ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 41 เกมการเมือง

บทที่ 41 เกมการเมือง

แม้จะต้องเผชิญหน้ากับใบหน้าที่อาฆาตพยาบาทของจ้าวหยาง เฉินเฉียงก็ไม่ได้มีท่าทีตอบโต้แต่อย่างใด แต่จะบอกว่าเขายังคงมีใจสงบนิ่งก็ไม่ถูกนัก

ความขัดแย้งระหว่างแผนกวิชายุทธพิเศษกับแผนกเล่นแร่แปรธาตุความจริงแล้วมีมายาวนานแล้ว ไม่ได้เป็นเพราะเฉินเฉียงแต่อย่างใด นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไมเฉินเฉียงถึงกล้าที่จะท้าประลองกับเฟิงไคเหลียงเพราะโดนขายยาหลอมร่างกายขั้นห่วยแตกให้

ใจตอนนั้น เขาเองยังไม่รู้จักเฟิงไคเหลียงเลยด้วยซ้ำ แต่นอกจากจะเพิ่มราคายาหลอมร่างกายที่ชุยหยันหลันไปซื้อมาให้เขาเป็นสองเท่าแล้ว คุณภาพที่ได้ยังห่วยแตกแบบสุดๆ และด้วยเหตุนั้นทำให้เรื่องจบลงด้วยการที่เขาไปตัดหัวเฟิงไคเหลียงทิ้งเพื่อระบายความโกรธ

อย่างไรก็ตาม ภายหลัง เฉินเฉียงนั้นโดนท้าทายด้วยพันธมิตรของพวกเล่นแร่อย่างจ้าวฮั่นและชนะมาได้ และนี่ทำให้จ้าวหยางร่วมมือกับพวกเล่นแร่และตั้งใจก่อปัญหาให้เขาและแผนกวิชายุทธพิเศษ

กับในเรื่องนี้ เฉินเฉียงเองนั้นต้องการที่จะเห็นความสามารถของอาจารย์ของตนอย่างฮู่ต้าไฮ่เหมือนกันว่าภายใต้แรงกดดันจากพันธมิตรอย่างจ้าวหยางและพวกเล่นแร่จะทำอะไรได้บ้าง

และหลังจากที่จ้าวหยางเสนอความเห็นและฉีเหรินเห็นด้วยแต่โดยดีนี้ทำให้เขานั้นรู้สึกสนใจยิ่งกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม ผอ.หวังผู้ซึ่งมาเพื่อจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ถึงกับต้องขมวดคิ้วในทันทีที่ได้ยิน

ถึงแม้เขาพึ่งจะบอกไปว่าแผนกเล่นแร่แปรธาตุนั้นมีสิทธิที่จะตั้งราคาในการขายยาให้กับศิษย์แผนกวิชายุทธพิเศษก็จริง แต่ความต้องการของจ้าวหยางนั้นถือว่าเกินเลยจากขอบเขตนี้ไปพอสมควร

อย่างไรก็ตาม ผอ.หวังนั้นยังไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา เฉินเฉียงนั้นเป็นศิษย์ของฮู่ต้าไฮ่ ก่อนที่ฮู่ต้าไฮ่จะตัดสินใจ ตัวเขาในฐานะรุ่นพี่ของมหาวิทยาลัยคนหนึ่งก็ไม่อาจตัดสินใจเรื่องนี้ได้เช่นเดียวกัน

“อาจารย์ เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมเรื่องนี้ถึงได้เกี่ยวกับศิษย์น้องเฉินกันล่ะ หรือว่าแผนกเล่นแร่หาเรื่องเพื่อไม่ให้ศิษย์ได้รับยาอย่างนั้นเหรอ”

หลู่ฟางถามออกมาด้วยความสงสัย

ด้วยการที่หลูฟางและพวกนั้นได้ออกไปทำภารกิจภายนอกสำนักและพึ่งจะกลับมาทำให้ไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเฉินเฉียงกับแผนกเล่นแร่แปรธาตุและจ้าวหยาง

ฮู่ต้าไฮ่ไม่ได้อธิบายอะไรออกมา แต่ยังไงก็ตาม ไม่นาน หลู่ฟางและพวกก็ได้เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากการพูดคุยของศิษย์สำนักที่มุงดูเหตุการณ์

“ข้าบอกแล้วว่าเฉินเฉียงนั้นอวดดีเกินไป มันกล้าที่จะท้าสู้กับศิษย์น้องเฟิงแห่งแผนกเล่นแร่แปรธาตุและหลานของผู้อาวุโสจ้าว ยิ่งไปกว่านั้นคือมันกล้าที่จะชนะพวกเขาโดยไม่ไว้หน้ากัน และนี่เองทำให้มันนั้นต้องตกอยู่ในปัญหาแบบนี้”

“มันก็จริงที่จ้าวฮั่นนั้นเป็นหลานรักของผู้อาวุโสจ้าว พอนึกถึงว่าเฉินเฉียงนั้นมีระดับการบ่มเพาะที่ไม่สูงแต่กลับทรงพลังแบบสุดๆ ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาแล้วแต่กล้าชนะจ้าวฮั่นได้ นี่ไม่ได้ต่างจากการหักหน้าผู้อาวุโสจ้าวเลยจริงๆ”

“อย่าว่าแต่ศิษย์น้องเฟิงเลย ทำไมจะไม่มีใครรู้ว่าศิษย์แผนกเล่นแร่แปรธาตุไม่ได้แยแสต่อทักษะการต่อสู้บ้าง แล้วทำไมมันถึงได้ไปท้าทายศิษย์น้องเฟิงกันล่ะ ต่อให้ศิษย์น้องจะมีการบ่มเพาะระดับทหารขั้นสูงก็ตาม แต่ด้วยความสามารถในการทำยาของเขาสูงมากมีหรือที่อาจารย์ฉีจะปล่อยให้เขาไปเสียเวลากับการต่อสู้”

“แต่เป็นแบบนี้ก็ดีนะ นี่ถือได้ว่าคนที่หาเรื่องแผนกแล่นแร่แปรธาตุไม่ใช่แผนกวิชายุทธพิเศษและผู้อาวุโสจ้าว แค่การไล่เด็กใหม่ก็จบเรื่องได้ถือว่าดีไม่ใช่รึไงกัน มันเองก็ก่อปัญหาให้อาจารย์ฮู่ไม่น้อยเหมือนกัน”

ฮู่ต้าไฮ่ได้มองไปยังจ้าวหยางก่อนที่จะหันไปพ่นลมหายใจออกมาอย่างดูถูก ในขณะเดียวกันก็ได้เห็นสายตาที่เศร้าสร้อยจากศิษย์คนโตของตนหรือก็คือหลู่ฟางนั่นเอง

ถึงแม้ระดับการบ่มเพาะของเฉินเฉียงจะต่ำต้อยยังไงก็ตาม แต่เขาก็ไม่อาจให้ศิษย์ของตนถูกขับไล่ด้วยเรื่องพรรค์นี้ได้เหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้นึกถึงระดับการบ่มเพาะของหลู่ฟางที่ต้องใช้ยาเพื่อช่วยเหลือนั้น หากเขาต้องการเปิดสงครามกับแผนกเล่นแร่จริงๆละก็ คนที่จะไม่ได้รับความเป็นธรรมมากที่สุดคือหลูฟางและลูกศิษย์คนอื่นๆ

หลังจากที่หลู่ฟางและศิษย์คนอื่นๆรับทราบเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างเฉินเฉียงกับแผนกเล่นแร่แปรธาตุและผู้อาวุโสจ้าวแล้วนั้น หลู่ฟางและพวกก็ได้หันไปจ้องมองที่เฉินเฉียงกันเป็นตาเดียว

พวกเขาไม่เคยคิดว่าศิษย์น้องคนนี้ คนที่พวกเขาพึ่งจะได้เจอกันนั้นจะหาญกล้าท้าทายขุมอำนาจใหญ่ของสำนักได้ถึงสองกลุ่มในคราวเดียวกัน

ศิษย์น้องผู้หญิงบางคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับหลู่ฟางเอง ในตอนนี้ค่อยๆเข้าไปหาหลู่ฟางและพูดออกมาเบาๆ “ศิษย์พี่ใหญ่ หันกลับไปดูสิคะ”

หลู่ฟางได้หันกลับไปมองศิษย์น้องของคน เมื่อเห็นท่าทางของแต่ละคนแล้ว เขาก็ได้หันหน้ากลับไปและพูดกับอาจารย์ของตนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อาจารย์ครับ อย่างที่ศิษย์บอกไปก่อนหน้านี้ ต่อให้ศิษย์ไม่มียาเปิดจุดชีพจรก็ตาม ศิษย์เองมีความมั่นใจว่าจะสามารถก้าวขึ้นไปยังระดับการบ่มเพาะระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางได้ในเวลาอันสั้น”

“แต่นั่น….หมายความว่าเจ้าต้องใช้เวลาและพลังงานมากขึ้น….”

“อาจารย์ ศิษย์จะพยายามในเรื่องนี้อย่างสุดความสามารถครับ” “ศิษย์ไม่สามารถทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องยุ่งยากของอาจารย์เพียงเพราะประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น และศิษย์ก็ไม่อาจจะไปตัดอนาคตของศิษย์น้องของตัวเองด้วยเรื่องแค่นี้ด้วยเหมือนกัน”

เมื่อเห็นสายตาอันแน่วแน่ของหลู่ฟางแล้วทำให้ฮู่ต้าไฮ่ยิ้มกว้างออกมาได้

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เยี่ยม นี่สิศิษย์ที่อาจารย์ตั้งความหวังเอาไว้”

ฮู่ต้าไฮ่ได้มองไปรอบๆอีกครั้งก่อนที่จะหันไปถามเหล่าลูกศิษย์ของตน “พวกเจ้าล่ะคิดว่ายังไงกับเรื่องนี้”

“พวกเจ้าต้องไม่ลืมว่าหากอาจารย์ไม่เห็นด้วยกับความต้องการของผู้อาวุโสจ้าวและแผนกเล่นแร่แปรธาตุละก็ นั่นหมายความว่าเม็ดยาที่พวกเจ้าจะต้องใช้นั้นจะถูกเหมารวมไปด้วยอยู่ดี”

กัวเหลียงและศิษย์คนอื่นๆได้ยืนตัวตรงอย่างอกผายไหล่ผึ่งและพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียง “พวกเราเห็นด้วยกับการตัดสินใจของอาจารย์และศิษย์พี่ใหญ่ครับ/ค่ะ”

เมื่อได้ยินการสนทนาระหว่างฮู่ต้าไฮ่และศิษย์พี่ของเขาแล้วทำให้เฉินเฉียงนั้นรู้สึกปลาบปลื้มอย่างที่สุด เขาเดินเข้าไปหาฮู่ต้าไฮ่และพูดออกมา “อาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่ ทำไมทุกคนถึงต้องเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้กัน ทำไมไม่ปล่อยให้ศิษย์เป็นคนจัดการเองล่ะ”

“ไร้สาระ นรกสั่งให้เจ้าพูดออกมาแบบนี้รึไงกัน”

ฮู่ต้าไฮ่ได้พูดออกมาด้วยเสียงอันดังลั่น “เฉินเฉียง เจ้าไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว นับแต่เจ้าได้ตัดสินใจเข้าร่วมแผนกวิชายุทธพิเศษแล้ว เจ้าก็คือพวกพ้องของเรา”

“ถึงแม้ว่าอาจารย์จะต้องตัดสัมพันธ์กับไอ้พวกเล่นแร่ แต่นี่ก็ดีแล้ว ไอ้พวกที่ใช้ระดับการบ่มเพาะมาข่มขู่คนอื่นแบบนี้ ไอ้พวกคนที่ควรจะโดนตัดสินโทษต้องเป็นพวกมันต่างหากไม่ใช่พวกเรา หากจำเป็นจริงๆ อาจารย์คนนี้ก็แค่บากหน้าไปหาพวกบริหารเท่านั้น”

อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงและหลู่ฟางนั้นจะจดจำความแค้นนี้เอาไว้เป็นอย่างดี

ต่อให้พวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากใคร แต่แผนกวิชายุทธพิเศษนั้นจะไม่ยอมเสียเกียรติด้วยเรื่องเพียงเท่านี้

เส้นทางแห่งการบ่มเพาะนั้น คุณธรรมต้องสำคัญที่สุด

และนี่เป็นโอกาสที่ฮู่ต้าไฮ่จะได้สั่งสอนศิษย์ของตน “ต่อให้ก้าวไปได้ถึงระดับราชา แต่หากจิตใจขาดคุณธรรม ฐานรากแห่งวิญญาณก็จะได้รับความเสียหาย”

“พวกเราจะทำตามคำแนะนำของอาจารย์ครับ”

หลู่ฟางและศิษย์คนอื่นๆของแผนกวิชายุทธพิเศษต่างก็ตอบออกมาอย่างพร้อมเพรียง

เมื่อเห็นฉากนี้ ผอ.ก็ได้พยักหน้ายอมรับนับถืออยู่ในใจ

ถึงแม้ฮู่ต้าไฮ่นั้นจะเป็นคนแข็งกร้าว แต่การสั่งสอนของเขานั้นกลับได้รับการยอมรับนับถือจากลูกศิษย์

แน่นอนว่าต่อให้สำนักจะมีกฎว่าให้แผนกเล่นแร่แปรธาตุตั้งราคายาของตนได้ก็จริง แต่ก็ไม่อาจจะมีอำนาจและสิทธิที่จะกดข่มไม่ให้ศิษย์ชั้นเลิศอย่างหลู่ฟางไม่ให้พัฒนาการบ่มเพาะของตนไปได้

ฉีเหรินนั้นตั้งใจว่าหลังจากเฉินเฉียงโดนไล่ออกไปแล้ว หลังจากจบเรื่องนี้ไปสักสองวัน สำนักน่าจะออกหน้ามาอย่างเต็มตัว และนี่จะทำให้เขานั้นมีเหตุผลในการทำยาทะลวงจุดชีพจรให้กับหลู่ฟางได้อย่างมีเกียรติ

การที่ผลของเรื่องนี้ออกมาแบบนี้เรียกได้ว่าอยู่ห่างไกลจากความคาดหวังของฉีเหรินอย่างสมบูรณ์

ในความคิดของฉีเหรินนั้น กับศิษย์เลือดผสม(มีสายเลือดหลากหลาย)แบบนี้ ฮู่ต้าไฮ่ย่อมต้องไม่สนใจ

และหากเฉินเฉียงถูกไล่ออกไปตามแผนการและทุกอย่างดำเนินไปตามที่เขาคิด แผนกเล่นแร่แปรธาตุจะได้หน้าไปเต็มๆ แถมยังมีเหตุผลให้เขาสามารถหลอมยาให้โดยไม่ต้องอับอาย

เขานึกไม่ถึงว่าฮู่ต้าไฮ่และศิษย์คนอื่นในแผนกวิชายุทธพิเศษจะยอมตัดขาดความสัมพันธ์กับพวกเขาดีกว่าจะเฉดหัวเฉินเฉียงที่ยังเป็นศิษย์ชั้นต่ำออกไปจากสำนัก

ในสำนักเต่าดำนั้น ความจริงแล้วแผนกเล่นแร่แปรธาตุนั้นมีอำนาจได้เป็นเพราะสามารถควบคุมความเร็วในการบ่มเพาะลูกศิษย์ในสำนักของแผนกอื่นได้

ตัวฉีเหรินเองนั้นในฐานะของหัวหน้าแผนกเล่นแร่แปรธาตุ เขานั้นไม่ได้ต้องการเอาชื่อเสียงและอำนาจของแผนกไปเสี่ยงกับเรื่องนี้ แต่ด้วยการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจ้าว ทำให้เขานั้นคิดว่า การลงมาเล่นเกมแห่งอำนาจในครั้งนี้มีแต่ได้กับได้

แต่ในตอนนี้ เขากลับมายืนอยู่ในจุดที่ไม่มีทางถอยแบบนี้ ฉีเหรินจึงไม่มีทางเลือกทำได้เพียงหันไปขอความช่วยเหลือจากผอ.หวัง

แน่นอนว่าผอ.หวังเข้าใจความคิดของฉีเหรินได้ในทันทีที่เห็นท่าทาง เขาเองก็ไม่อยากให้เรื่องไปไกลกว่านี้เหมือนกัน เขาจึงได้กระแอมขึ้นมาหนึ่งทีก่อนที่จะยืนขึ้นมา

“ผู้อาวุโสจ้าว ข้าคิดว่าวันนี้เรื่องนี้ควรจะจบลงได้แล้วนะ”

“ส่วนเรื่องความขัดแย้งระหว่างเฉินเฉียง แผนกเล่นแร่แปรธาตุและจ้าวฮั่น พวกเราค่อยพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้กันทีหลัง”

“พวกเราไม่ควรจะปล่อยให้ระดับบ่มเพาะของหลู่ฟางต้องล่าช้าด้วยเรื่องแบบนี้ไม่ใช่หรือ”

“ผอ. หากเรื่องนี้ล่าช้าไปมันจะไม่ดีไม่ใช่รึไงกัน” จ้าวหยางที่ในตอนนี้แม้จะเห็นแผนกทั้งสองแตกหักกันไปแล้วก็ตาม แต่เพื่อหลานของเขา มีหรือที่เขาจะยอมลามือไปแบบนี้

“ผอ. ผู้อาวุโสฉีก็พูดไปแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องกฎของสำนัก พวกเราก็ไม่ควรจะแหกกฎเพราะเฉินเฉียงด้วยไม่ใช่รึไงกัน”

Related

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset