ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 47 จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

บทที่ 47 จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

“อาจารย์ อาจารย์จะลงโทษศิษย์น้องจริงๆหรือครับ เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะไอ้พวกเล่นแร่ทั้งนั้นเลยนะ มองยังไงก็ศิษย์น้องก็เป็นฝ่ายที่ถูกบังคับให้สู้กับเท่านั้น”

“จริงด้วยค่ะอาจารย์ อาจารย์น่ายกโทษให้ศิษย์น้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ที่สำคัญที่สุดคือศิษย์น้องพึ่งจะเข้าสำนักมาได้ไม่นาน ความเข้าใจในกฎของเขายังไม่ครอบคลุม ต้องเป็นธรรมดาที่เขาต้องทำผิดกฎกันได้”

เฉินเฉียงรู้สึกประทับใจในตัวศิษย์พี่ของเขาทุกคน แต่ต่อให้ย้อนกลับไปได้ยังไงเขาก็คิดจะทำเรื่องนี้อยู่ดี เขาเชื่อว่าการลงโทษจากอาจารย์ของเขาคงไม่หนักอะไรมากนัก

เมื่อคิดแบบนี้ เฉินเฉียงก็ได้พูดออกมาอย่างห้าวหาญ “ศิษย์ทุกท่าน ศิษย์น้องคนนี้ขอขอบคุณในความห่วงใยของพวกท่าน แต่นี่เป็นความผิดของข้า ข้าย่อมต้องรับโทษทัณฑ์”

ฮู่ต้าไฮ่พยักหน้าอย่างยอมรับในความห้าวหาญของเฉินเฉียง “ดี ศิษย์ของแผนกวิชายุทธพิเศษต้องห้าวหาญเยี่ยงนี้ เจ้าคู่ควรกับพวกเรา”

“เฉินเฉียง อาจารย์ไม่โทษเจ้าในเรื่องนี้ แต่ด้วยการจับตาจากผอ.หวังและผู้อาวุโสจ้าว ยังไงอาจารย์ก็ต้องลงโทษเจ้า”

“เพื่อไม่ให้เจ้าต้องติดอยู่กับการลงโทษนี้โดยไม่ได้โอกาสในการฝึกฝนและบ่มเพาะ อาจารย์จะลงโทษเจ้าโดยการให้ไปช่วยเหลือโรงครัวภายในสำนักเป็นเวลาครึ่งปี เพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้น เจ้าก็จะเป็นอิสระ เข้าใจหรือไม่”

“…..อะไรคือโรงครัวในสำนักน่ะ” เฉินเฉียงถามกัวเหลียงด้วยเสียงอันเบา

กัวเหลียงยักคิ้วขึ้นก่อนที่จะตอบด้วยเสียงอันเบา “มันก็คืองานครัวนั่นแหละ มันเป็นงานต่ำสุดในสำนักเรา เอาเป็นว่าเพื่อให้รอดพ้นจากความเคลือบแคลงของผู้อาวุโสจ้าวและผอ.หวังก็…เจ้าทนๆเอาหน่อยแล้วกันนะ แค่ครึ่งปีเอง”

เฉินเฉียงเมื่อได้ยินดังนั้นแล้วก็รู้สึกไม่แยแสขึ้นมา นั่นก็เพราะเขานั้นเคยอยู่ในจุดต่ำสุดอย่างทีมเก็บกู้ซากศพมาแล้ว นับประสาอะไรกับงานครัว

“ศิษย์รับคำสั่ง” เฉินเฉียงไม่ได้ถามอะไรอีก ทำเพียงแค่ยอมรับคำตัดสินของฮู่ต้าไฮ่เท่านั้น

“หืม พวกเจ้าคิดว่าข้ากลัวผอ.หวังและผู้อาวุโสจ้าวงั้นรึ พวกเจ้าไม่สงสัยกันเลยรึไงว่าทำไมข้าถึงส่งเฉินเฉียงไป” อยู่ๆ ฮู่ต้าไฮ่ก็ถามออกมาอย่างหัวเสีย

“ใช่สิ พวกเจ้าคิดว่าเป็นแบบนั้นกันทั้งหมดสินะ ฮึ่มมมม”

ฮู่ต้าไฮ่ได้มองไปรอบๆในขณะที่เหล่าศิษย์ทั้งหลายก้มหัวไปกันทุกคน เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงพูดออกมาด้วยเสียงที่นุ่มลึก “พวกเจ้าทุกคนจงจำไว้ว่า แผนกวิชายุทธพิเศษของพวกเราคือกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักเต่าดำ”

ต่อให้เป็นภายในสำนัก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พวกเจ้าจะต้องไม่หลงลืมข้อนี้

“เฉินเฉียงนั้นได้ไปกล้าท้าทายอาจารย์ฉี สำหรับคนอื่นมันแสดงถึงความไม่เคารพในตัวอาจารย์ฉี แต่สำหรับอาจารย์ เรื่องนี้ไม่ได้สำคัญห่าเหวอะไรเลย”

“การประลองก็คือการประลอง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร จะมีระดับการบ่มเพาะที่สูงหรือต่ำกว่า อย่างมากที่เลวร้ายที่สุดก็แค่แพ้”

“แต่เหตุผลที่อาจารย์ลงโทษเฉินเฉียงให้ไปทำงานในที่ที่สกปรกและเหม็นเน่านั้นกว่าครึ่งปีเป็นเพราะเฉินเฉียงนั้นท้าทายศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า”

“ก่อนหน้านี้ นอกจากอาจารย์กับศิษย์พี่แล้วก็ไม่มีคนรู้เรื่องนี้ แต่ในเมื่อในตอนนี้ทุกคนก็รู้กันทั่วแล้ว แล้วทำไมการที่ท้าประลองศิษย์พี่ใหญ่ถึงต้องถูกลงโทษแบบนั้นกันด้วยล่ะครับ”

“อาจารย์ ก่อนหน้านี้พวกเราก็เคยท้าสู้กับศิษย์พี่ใหญ่นี่ครับ แต่พวกเราก็ไม่เคยถูกลงโทษมาก่อน”

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ใส่เสื้อผ้าสีเงิน เขานั้นอยู่ในระดับนายพลวิญญาณและอยู่ข้างๆกัวเหลียงได้ถามออกมา

ฮู่ต้าไฮ่ได้จ้องมองไปที่เขาแล้วพูดออกมา “ซุนเต่า ถามได้ดี การต่อสู้ระหว่างศิษย์นั้นถือว่าเป็นเรื่องไม่ผิดกฎของสำนักแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นคือสำนักเรานั้นยังส่งเสริมและสนับสนุนเรื่องนี้ด้วยซ้ำ”

“แต่พวกเจ้าคงยังไม่รู้คำขอของเฉินเฉียง”

“เขาอยากให้พี่ใหญ่ของเขาช่วยยอมแพ้ในการประลองเป็นตาย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เหล่าศิษย์พี่ทุกคนต่างก็มองไปที่เฉินเฉียงด้วยสายตามที่แปลกประหลาด เฉินเฉียงเองในครั้งนี้รู้สึกว่าเขานั้นต้องแพ้พ่ายกับสายตาแบบนี้อย่างบอกไม่ถูก นั่นก็เพราะเขาไม่รู้ว่าทุกคนในตอนนี้คิดยังไงกับเขา

“เฉินเฉียง อย่านะว่าเจ้ายังไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันผิดยังไง”

เฉินเฉียงได้เกาหัวและพูดออกมาอย่างหวั่นๆ “ครับ ท่านอาจารย์ ศิษย์ไม่ทราบจริงๆ”

“หลู่ฟาง บอกศิษย์น้องของเจ้าสิว่าเขาทำผิดอะไร”

ฮู่ต้าไฮ่ได้นั่งลองที่เก้าอี้ของเขาในห้องโถงนี้พร้อมกับจ้องมองเฉินเฉียงด้วยสายตาเย็นชา

“ศิษย์น้องน่าจะยังไม่เข้าใจในความหมาย สิ่งที่อาจารย์หมายถึงนั้นคือศิษย์ในแผนกวิชายุทธพิเศษนั้นล้วนแล้วแต่ถูกสอนให้เป็นคนตรงๆ ชนะก็คือชนะ แพ้ก็คือแพ้ พวกเราจึงไม่อาจจะเล่นตุกติกแบบการแกล้งยอมแพ้ในการประลองเป็นตายได้ ต่อให้นั่นจะทำให้ชื่อเสียงของพวกเราสูงขึ้นก็ตาม”

-เป็นเช่นนั้น-

เมื่อเฉินเฉียงได้ยินแล้วก็เข้าใจในทันทีว่าทำไมตอนที่เขาพูดเรื่องนี้ออกมา ทั้งอาจารย์และศิษย์พี่ใหญ่มีใบหน้าที่บึ้งตึงอย่างสุดๆ ดูเหมือนว่าพวกเขานั้นคิดว่าที่เขาทำไปนั้นเป็นเพราะต้องการชื่อเสียงในสำนัก

ในความจริงแล้วเขานั้นเพียงต้องการจะดูดซับทักษะการฝึกฝนร่างกายเบื้องต้นของศิษย์พี่ของเขาผ่านการประลองเป็นตายเท่านั้น นั่นก็เพราะศิษย์พี่ของเขามีระดับทักษะอยู่ที่ขั้นสุดยอดแล้วนั่นเอง

-ใครจะไปคิดว่าเรื่องนี้มันต้องจริงจังถึงขนาดนี้-

แน่นอนว่าเขาในตอนนี้ไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่างชัดได้ โดยเฉพาะต่อหน้าการจับจ้องของอาจารย์และศิษย์พี่ของเขาทุกคนแบบนี้

“ศิษย์เข้าใจแล้ว ศิษย์จะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีกในอนาคต”

เฉินเฉียงนั้นได้ยอมรับผิดแต่โดยดี และนี่ทำให้ฮู่ต้าไฮ่เริ่มผ่อนคลายขึ้นมา

“อย่าหลงมัวเมาไปกับความดีงาม อย่าได้ลุ่มหลงไปกับสิ่งยั่วยวน”

“เฉินเฉียง เกี่ยวกับความคิดแบบนี้ของเจ้านั้น ถึงแม้มันจะดูเล็กน้อยแต่ว่ามันย่อมส่งผลเสียต่อการบ่มเพาะของเจ้าในอนาคตอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่อาจารย์กังวลมากที่สุด”

“การที่เจ้าขอให้ศิษย์พี่ของเจ้ายอมแพ้ในวันนี้ หากในภายภาคหน้า เจ้าต้องไปพบเจอกับศัตรูหลากหลายรูปแบบ นิสัยนี้ของเจ้าอาจจะเป็นตัวตัดสินผลแพ้ชนะได้เลย”

“ในสำนักเต่าดำของพวกเรานั้น นอกจากแผนกวิชายุทธแล้วก็ยังมีแผนกอื่นๆอย่างแผนกบ่มเพาะร่างกาย บ่มเพาะจิตวิญญาณ โลหะและไม้ ลม น้ำและดิน แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมพวกเราถึงได้ชื่อว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด”

“มันเป็นเรื่องของจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เจ้าพอจะรู้จักรึเปล่า”

“มันก็จริงที่เจ้านั้นมีทักษะที่ทรงพลังแล้วนั้น แม้แต่คำพูดและการกระทำของเจ้านั้นก็ล้วนแล้วแต่ทรงพลังทั้งนั้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่อาจารย์พร่ำบอกเจ้าว่าเส้นทางการบ่มเพาะนั้น ธรรมในใจนั้นจึงสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด”

“มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่จะทำให้ผู้บ่มเพาะมีจิตวิญญาณการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง มีต่อสิ่งนี้เท่านั้นที่จะทำให้เจ้าไม่เกรงกลัวการต่อสู้”

“จงจดจำไว้ว่า ยามใดก็ที่จิตใจของเจ้านั้นห้าวหาญ เมื่อนั้นเจ้าจะหยิบมีดเข้าไปต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งกว่า ยามใดก็ตามที่จิตใจเจ้าอ่อนแอ ยามนั้นเจ้าจะหยิบดาบเข้าฟาดฟันผู้ที่อ่อนแอกว่า”

ในห้องตอนนี้ สุ้มเสียงของฮู่ต้าไฮ่นั้นได้ดังก้องกังวานและทรงพลังจนทำให้พลังภายในของศิษย์ทุกคนนั้นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งร่างกาย

“ยามที่จิตใจห้าวหาญ เมื่อนั้นแม้แต่มีดก็เข้าไปต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งกว่าได้ ยามใดที่จิตใจอ่อนแอ ยามนั้นจะหยิบดาบเข้าฟาดฟันผู้ที่อ่อนแอกว่าอย่างไม่ลังเล”

เมื่อนึกถึงคำพูดนี้ ถึงแม้ว่าทั้งอาจารย์ของเขา ศิษย์พี่ใหญ่ และคนอื่นๆจะไม่รู้ความประสงค์ที่แท้จริงของเฉินเฉียงก็ตาม แต่เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของอาจารย์ของพวกเขา พวกเขาเองก็อดที่จะตกตะลึงกับความกล้าท้าชนของเฉินเฉียงที่มีมาก่อนหน้านี้ไม่ได้เช่นเดียวกัน

หลังจากออกจากห้องของฮู่ต้าไฮ่ หลู่ฟาง กัวเหลียง และศิษย์พี่คนอื่นๆของเขาก็พากันมาส่งยังครัวของสำนัก

“ศิษย์น้อง ถึงแม้ว่างานที่นี่จะหนักมาก แต่เจ้าก็อย่าได้ขาดการฝึกฝนประจำวันเป็นอันขาด เจ้าต้องไม่ทำให้ความหวังดีของอาจารย์นั้นเสียประโยชน์”

“อ้อ แล้วก็ศิษย์น้อง หากว่าศิษย์น้องยังคิดที่จะท้าประลองกับศิษย์พี่ใหญ่คนนี้อยู่ ศิษย์พี่คนนี้ก็จะรอวันที่ศิษย์น้องใช้ความสามารถที่แท้จริงล้มศิษย์พี่คนนี้เช่นเดียวกัน”

Related

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset