ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 29 จากสวรรค์สู่นรก

บทที่ 29 จากสวรรค์สู่นรก

ข้างหลังกัวเหลียงในตอนนี้ได้มี ฮู่ต้าไฮ่ (ฮู่ดาไฮ่) หลู่กังเฟิง ผอ.หลี่ และอาจารย์อีกสิบกว่าคนได้ปรากฏตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

และเมื่อคำพูดกัวเหลียงนั้นได้เข้าหูคนที่อยู่ข้างหลังทั้งสิบกว่าคน ตอนนี้พวกเขาต่างก็พูดคุยหยอกล้อและจ้องมองฮู่ต้าไฮ่กันอย่างสนุกสนาน

“”ฮี่ฮี่ฮี่ ท่านอาจารย์ ข้าก็แค่ล้อเล่นกับน้องเฉินเฉียงเขาเท่านั้นเองครับ อย่าได้คิดมากเลย ข้าเองเพียงเห็นว่าน้องเฉินเขามีท่าทีวิตกแล้วจะเห็นว่าการช่วยเหลือของอาจารย์ทำให้เขาต้องพลาดไปในครั้งนี้แล้วจะไม่รู้สึกไม่ดีกับท่านก็เท่านั้นเอง เพราะยังไงซะน้องเฉินก็น่าจะต้องมาสอบใหม่ในปีหน้า

กัวเหลียงที่เห็นท่าทางของอาจารย์ของตนแล้วก็ได้รีบแถสีข้างของตนในทันที

“ฮ่าฮ่าฮ่า กัวเหลียง ดูเหมือนว่าเจ้าต้องผิดหวังอีกครั้งแล้วล่ะ” ผอ.หลี่จากแผนกศึกษาที่ยืนอยู่ได้พูดขึ้นมาว่า
“สำนักพึ่งจะตัดสินใจว่าเฉินเฉียงนั้นผ่านด่านทดสอบทั้งสามได้อย่างสมบูรณ์ และด้วยเหตุนี้ทำให้เขานั้นกลายเป็นศิษย์ระดับต้นของพวกเราเรียบร้อยแล้ว”

“ห้ะ แล้วเรื่องที่ศิษย์คนอื่นๆพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของเฉินเฉียงผ่านกำไรสื่อสารนั่นละครับ”

กัวเหลียงที่ได้ยินดังนั้นยังไม่ยอมแพ้ เพราะหากว่าเฉินเฉียงสามารถเข้าสำนักได้ในตอนนี้ เขาจะไม่มีทางได้เห็นแต้มคะแนนกว่าห้าพันของเขาอีกต่อไป

“ไอ้ลูกศิษย์เวรตะไล นี่กล้ามาใส่ร้ายข้าได้ยังไงกัน”

ฮู่ต้าไฮ่ได้กล่าวคำดุด่าไปยังกัวเหลียงในทันที ก่อนที่จะหันไปมองยังเฉินเฉียงด้วยท่าทีสุขุมนุ่มลึก “ด่านทดสอบที่สอบนี้ได้ตั้งกฎเกณฑ์ไว้อย่างชัดเจนว่าเพียงศิษย์ผู้ทดสอบอยู่ได้เกินห้านาทีก็ถือว่าผ่านแล้ว และนี่ทำให้เขาถือว่าผ่านด่านทดสอบนี้”

“ตอนที่เจ้ากวางขายาวและข้าเขาไปในพื้นที่การสอบเองก็อยู่ในช่วงห้านาทีกว่าๆแล้ว นี่จึงถือว่าไม่ได้ส่งผลต่อการสอบของเฉินเฉียงแต่อย่างใด”

“เฉินเฉียง ขั้นตอนต่อไปก็คือเจ้าจะต้องเลือกหนึ่งในสิบกว่าคน แน่นอนว่าต้องรวมถึงข้าให้เป็นอาจารย์ของเจ้า” “พวกเรานั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านไม่ว่าจะเป็นการกลั่นยา การเล่นแร่แปรธาตุ การบ่มเพาะจิตวิญญาณ การบ่มเพาะร่างกาย และทักษะเฉพาะของสำนัก”

“เฉินเฉียง เจ้าต้องเลือกให้ดี หากว่าเจ้าเลือกผิด นี่จะส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะของเจ้าอย่างใหญ่หลวง”

หลังจากฮู่ต้าไฮ่ได้พูดจบลง เหล่าอาจารย์กลับท่าทีตรงข้ามกับเฉินเฉียงที่ยังคงสงบนิ่งอย่างสิ้นเฉิง

จากที่พวกเขาได้เห็นการสอบของเฉินเฉียงไปแล้วนั้น อาจารย์หลายๆคนไม่ได้ให้ความสนใจในตัวของเฉินเฉียงมากนักอย่างเช่นอาจารย์ที่สอนการเล่นแร่แปรธาตุ การกลั่น และการบ่มเพาะจิตวิญญาณ เอาจริงๆพวกเขาไม่ได้เหลือบตามองเฉินเฉียงด้วยซ้ำ

จะมีที่ตื่นเต้นจนเห็นได้ก็คงมีเพียงฮู่ต้าไฮ่และหลู่กังเฟิงเท่านั้น

ในตอนนั้นเอง เสียงจางๆก็ได้ปรากฏขึ้นมาในจิตสำนึกของเฉินเฉียง

“เฉินเฉียง ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้รับการแนะนำมาจากจางหยวนใช่รึเปล่า ยิ่งไปกว่านั้นคือเจ้ายังมีข้อตกลงที่จะประลองด้วย ทำไมเจ้าไม่มากับข้าล่ะ ข้าจะมอบวิธีการที่แน่นอนในการกำราบไอ้เด็กนั่น”

เป็นหลู่กังเฟิงที่ได้ลอบใช้การถ่ายทอดเสียงไปยังเฉินเฉียง และเป็นตอนนั้นก็มีอีกเสียงหนึ่งได้ปรากฏออกมาในจิตสำนึกเขาเช่นเดียวกัน

“เฉินเฉียง ด้วยเทคนิคการเคลื่อนไหวของเจ้านั้นอย่าได้ไปเสียเวลากับไอ้กวางขายาวนี่เลย มากับข้าดีกว่า ชนักปักหลังของเจ้านั้นมันเหมาะสมกว่าที่จะได้เป็นลูกศิษย์ข้า”

การประชันของสองอาจารย์ได้บังเกิดขึ้นมาอีกครั้งภายใต้จิตสำนึกของเฉินเฉียง

ในขณะที่เขากำลังพิจารณาว่าจะเลือกอาจาย์คนไหนอยู่นั้น เขาก็ได้จ้องมองไปยังกัวเหลียงที่ในตอนนี้กำลังกระตุกเสื้อของเขาเบาๆก่อนที่จะมองไปยังหลู่กังเฟิง

เฉินเฉียงได้มองไปยังผอ.หลี่ด้วยรอยยิ้มและพูดออกมาว่า “ผอ.หลี่ ข้าต้องการเลือกอาจารย์ฮู่เป็นอาจารย์ของข้าครับ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า สายตาของเจ้าช่างดีจริงๆ” ฮู่ต้าไฮ่แตะไปที่บ่าของเฉินเฉียงก่อนจะหันไปแขวะหลู่กังเฟิง “ไอ้กวางขายาว ไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้วนะ หรือจะไม่”

“เอ้านี่ เฉินเฉียง นี่คือกำไรสื่อสารรุ่นที่ฉายภาพได้ ใส่ซะสิ”

เฉินเฉียงได้รับกำไรสื่อสารอันใหม่มาและใส่ไปยังข้อมือขวาของตน แสงสีน้ำเงินได้บ่งบอกเป็นตัวเลขมากมายปรากฏขึ้นมา

หนึ่งในนั้นแสดงไว้ว่า คะแนน:1120

“เฉินเฉียง ตอนนี้เจ้ามีคะแนนยี่สิบแต้มที่เจ้าจะได้ทุกเดือน และหนึ่งร้อยแต้ม สำหรับการเข้าใหม่ ส่วนคะแนนสองพันแต้มนั้นได้มาจากการที่เจ้าทำผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการทดสอบสองรอบแล้ว แต่อาจารย์ได้ใช้มันหนึ่งพันแต้มไปซื้อกำไรสื่อสารนี้มา”

หลู่กังเฟิงได้พูดออกมาด้วยความรู้สึกไม่ยินดีเลยสักนิด “ไอ้แก่ฮู่ เจ้านี่มันขี้เหนียวจริงๆ ถึงกับใช้รางวัลของศิษย์ไปซื้อของมาให้ศิษย์แบบนี้ เฉินเฉียงนั้นพึ่งจะอยู่ในระดับเรียนรู้ นอกจากนั้น เขายังพึ่งอายุ 16 ปีและเป็นนักรบสายเลือดระดับทหารขั้นกลางเท่านั้น ข้าว่าเขาควรเอาแต้มเหล่านั้นไปใช้ในการฝึกฝนและบ่มเพาะจะดีกว่า”

“ฮ่าฮ่า ไอ้กวางขายาวอย่างแกไม่ต้องมาพูดเลย แค่ฟังก็รู้แล้วว่าอิจฉาข้า เฉินเฉียง บอกไอ้กวางขายาวนี่ไปทีสิว่า เจ้าใช้เวลาเท่าไหร่นับตั้งแต่ปลุกสายเลือดจนไปถึงระดับนักรบระดับทหารขั้นกลางได้”

เฉินเฉียงได้ใช้นิ้วโป้งปัดจมูกของตนไปเล็กน้อยอย่างภูมิใจพร้อมกับกล่าวออกมาด้วยความเขินอายเล็กน้อย “เรียนอาจารย์ ข้าพึ่งจะใช้เวลาไปเกือบสองเดือนเท่านั้น”

“น้อยกว่าสองเดือน หมายความว่าเจ้าพึ่งจะปลุกสายเลือดได้ตอนอายุ 16 เนี่ยนะ แถม ระดับความเร็วในการบ่มเพาะนั่น… นี่เจ้ามีสายเลือดที่ค่อนข้างดีเลยนี่นา”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นไงไอ้กวางขายาว ศิษย์ของข้าน่าจะเรียกได้ว่าดีเสียยิ่งกว่าดีอีกนะ เฉินเฉียง บอกไอ้นี่ต่อทีสิว่าเจ้ามีความมั่นใจในสายเลือดของเจ้าแค่ไหน”

เฉินเฉียงได้เงยหน้าขึ้นมาก่อนที่จะใช้กำปั้นทุบอกตัวเองและพูดออกมาเสียงดังฟังข้า “เรียนท่านอาจารย์ ข้ามีความมั่นใจอย่างมากครับ”

เฉินเฉียงนั้นแม้ก่อนหน้านี้จะอยากเก็บซ่อนความสามารถของตนก็ตาม แต่เขารู้สึกได้ว่าที่นี่เขาไม่ควรจะปิดบังมันไว้แต่อย่างใด

ต่อให้สายเลือดของเขานั้นในตอนนี้เป็นสายเลือดทมิฬและสายเลือดพลังห้าธาตุที่เป็นการรวม ประกายสายฟ้า(แสง) ลม ไฟ และดิน เข้าไว้ก็ตาม

แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะมีใครที่มีสายเลือดแบบเขาปรากฏตัวขึ้นมาในสำนักเต่าดำนี้….ล่ะมั้ง

ในทันทีเฉินเฉียงได้พูดออกมานั้น รอยยิ้มของฮู่ต้าไฮ่ที่อยู่บนหน้าในตอนนี้ก็ฉีกกว้างยิ่งกว่าเดิม เขาดึงเฉินเฉียงไปและพูดออกมา “งั้น เราไปทดสอบสายเลือดกันดีกว่า เอาให้ไอ้กวางขายาวนี่ล้มหงายเก๋งกันไปข้างหนึ่ง ฮ่าฮ่าฮ่า”

ผอ.และอาจารย์คนอื่นเองก็ได้ตามฮู่ต้าไฮ่ไปอย่างไม่ห่างนัก เพราะทุกคนนั้นอยากรู้จริงๆว่าสายเลือดใดกันแน่ที่เด็กใหม่คนนี้ได้ครอบครองถึงสามารถทำลายสถิติของสำนักได้ถึงสองด่านในคราเดียว

แน่นอนว่าทุกคนอดที่จะหมั่นไส้ท่าทีอหังการของฮู่ต้าไฮ่ไม่ได้เลยทีเดียว

“ก็อะแค่ได้ศิษย์ชั้นยอดแล้วทำไมถึงดูน่าหมั่นไส้นักฟะ ฮึ่มมมมมม”

“ผู้อาวุโสหลู่อย่าริษยาเขานักเลยน่า ฮู่ต้าไฮ่นั้นไม่ได้ศิษย์ดีๆมาสองปีแล้วนะ เขานั้นย่อมต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา”
“ช่างเรื่องนี้ไปดีกว่านา ในเมื่อศิษย์ใหม่เลือกเขาไปแล้ว ก็ถือว่าแล้วๆกันไป”

“เฮ้ออออ ข้าก็หวังได้เพียงว่าเฉินเฉียงนั้นจะไม่ท้อถอยไปซะก่อนล่ะนะ ไอ้เฒ่านั่นฝึกโหดซะด้วยสิ”

“ก็จริง แล้วทำไมอาจารย์สอนผู้บ่มเพาะจิตวิญญาณแบบพวกเราไม่ได้รับศิษย์ล้ำค่าแบบนี้บ้างเนี่ย”

“ฮืม นี่เจ้ายังไม่รู้เหรอ เมื่อกี้ข้าลองใช้ทักษะลับตรวจสอบวิญญาณตรวจดูแล้ว เฉินเฉียงนั้นมีระดับจิตวิญญาณอยู่แค่ระดับกลางเท่านั้น เขาไม่เหมาะกับการบ่มเพาะจิตวิญญาณ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ข้าคงไม่ปล่อยให้ฮู่ต้าไฮ่ได้เขาไปง่ายๆแน่”

เพียงไม่นาน ทุกคนก็ได้มาถึงแผนกเล่นแร่แปรธาตุของสำนัก

“ผู้อาวุโสฉี รีบๆช่วยข้าทดสอบสายเลือดของศิษย์ของข้าหน่อย”

ก่อนที่ทุกคนจะได้เข้าไปนั้น ฮู่ต้าไฮ่ได้พูดด้วยเสียงอันดังลั่น

“จะแหกปากไปทำไมเนี่ย” “ท่านอาจารย์กำลังปรุงยาอยู่นะ”

ศิษย์คนหนึ่งที่อายุน่าจะประมาณ 25 ปี ได้เปิดประตูออกมามองกลุ่มคนที่พึ่งมาถึงด้วยท่าทีที่ไม่เป็นมิตร

นี่คือสิ่งที่เฉินเฉียงไม่เคยคาดฝันมาก่อน

ศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งมีท่าทีไม่แยแสต่ออาจารย์ของเขา ไม่สิ แม้แต่ผอ.ก็ยังไม่เหลียวแล คนคนนี้จะกล้าเกินไปแล้ว

แต่ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าก็คือไม่เพียงฮู่ต้าไฮ่จะไม่โกรธแล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศิษย์สำนักที่อายุอ่อนกว่าขนาดนี้ที่พึ่งจะอารมณ์เสียใส่ เขานั้นกลับพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่ออาจารย์ของเจ้ายังไม่ว่าง ข้าคงต้องรบกวนเจ้าเป็นคนทดสอบสายเลือดแทนแล้ว”

“เฉินเฉียง คนนี้คือศิษย์พี่เฟิงไคเหลียง เขานั้นถือได้ว่าเป็นศิษย์ที่มีอายุมากที่สุดที่อาจารย์ฉีแห่งแผนกเล่นแร่แปรธาตุภูมิใจที่สุด ทักษะด้านเล่นแร่แปรธาตุของเขานั้นสูงล้ำมากเกือบจะเทียบเท่าอาจารย์ของเขา เรียกได้ว่าเป็นศิษย์ที่มีความสามารถสูงล้ำอีกคนหนึ่งของสำนักเรา”

เฉินเฉียงในตอนนี้ได้ตั้งแง่กับเฟิงไคเหลียงในทันที ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะมีความมั่นใจในตัวเองที่สูงล้ำเช่นเดียวกันจึงได้แสดงท่าทีหยิ่งยโสออกมาได้ถึงขนาดนี้

หลังจากฮู่ต้าไฮ่การสรรเสริญไปแล้ว เฟิงไคเหลียงก็ไม่ได้แสดงท่าทีดีใจออกมาแต่อย่างใด นอกจากนั้น เขาเพียงแค่นำมีดเล็กๆออกมาเล่มหนึ่งและโยนไปให้เฉินเฉียงและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เอาเลือดของเจ้ามา”

เฉียนเฉียงไม่ได้ตอบโต้อะไรออกไป เขานำมีดไปกรีดแขน แล้วฮู่ต้าไฮ่ที่ในตอนนี้ในมือมีหลอดทดลองอยู่ได้นำหลอดมารองเลือดของเฉินเฉียงและส่งให้เฟิงไคเหลียง

ในห้องที่คับแคบห้องหนึ่ง เฟิงไคเหลียงได้นำขวดเล็กๆออกมาอย่างระมัดระวัง ข้างในนั้นมีสารละลายสีฟ้าที่เฉินเฉียงเคยเห็นตอนอยู่ที่อาณานิคม

เฟิงไคเหลียงได้ค่อยๆหยดสารสีฟ้าลงไปในหลอดทดลองที่มีเลือดของเฉิงเฉียง และเขย่าสารละลายไปมาอย่างช้าๆ

ทุกคนในตอนนี้ถึงกลับกั้นลมหายใจพร้อมทั้งจ้องมองการเปลี่ยนแปลงในหลอดทดลองอย่างไม่กะพริบตา

“เปลี่ยนสีแล้ว”

เป็นกัวเหลียงที่อยู่หลังสุดได้ตะโกนออกมาเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงในหลอดทดลอง

อย่างไรก็ตาม ไม่ทันที่จะได้พูดจบดี สีในหลอดทดลองเปลี่ยนไปมาอย่างหลากหลายจนยากจะคาดเดา

นี่ยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเบื้องหลัง(ปูมหลัง)ของเฉินเฉียงยิ่งดูประหลาดมากขึ้นและมากยิ่งขึ้นไปอีก

เขาเองก็เคยได้รับการทดสอบสายเลือดนี้มาแล้วครั้งหนึ่งตอนที่อยู่ในอาณานิคมเขาหมาง แต่ในตอนนั้นกลับไม่ได้แสดงผลอะไรออกมา เขาจึงคิดไม่ถึงว่าถึงแม้ว่าสารทดสอบของสำนักเต่าดำนี้แม้จะดูเหมือนกันแต่กลับมีประสิทธิภาพที่สูงล้ำกว่ามาก

นั่นก็เพราะไม่เพียงสารทดสอบนี้จะตรวจสอบสายเลือดของเขาได้เพียงเท่านั้น แต่สีที่เกิดขึ้นนี้ได้แสดงให้เห็นว่าตัวเขานั้นมีสายเลือดอยู่ทั้งหมด หก ประเภท หรือก็คือ ตรวจสอบพบได้ทั้งหมดในคราวเดียว

แต่เมื่อเขานั้นได้หันกลับไปมองคนอื่นๆแล้ว ความรู้สึกหนึ่งก็ได้บังเกิดขึ้นในหัวใจ

คนพวกนี้เป็นอะไรไปกัน

พวกเขาเองไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นสายเลือดหายากแบบนี้หรอกเหรอ

คนแล้วที่อยู่เฉยไม่ได้นั้นก็คือหลู่กังเฟิง ตอนที่เขานั้นได้จ้องมองสีที่หลากหลายลานตาในหลอดทดลองอย่างตาไม่กะพริบอยู่นั้น เขาก็ได้มาสะกิดไหล่ของฮู่ต้าไฮ่และกระซิบออกมา “ฮี่ฮี่ฮี่ ผู้อาวุโสฮู่ ยินดีด้วยน้า… เจ้าได้พบบุคคลอันเป็นขุมทรัพย์โดยแท้”

“ไปตายซ้า…”

ท่าทีของฮู่ต้าไฮ่ในตอนนี้ทำให้เฉินเฉียงต้องสนใจอย่างอดไม่ได้ ดวงตาของเขาปูดโปนก่อนที่จะสบถคำตอกกลับไปในทันที

เฟิงไคเหลียงได้ถือหลอดทดลองมาและมองไปยังเฉินเฉียงอย่างดูถูก เขาพูดกับฮู่ต้าไฮ่ออกมา “อาจารย์ฮู่ ท่านคงเห็นสายเลือดของลูกศิษย์ตัวเองแล้วสินะ”

“ลม ดิน ไฟ ทอง ประกายสายฟ้า(แสง) แล้วก็พิษ หึหึหึ ดูเหมือนว่าจะเขานั้นจะมีสายเลือดที่หายากอย่างแท้จริง พวกเราไม่เคยเห็นนักรบสายเลือดที่หายากแบบนี้มาก่อนตั้งแต่ก่อตั้งสำนักมา”

ผอ.ได้เดินเข้ามาหาฮู่ต้าไฮ่ก่อนจะถอนลมหายใจเล็กน้อย “ผู้อาวุโสฮู่ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เป็นไปได้ว่าด้วยฝีมือของท่านอาจจะสามารถชุบเลี้ยงลูกศิษย์ของท่านให้กลายเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักเต่าดำในอนาคตก็ได้”

หลังจากพูดจบ เขาก็ได้เดินจากไป

ถึงแม้ว่าอาจารย์คนอื่นจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ท่าทางหัวร่อต่อกระซิกในตอนที่เดินออกไปนั้นแน่นอนว่าพวกเขานั้นย่อมพยายามที่จะทำให้ตัวเองต้องหัวเราะออกมาดังๆ

ฮู่ต้าไฮ่ในตอนนี้ได้จ้องมองไปยังหลอดทดสอบสายเลือดอยู่อีกพักใหญ่ ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงอันดังลั่นว่า “กัวเหลียง พาเฉินเฉียงกลับ”

หลังจากพูดจบ ฮู่ต้าไฮ่ได้ทะยานขึ้นฟ้าก่อนที่จะตะโกนออกมาดังลั่น “อ๊ากกกกก”

“ไอ้เลวระยำที่ไหนกล้ามาก่อกวนแผนกเล่นแร่แปรธาตุ”

“แม่งเอ๊ย ยาล้ำค่าเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์จริงๆ”

เสียงอันดังลั่นจากชายที่มีอายุสี่สิบปีที่ไว้หนวดได้พูดออกมาในขณะที่วิ่งมาดูก็เห็นว่าฮู่ต้าไฮ่กำลังจะจากไป

“ฮู่ต้าไฮ่ แกอย่าหวังเลยว่าข้าจะหลอมยาให้แกอีกกกกกก”

ในตอนนี้ เฉินเฉียงที่ยังไม่เข้าใจในสถานการณ์ก็ได้หันไปยังคนคนหนึ่งและถามออกมา “ศิษย์พี่เฟิง ผลการทดสอบของข้าเป็นยังไงกัน”

เฟิงไคหลิงได้ตอบออกมาอย่างเย็นชา “ขยะ”

“เจ้า”

เฉินเฉียงในตอนนี้ชี้ไปยังหน้าของเฟิงไคหลิงด้วยความโกรธ

“ศิษย์น้องเฉิน ไปกันเถอะ ท่านอาจารย์รอพวกเราอยู่”

กัวเหลียงได้ลากเฉินเฉียงออกจากแผนกเล่นแร่แปรธาตุในทันที

Related

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset