ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 24 ทำลายสถิติ

บทที่ 24 ทำลายสถิติ

รอยยิ้มยิ้มเยาะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของศิษย์พี่กัว เขาเดินไปยังหน้าของเฉินเฉียงและนำกำไรข้อมือออกมา เขาสวมกำไรนี้ที่แขนซ้ายของเฉินเฉียงและกดปุ่มหนึ่งที่อยู่บนกำไร

เฉินเฉียงนำกำไรเข้ามาดูใกล้ๆก็พบว่าที่กำไรนั้นมีหน้าจอแสงสีน้ำเงินและกำลังนับเวลาอยู่

“กำไลนี่ข้าให้เจ้า ต่อให้เจ้าสอบไม่ผ่านข้าก็ไม่เอาคืน”

“โว่ววว ศิษย์พี่กัวกลายเป็นคนมีเมตตาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ถึงแม้กำไรสื่อสารนั่นมันจะคุณภาพต่ำสุด แต่ก็มีค่าตั้งหนึ่งแก่นคริสตัลนายพลขั้นต่ำเลยนะ คนแบบเขาให้ของคนอื่นๆเปล่าๆแบบนี้ช่างน่าแปลกนัก”

“ข้าว่าเป็นเพราะเขานั้นเป็นพี่น้องที่ดีกับจางหยวนมากกว่า ที่ทำแบบนี้ข้าว่าเป็นการไว้หน้าให้จางหยวนนะ หากไอ้เด็กนี่ไม่ผ่านล่ะก็ เขาเองก็คงจะเศร้าไม่น้อย ดังนั้นจึงให้ของปลอบใจไปเลย”

ศิษย์พี่กัวไม่ได้สนใจคำพูดของผู้คน เขาได้พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “ไอ้หนู สำนักเต่าดำนั้นเป็นหนึ่งในสี่ของสถานศึกษาแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ สถานที่แห่งนี้มีเกียรติด้วยตัวมันเอง และนี่ทำให้เฉพาะคนที่มีความสามารถเท่านั้นที่จะเข้าสำนักได้”

“ถึงเจ้าจะได้รับการแนะนำจากรุ่นพี่จางหยวน แต่ขนาดคนที่นายพลวิญญาณแนะนำมาก็ยังต้องผ่านการทดสอบให้ได้ก่อน หากไม่ผ่านคนเหล่านั้นจะถูกไล่ออกไปในทันที”

เขาหันไปมองป่าที่อยู่ข้างหน้า

“ด่านแรก เจ้าต้องเข้าไปในป่า หากเจ้าผ่านป่านี้ไปได้ในสามชั่วโมง เจ้าจะสอบผ่านด่านแรก”

-….ง่ายขนาดนั้น?-

เฉินเฉียงมองไปในป่า ก่อนที่จะหันหน้ากลับมาถามว่า “ศิษย์พี่กัว แล้วด่านที่สองล่ะ”

“ด่านที่สอง? ด่านแรกยังไม่ผ่านเลยด้วยซ้ำไม่มีสิทธิจะรู้ ข้าไปก่อนล่ะ เจ้าจะเข้าไปในป่าได้หลังจากผ่านไปสิบนาทีแล้ว”

“หากว่าเจ้าผ่านป่านี้ได้ในสามชั่วโมง ข้าจะบอกรายละเอียดด่านที่สองอีกที”

หลังจากพูดจบ ศิษย์พี่กัวได้พุ่งเข้าไปในป่า

เฉินเฉียงนั้นประหลาดใจในทันทีเมื่อพบว่าทันทีที่ศิษย์พี่กัวผู้นี้เข้าป่าไปแล้วก็หายไปในทันที

“นี่…เขาวงกตเหรอ” เฉินเฉียงบ่นพึมพำกับตัวเอง

“โอ้ ถูกต้องแล้ว ป่านี้คือเขาวงกตยังไงล่ะ ถึงแม้ที่นี่จะไม่มีอันตรายแต่ก็ใช่ว่าจะหาทางที่ถูกต้องได้ง่ายๆในสามชั่วโมงหรอกนะ ”

เฉินเฉียงพยักหน้าในทันทีที่ได้ยิน ยังดีที่ที่นี่ไม่มีอันตรายภายใน

“ศิษย์พี่ ขอถามได้หรือไม่ว่าศิษย์พี่กัวนั้นใช้เวลาในการผ่านด่านนี้เท่าไหร่”

“ลูกพี่กัวน่ะเหรอ เขาเองเดินเล่นในนั้นบ่อยๆ ด้วยความเร็วของเขาน่าจะผ่านได้ในสิบนาทีนะ”

ถึงแม้ว่าศิษย์สำนักเหล่านี้จะไม่เข้าใจว่าเฉินเฉียงนั้นจะถามไปทำไม แต่พวกเขาเองก็ขี้เกียจจะสนใจเฉินเฉียงแล้ว

เฉินเฉียงยิ้มออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้นและค่อยๆเดินเข้าป่าไป

“เฮ้ พี่น้อง เจ้าว่าไอ้หนูนี่จะใช้เวลาเท่าไหร่”

“ใช้เวลาเท่าไหร่เหรอ เฒ่าหวาง ข้าว่าเจ้าหวังกับเด็กนี่มากเกินไปนะ เอางี้ พนันกันดีกว่าว่าไอ้เด็กนี่จะติดอยู่ในนั้นนานแค่ไหน”

“น่าสนใจแหะ มาพนันกันดีกว่า ลงที่ขั้นต่ำ 50 แต้ม มาพนันกันดีกว่าไอ้เด็กนั่นจะออกมาทันเวลาได้รึเปล่า ว่าไง”

“เหลาซี่ เอาดิ ข้าลงก่อนเลย 50 แต้ม ไอ้หนูนั่นออกมาไม่ได้หรอก”

“ข้าลง 70 ไอ้หนูนั่นออกมาไม่ได้เหมือนกัน”

“เสี่ยวรุย เจ้าจะบ้าเหรอ นักรบสายเลือดระดับทหารเนี่ยนะ แถมยังขั้นกลางอีก ไอ้คนแบบนั้นจะทำอะไรได้ ข้าว่าเจ้าต้องแพ้แน่ๆ” “ร้อยแต้มเลย ข้าว่าไอ้เด็กนั่นออกมาไม่ได้”

ทันทีที่เฉินเฉียงเข้าไปในป่า เสียงจากกำไลข้อมือก็ได้ดังออกมา

-ไอ้พวกนี้เอาข้าไปพนันกันเรอะ-

ถึงแม้ว่าเฉินเฉียงจะไม่เข้าใจว่าแต้มในที่นี้หมายถึงอะไรก็ตาม แต่เท่าที่ฟังดูแล้วน่าจะเป็นที่ทำให้ใช้ในสำนักเต่าดำ และมูลค่าของมันนั้นสมควรที่จะไม่ด้อยไปกว่าแก่นคริสตัลถึงแม้ว่าด่านนี้สำหรับเขาแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในเมื่อมีโอกาสมาตรงหน้า เขาก็ต้องหาโอกาสฉวยแก่นคริสตัลมาครองให้จงได้

“รุ่นพี่ ข้าเฉินเฉียงคนที่กำลังสอบอยู่นี่ ในเมื่อพวกพี่กำลังเล่นสนุกกันข้าก็ขอแจมด้วยสักหน่อยได้รึเปล่า”

“ในเมื่อตอนนี้ข้ายังไม่มีแต้ม ไม่สิ ข้ายังไม่รู้ว่าแต้มคืออะไร เอาเป็นว่าข้าค่าลงปากเปล่าก่อนได้รึเปล่า แล้วข้าจะจ่ายคืนให้ทีหลัง ว่ายังไง”

หลังจากส่งข้อความเสียงไปแล้ว เฉินเฉียงก็นิ่งเงียบรอคำตอบอยู่เกือบนาที

เหล่ารุ่นพี่ที่กำลังลงพนันกันอย่างมีความสุขอยู่นั้น ใครจะไปคิดว่าคนที่โดนนำมาเล่นพนันจะคิดเข้าร่วมด้วย นี่ทำให้การพนันครั้งนี้น่าสนใจขึ้นไปอีก

“โอ้..เฉินเฉียงสินะ ในเมื่อเจ้ายังไม่ได้กลายเป็นศิษย์สำนักเต่าดำแน่นอนว่าเจ้าจะยังไม่มีแต้ม”

“แต่หลังจากที่เจ้าเข้าร่วมได้แล้ว สำนักจะมอบแต้มให้เจ้าร้อยแต้ม และจะเพิ่มให้ยี่สิบแต้มต่อเดือนเป็นค่าครองชีพในการอยู่นำนัก”

“เอาอย่างนี้ไหมล่ะ พวกเราจะให้เจ้าเล่นด้วย แล้วเจ้าจะลงเท่าไหร่ล่ะ ถ้าเจ้าชนะ พวกเราจะจ่ายให้ห้าเท่าเลยก็ได้ แต่ถ้าเจ้าแพ้เจ้าก็จ่ายแค่นั้นพอ”

เมื่อได้ยินดังนั้นเฉินเฉียงก็ถึงกับเม้มปากในทันที นั่นก็เพราะคนเหล่านี้กำลังดูถูกเขา ถึงได้ตั้งราคาแต้มต่อห่างกันขนาดนี้

“ในเมื่อเป็นแบบนั้นคงต้องรบกวนศิษย์พี่หลูแล้ว ข้าลง 100 แต้ม”

“ฮ๋าฮ่า ไอ้เด็กนี่…เฉินเฉียงสินะ ขนาดยังไม่ได้เข้าเรียนอย่างเป็นทางการก็การเป็นนักพนันซะแล้ว แถมยังมั่นใจตัวเองซะขนาดนี้ หลูซี่ ข้าลงอีก 200 แต้ม พนันว่าไอ้เด็กนี่แพ้”

“ไม่เอาน่าพี่ชาย พวกเราตกลงกันแล้วนี่ว่าลงได้ไม่เกินร้อยแต้มน่ะ”

หลูซี่ได้รับพนันมาอีกร้อยแต้ม หลังจากนั้นก็ได้บอกเฉินเฉียงผ่านกำไรสื่อสารว่า “เฉินเฉียง ลูกพี่กัวบอกว่าเห็นแก่หน้าจางหยวนเขาจะช่วยเจ้าจ่ายร้อยแต้มนี้ให้ และข้าก็รับพนันของเจ้าแล้ว”

เฉินเฉียงเมื่อได้ยินดังนั้นก็อดที่จะประทับใจไม่ได้

ถึงแม้ว่าคำพูดของศิษย์พี่กัวคนนี้จะเฉียดเฉือนเขาแทบจะทุกประโยค แต่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของเขากับจางหยวนนั้นไม่ธรรมดา และนี่เองทำให้เขานั้นไม่ได้รู้สึกเดียดฉันท์ชายคนนี้มากนัก

ความจริงแล้วเฉินเฉียงนั้นวางแผนที่จะใช้เทคนิคในการเคลื่อนไหวผ่านป่านี้ไปในห้านาที แต่ในเมื่อศิษย์พี่กัวผู้นี้ดีกับเขา เขาเองก็คงต้องไว้หน้ากันสักหน่อย

-เอาเถอะ เห็นแกหน้าจางหยวน ไว้หน้าหน่อยก็ได้-

ในที่สุด เฉินเฉียงก็เดินออกจากป่าได้สำเร็จโดยใช้เวลาเพียงเก้านาทีห้าสิบวินาที

ติ้ง ศิษย์ผู้สอบเข้าเฉินเฉียงได้เดินออกจากด่านแรกได้สำเร็จ เวลาที่ใช้ เก้านาทีห้าสิบวินาที

นักเรียนทุกคนที่ใส่กำไรนี้เมื่อได้ยินข้อความเสยงนี้แตกตื่นกันในทันที

“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้น ศิษย์ผู้สอบเข้า พูดเป็นเล่นน่า”

“แม้แต่ศิษย์ทางการยังใช้เวลาอย่างน้อยยี่สิบนาทีเลยนะถึงจะผ่านป่านั้นได้น่ะ”

“ไอ้คนนี้อาจจะได้ข้อมูลภายในไปก็ได้นะ อาจจะมีศิษย์เก่าบางคนช่วยเขาก็ได้”

“ไปสืบมาเดี๋ยวนี้ พวกเราต้องสืบให้รู้ความจริงให้ได้ สืบมาให้ได้ว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในสำนักเต่าดำของเราได้ยังไงกัน ไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าแหกกฎของพวกเราตั้งนำพวกมันมาลงโทษให้ได้”

“ใครเป็นผู้ดูแลการสอบนี้”

“นี่มันรับเงินจากใครมารึเปล่าเนี่ย จะไม่โกงไปหน่อยรึไง หรือจะคิดว่าคนอื่นโง่เง่ากัน”

ศิษย์พี่กัวที่ในตอนนี้กำลังฮัมเพลงอยู่ในห้องหลังจากเดินออกมาจากป่าได้แล้วนั้นก็ต้องตกตะลึงในทันทีเมื่อเขาได้ยินเสียงของผอ.ที่ถามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว

“ผอ. ข้าเองครับที่เป็นผู้คุมสอบ”

“ฟังข้าก่อนนะครับ ข้าไม่มีเรื่องลับลมคมในแบบนั้นแน่นอน”

“เจ้าเด็กใหม่นั้นได้รับการแนะนำมาจากตึกจอมพลเหมันต์จันทรา และเป็นจางหยวนที่เคยเป็นศิษย์พี่ของข้าเป็นคนพามา แต่ศิษย์พี่จางนั้นไม่ได้ขอให้ข้าดูแลเด็กนี่เป็นพิเศษแต่อย่างใดก่อนที่เขาจะจากไปเขาไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่น้อย”

“ผอ.จะถามความเห็นข้าเหรอ ข้าว่าไอ้เด็กนั่นไม่ผ่านด่านแรกซะด้วยซ้ำ ข้าเลยกลับมานั่งทำงานต่ออยู่ในห้องเนี่ยแหละ”

“ผอ.ครับ อย่าเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ ข้าจะหาคำตอบให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นและข้าจะให้คำตอบเกี่ยวกับความจริงของเรื่องนี้เองครับ”

หลังจากศิษย์พี่กัวพูดจบ เขารู้สึกเจ็บปวดจากการสนทนากับผอ.อย่างแสนสาหัสก่อนที่จะตะคอกเรียกชื่อของเฉินเฉียงในกำไรสื่อสาร “เฉิน เฉียงงงงง…. บอก มา เดี๋ยว นี้ ใคร…ใครกันที่ช่วยให้เจ้าผ่านการสอบรอบแรกได้ชนิดทำลายสถิติได้ขนาดไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์การก่อตั้งสำนักเต่าดำแบบนี้”

เฉินเฉียงที่ได้ยินทุกๆความเห็นผ่านทางกำไรอยู่นั้น ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงอันโกรธเกรี้ยวของศิษย์พี่กัว เขาจึงได้ตอบออกไปอย่างใสซื่อว่า “ศิษย์พี่กัว ถ้าจะให้บอกว่ามีใครช่วยข้าเกี่ยวกับข้อมูลรั่วไหลอะไรนั่นข้าก็บอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำได้ว่าไม่มี แต่ถ้าจะให้บอกว่ามีคนช่วยในการสอบนี้รึเปล่าข้าก็บอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำอีกเช่นกันว่าเป็นศิษย์พี่นั่นแหละ”

ทันทีที่เฉินเฉียงพูดออกมา กำไรสื่อสารได้มีการพูดคุยเรื่องนี้กันขนดังลั่น

“มีลับลมคมในจริงๆด้วย การทุจริตนั้นต้องเริ่มมาจากคนในสินะ”

“ดูเหมือนว่าว่าผอ.นั้นจะตั้งข้อสังเกตได้แม่นยำจริงๆ เรื่องนี้คงต้องเป็นความผิดของศิษย์พี่กัวเป็นแน่”

ศิษย์พี่กัวที่ได้ยินคำพูดนี้มานั้นก็แทบจะร้องไห้ออกมา เขาตอบออกมาอย่างคร่ำครวญว่า “เฉินเฉียง นี่ข้ารังแกเจ้ามากเกินไปงั้นเหรอ เจ้าถึงได้พูดใส่ร้ายข้าขนาดนี้”

“โถ่ว ศิษย์พี่จางหยวน คนที่พี่พามานี่เป็นตัววิบัติโดยแท้เลยจริงๆ”

“กัวเหลียง เจ้าไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ออกไปจากที่นี่พร้อมนักเรียนใหม่ซะ”

ผอ.ของสำนักได้ตะคอกใส่กำไลด้วยความโกรธเกรี้ยว ศิษย์พี่กัวเองกลัวจนหน้าถอดสีแล้ว

“เฉินเฉียง ถ้าเจ้าเป็นลูกผู้ชายพอล่ะก็ บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าข้าไปช่วยเจ้าผ่านได้ยังไงกัน”

เฉินเฉียงเองก็ดูไปรอบๆและพูดออกมาอย่างหยอกเย้าว่า “ศิษย์พี่กัว ข้าเดินออกมาได้ก็เพราะกลิ่นตัวพี่นั่นแหละ”

“กลิ่น…ตัวเหรอ” ศิษย์พี่กัวได้ลองดมดูแล้วเขาก็ไม่ได้กลิ่นอะไร เมื่อเห็นจึงได้ตะคอกกลับไปว่า “ไร้สาระ ข้าไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลยแม้แต่น้อย”

เฉินเฉียงได้ทำหน้าแปลกๆในทันทีก่อนที่จะพูดออกมาเบาๆ “ศิษย์พี่กัว พูดตรงๆเลยนะ ข้าออกมาได้เป็นเพราะน้ำหอมมะลิที่กลบทับกลิ่นกระเทียมที่ลอยออกมาจากตัวพี่น่ะ”

ในทันทีที่เฉินเฉียงพูดจบลง เสียงต่างๆที่เคยดังออกมาจากเครื่องมือสื่อสารก็หายไป หลังจากผ่านไปครึ่งนาที ก็บังเกิดเสียงหัวเราะนับไม่ถ้วนผ่านกำไลสื่อสารออกมา

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถูกต้องเลย เจ้าเด็กใหม่นี่จมูกดีเสียจริง”

“ไม่ว่าศิษย์พี่กัวจะพยายามซ่อนยังไงแต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเขานั้นมีสัมพันธ์ลับๆกับหนี่เฟิง”

“จริงด้วยสิ ศิษย์น้องหนี่ดูเหมือนว่าจะชอบใช้น้ำหอมกลิ่นมะลิมากๆด้วย ข้าเองก็เห็นมากับตาว่าเมื่อเช้าศิษย์กัวกินกระเทียมเป็นอาหารเช้า”

ศิษย์พี่กัวคนที่กำลังจะอยากหักคอเฉินเฉียงอยู่นั้นก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปในทันที

แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรออกมาก็ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นประหนึ่งดังเสียงของภูเขาไฟที่ระเบิดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด

“กัวเหลียง ไอ้เลวชาติ ข้าให้เวลาแกหนึ่งนาที”

“เฉินเฉียง อยู่ตรงนั้นไม่ต้องไปไหน เมื่อข้ากลับมาข้าเล่นแกตายแน่”

ศิษย์พี่กัวที่ในตอนนี้อยู่ไม่ไกลนัก เขาได้ชี้นิ้วใส่เฉินเฉียงด้วยใบหน้าที่ดุร้าย แต่เขานั้นกลับหันหลังและวิ่งออกไป แต่ยังวิ่งไปไม่ถึงก้าว ร่างกายของเขานั้นได้ร่วงหล่นสู่พื้นดินไป โดยไม่ได้สนใจว่าอวัยวะส่วนไหนของเขาจะเจ็บอยู่หรือไม่ เขาได้รีบลุกขึ้นมาและอันตรธานหายไปในทันทีอย่างไร้ร่องรอย

เมื่อหาว่าศิษย์พี่กัวอยู่ๆก็หายไปอย่างนี้ เฉินเฉียงก็ได้รู้สึกแปลกๆอย่างมาก

นี่เขานั้นได้ทำอะไรผิดไปกัน

Related

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset