งสองนั้นราวกับมีคลื่นที่กระแทกสาดซัดเข้าหากันจนบังเกิดเสียงดังเปรี๊ยะบังเกิดขึ้น ณ จุดปะทะ
และนี่ทำให้กระบี่ในมือของมนุษย์กลายพันธุ์ร่างอ้วนผิวดำโจมตีต่อได้อีก
ถึงแม้เฉินเฉียงจะมีค่าพลังจิตที่อ่อนด้อยสำหรับมนุษย์กลายพันธุ์ตนนี้ แต่การโจมตีจากเคล็ดวิชาสะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์นี้กลับต่อต้านมันไว้ได้
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองไม่ได้มีท่าทีที่จะผ่อนคลาย ต่างก็กลัวว่าอาจโดนโจมตีทางจิตวิญญาณของอีกฝ่ายได้หากไม่ระวังตัว
ในตอนนี้ คนของกองกำลังเทียนเว่ยพยายามอย่างสุดความสามารถในการแหกด่านการต่อสู้มนุษย์กลายพันธุ์ตรงหน้า แต่ฝั่งมนุษย์กลายพันธุ์เองนั้นเชื่อมั่นว่ายังไงซะพวกของตนก็สามารถหยุดเฉินเฉียงเอาไว้ได้ จึงได้ใช้กำลังทั้งหมดที่มีขัดขวางไว้อย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน
“เจิ้งยี่ ไปช่วยกัปตันเร็วเข้า”
จางหยวนตะโกนออกมาเมื่อเห็นว่าเฉินเฉียงยังตกอยู่ในอันตราย
เป็นตอนนี้ที่หลู่ฟางนั้นพอจะรับรู้ได้ว่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่เขาทำร้ายไปก่อนหน้านี้นั้นคือศิษย์น้องรักของตน
ไม่ว่าอีกฝั่งจะเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ไปแล้วหรือไม่ แต่ด้วยสายสัมพันธุ์อันแน่นแฟ้น หลู่ฟางไม่ได้แยแสเรื่องนั้นแม้แต่น้อย เขาพุ่งไปข้างเจิ้งยี่และพูดออกมา “น้องเจิ้ง ข้าช่วยรับมือให้เอง เจ้าไปช่วยเขาซะ”
“ขอบคุณพี่หลู่”
ก่อนหน้านี้เจิ้งยี่ได้แสดงความดุร้ายออกมาและร้อนรน ราวกับว่าเขากำลังรอคอยโอกาสที่จะสวรรค์ชั้นฟ้ามอบให้เขา
เมื่อหลู่ฟางเข้ามารับมือแทน เจิ้งยี่จึงได้กัดฟันแน่นและรีบพุ่งตรงไปยังเฉินเฉียงและมนุษย์กลายพันธ์ุร่างอ้วนผิวดำ หมายจะเข้าไปช่วยเหลือเฉินเฉียง
เมื่อเห็นฉากนี้ นายพลทักษะพิเศษของตนก็ได้เข้ามาวางเจิ้งยี่อย่างไม่กลัวตาย
เจิ้งยี่ที่โดนขัดขวางก็ได้เหลือบมองไปที่เฉินเฉียงผู้ซึ่งในตอนนี้กำลังนอนกองกับพื้นอย่างไร้การเคลื่อนไหว เช่นเดียวกับมนุษย์กลายพันธุ์ร่างอ้วนผิวดำที่ไม่แม้แต่จะละสายตาจากเฉินเฉียง ในตอนนี้ทั้งสองมีเหงื่อที่ไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย พร้อมดวงตาที่เบิกกว้าง นี่แสดงให้เห็นว่าทั้งสองกำลังโจมตีโดยใช้การโจมตีทางจิตวิญญาณเข้าใส่กัน
หากเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้เฉินเฉียงไม่ได้ถูกฆ่าจากการโจมตี แต่ก็ต้องวัดกันว่าพลังจิตของใครจะหมดก่อน
ในตอนนี้ เฉินเฉียงเองพยายามจะจบฉากการต่อสู้นี้อย่างสุดความสามารถด้วยการโจมตีทางจิตวิญญาณของเขา
นั้นในตอนนี้สงสัยอย่างมากว่ามนุษย์กลายพันธุ์ร่างอ้วนผิวคล้ำตรงหน้าของเขานั้นมีค่าพลังจิตขนาดไหนกันแน่
นั่นก็เพราะขนาดเขาใช้ค่าพลังจิตของตนจนแห้งเหือดไปแล้ว แต่อีกฝ่ายนั้นยังมีท่าทางสบายๆอยู่เลย
มันจบแล้ว
ถึงแม้ว่าเขานั้นจะมีระบบคอยฟื้นฟูให้ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้ในตอนนี้
หากเขามุ่งเพิ่มค่าสถานะของเขาในค่าพลังจิตอย่างสุดความสามารถในช่วงก่อนหน้านี้ล่ะก็ เขาเองก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้อย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดแล้วเป็นเพราะเขามั่นใจเกินไปและมั่นใจว่าตัวเขาในตอนนี้เพียงพอที่จะเรียกว่าไร้เทียมทานเมื่ออยู่ในเขตแดนจักรพรรดิ
เฉินเฉียงยิ้มเยาะให้กับตัวเอง และหลังจากใช้พลังไปจนหมด เขาก็ได้หมดสติไป