บทที่ 57 ยากจะอธิบาย
ผู้คนโดยรอบสนามที่ในตอนนี้ไม่อาจเห็นได้ว่าข้างในสนามประลองว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากว่าการประลองในครั้งนี้เป็นสนามแบบกลางคืน พวกเขารู้สึกร้อนรนและสงสัยว่าข้างในนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แกร้ง แกร้ง แกร้ง…
เสียงตกกระทบของวัตถุได้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพลังวิญญาณของเฉินเฉียงเองก็ถูกใช้ออกไปมากมายแล้ว นี่ทำให้ผลจากการสะกดจิตนั้นเริ่มลดน้อยถอยลงไป
“ฮ๋าฮ่า เฉินเฉียง ดูสิว่าแกจะทำแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหนกัน” จ้าวฮั่นได้กวัดแกว่งดาบไปมาพร้อมท่าทีที่ตื่นเต้นดีใจ
นั่นก็เพราะต่อให้เขานั้นไม่สามารถป้องกันการสะกดจิตจากเฉินเฉียงได้ แต่เขาก็รู้ดีว่าพลังวิญญาณของเฉินเฉียงก็เหลืออีกไม่มากแล้วเช่นเดียวกัน อีกไม่นาน การสะกดจิตจากเฉินเฉียงจะต้องหยุดลง
และเมื่อถึงตอนนั้น เขาจะสามารถสวนกลับได้ด้วยทุกอย่างที่เขามี
แต่มีสิ่งหนึ่งที่จ้าวฮั่นไม่รู้ นั่นก็คือเฉินเฉียงนั้นมีระบบที่สุดยอดจะหยั่งถึง
และตอนนี้ เฉินเฉียงกำลังตรวจสอบค่าสถานะของตนอยู่ เขาพบว่าตัวเขาในตอนนี้มีค่าพลังงานลดลงไปถึงสองพัน แต่นั่นทำให้เขานั้นมีค่าวิญญาณที่กลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน เฉินเฉียงก็ได้สังเกตอะไรบางอย่างจากการจ้องมองอันหยิ่งยโสของจ้าวฮั่น
ดวงตาเหรอ
ต่อให้พลังสายเลือดจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม แต่ก็คงจะไม่ถึงขึ้นเคลือบดวงตาไว้ได้ล่ะมั้ง
เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉินเฉียงได้ปรับพลังภายในร่างของตนใหม่อีกครั้ง เมื่อทั้งสองเขาประชิดกัน เฉินเฉียงก็ได้เปิดใช้ทักษะสะกดข่มมารสวรรค์
จ้าวฮั่นที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามานั้นก็ได้รู้สึกว่าถูกโจมตีด้วยอะไรบางอย่างที่ศีรษะของตน และนั่นทำให้เขาเสียหลัก
เฉินเฉียงได้ใช้โอกาสนี้และได้เล็งดาบดั้นเมฆของตนไปที่ดวงตาของจ้าวฮั่น และเฉือนได้อย่างแม่นยำ
“อ๊ากกกก”
เสียงร้องโหยหวนได้ดังขึ้น จ้าวฮั่นถึงกลับโยนกระบี่น้ำแข็งเขียวในมือทิ้งไปในทันที เขาใช้มือทั้งสองข้างกุมดวงตาเอาไว้
แต่นี่ยังไม่ใช่จุดจบ
เฉินเฉียงที่โจมตีออกไปทำร้ายจ้าวฮั่นจนได้ในที่สุดนี้ เขาได้ปลดปล่อยพลังการบ่มเพาะสะกดข่มมารสวรรค์ออกมาอีกครั้ง และนี่ทำให้จ้าวฮั่นรู้สึกราวกับเมาอย่างหนักจนต้องเอนกายนอนหงายในบัดดลและไม่สามารถยืนขึ้นมาได้อีก
ต่อให้พลังสายเลือดของจ้าวฮั่นยังคงเคลือบอยู่บนร่างของเขาก็ตาม แต่เฉินเฉียงที่เห็นแบบนี้ เขาก็ได้เตะจ้าวฮั่นให้ลอยขึ้นไปบนฟ้า ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้ตั้งดาบดั้นเมฆของตนให้ตั้งขึ้นและแทงขึ้นไป ในครั้งนี้ เขาเล็งไปที่รูก้นของจ้าวฮั่นและแทงเข้าไปอย่างโหดร้าย
พลังสายเลือดที่ใช้ในการป้องกันร่างกันนี้ ความจริงแล้วมันสามารถป้องกันได้เพียงพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ง่ายต่อการโจมตีได้เท่านั้น ส่วนรูก้นนั้นถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง มันก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับปากที่ผู้คนต้องใช้พูดคุยแน่นอนว่าพลังสายเลือดย่อมปิดไว้ไม่ได้ จ้าวฮั่นไม่ได้ใส่ใจกับรู้ก้นของตน นั่นก็เพราะเขานั้นไม่คิดว่าตนเองจะเปิดโอกาสให้เฉินเฉียงได้ขนาดนี้
ดวงตาของจ้าวฮั่นในตอนนี้บอดสนิทเพราะบาดเจ็บ นี่ทำให้ตัวเขานั้นสูญเสียพลังในการต่อสู้ไปทั้งหมด มาตอนนี้เมื่อรู้ก้นถูกจู่โจมด้วยดาบอันใหญ่ยักษ์ของเฉินเฉียงที่รุนแรงแบบสุดกำลัง ไม่เพียงดาบนี้ยังทะลวงเข้ารูก้นของเขาไปเท่านั้น เขายังได้รู้สึกว่ามันบิดหมุนราวกับสว่านที่ทะลวงผ่านร่างของเขาไป
ในตอนนี้จ้าวฮั่นผู้น่าสงสารได้สูญสิ้นสติสัมปชัญญะไปแล้ว เขารับรู้ได้เพียงความเย็นยะเยียบที่ทะลวงผ่านรูก้นของตนเพียงเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็ตกตายไปก่อนที่จะได้มีโอกาสได้กรีดร้องออกมา เป็นอีกครั้งที่เขาถูกเฉินเฉียงฆ่า
ติ้ง ระบบตรวจพบซากที่ใช้ประโยชน์ได้ นักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณ การย่อยสลายเสร็จสิ้น
ชื่อ เฉินเฉียง
ระดับ: นักรบสายเลือดระดับทหารขั้นสูง
การหลอมรวมทักษะ: 1
ค่าพลังงาน:400,000
ค่าการใช้ประโยชน์:89
ค่าความอดทน:88
ค่าความแข็งแกร่ง:110
ค่าความเร็ว:150
ค่าพลังจิต:78
วิธีการบ่มเพาะ: หลอมเลือดทำลายล้างระดับต้น
วิธีการบ่มเพาะ: ภาพวาดแห่งห้วงมหาสมุทร ระดับเริ่มเรียนรู้
วิธีการบ่มเพาะ: เทคนิคฝึกฝนร่างกายขั้นต้น ระดับเริ่มเรียนรู้
วิธีการบ่มเพาะ: เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุแบบดั้งเดิม ระดับต้น
ทักษะ: ไร้ตัวตน
ทักษะ: การตรวจสอบด้วยเสียง
ทักษะ: เพลิงดาบสายฟ้าทำลายวิญญาณระดับต้น
ทักษะ: ก้าวย่างสวรรค์ระดับสูงสุด
ทักษะ: ภาษาสัตว์
ทักษะ: แกะรอยด้วยกลิ่น
ทักษะ: ขุดรูระดับสูง
ทักษะ: สื่อสารไร้สาย
ทักษะ: สะกดจิต ระดับต้น
ทักษะ: สะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์ ระดับเรียนรู้
ทักษะ: แก่นแท้แห่งการเล่นแร่แปรธาตุ ระดับต้น
ทักษะ: รอบรู้สมุนไพร
ทักษะ: เพลงดาบลมเฉือน ระดับเรียนรู้
สายเลือด: ทมิฬระดับสูง
สายเลือด: พลังห้าธาตุระดับสูง
สายเลือด: ธาตุไม้เขียวระดับสูง
หลังจากดูดซับพลังที่หลงเหลือในซากร่างของจ้าวฮั่นสำเร็จแล้ว ด้วยนี่ทำให้เขาได้พัฒนาทักษะเดิมที่เขาได้มาก่อนหน้านี้
ในตอนนี้นอกจากค่าความทนทาน ความเร็ว และค่าสถานะพื้นฐานอื่นๆที่เพิ่มขึ้นมา ที่ดียิ่งกว่านั้นคือหลังจากที่เขาพัฒนาทักษะย่างก้าวเงาระดับต้นของจ้าวฮั่นเข้าไปแล้ว นี่ทำให้มันได้หลอมรวมเข้ากับก้าวย่างสวรรค์ของเขาจนทำให้ไปสู่ระดับสุดยอดได้แล้ว
และนี่เท่ากับว่าก้าวย่างสวรรค์ของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างๆน้อยๆก็สองเท่าตัวของก่อนหน้านี้
ในตอนนี้อย่างน้อยๆย่างก้าวแรกของเขาจะพุ่งทะยานไปได้สามร้อยเมตร และย่างก้าวที่สามเขาจะไปได้เกินกว่าพันแปดร้อยเมตร
หลังจากการต่อสู้จบลง สนามประลองก็ได้สว่างขึ้น
“ห้ะจบแล้ว นี่จบแล้วจริงๆเหรอ”
เมื่อเห็นแสงสว่างปรากฏ เหล่าผู้คนโดยรอบก็แตกตื่น พวกเขาถลึงตามองในทันทีที่เห็นฉากบนสนามประลอง
เฉินเฉียงนั้นยิ้มกริ่มในขณะที่ปิดเปลือกตา ราวกับว่าเขานั้นได้รู้แจ้งในบางสิ่ง
ส่วนจ้าวฮั่นนั้นกลับเดินออกมาด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังประหนึ่งดังถูกทำมิดีมิร้ายออกมา
“เกิดอะไรขึ้น อย่า อย่าบอกนะ ว่าศิษย์น้องชนะ”
“เป็นไปไม่ได้น่า จ้าวฮั่นเป็นถึงระดับนายพลวิญญาณเลยนะ ถึงจะพึ่งเปิดจุดชีพจรลับได้หนึ่งจุด แต่แค่การใช้พลังงานสายเลือดได้นี่ก็ทำให้ศิษย์น้องที่เป็นระดับทหารทำอะไรไม่ได้แล้ว แล้วเขาจะแพ้ได้ยังไง”
ในขณะที่ทุกคนกำลังสับสน ตัวต้นเหตุก็ได้เดินออกมาจากสนามแล้ว
“ระดับทหารขั้นสูง คนแล่เนื้อเฉินเฉียง ชนะการประลองกับระดับนายพลวิญญาณขั้นต้น จ้าวฮั่น”
ถึงแม้ว่าผลการต่อสู้จะถูกประกาศออกมา แต่ผู้คนก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่าจะเป็นเรื่องจริง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า….”
เสียงหัวเราะอันแสนบ้าคลั่งเสียงหนึ่งได้ทำให้สติของศิษย์แผนกวิชายุทธพิเศษทุกคนให้ตื่นจากภวังค์แห่งการตกตะลึง
“ศิษย์น้องกัว ถึงแม้ศิษย์น้องของพวกเราจะชนะแต่เจ้าก็ไม่ควรแสดงออกแบบเกินงามแบบนี้นะ”
หนี่เฟิงที่ในตอนนี้ได้มองไปที่กัวเหลียงที่กำลังบ้าคลั่งก็อดแสดงสายตาดูแคลนแต่รู้ใจ(รู้ทัน)ขึ้นมาไม่ได้ก่อนจะพูดออกมา “ศิษย์พี่ใหญ่ จะไม่ให้หมอนั่นมีความสุขได้ยังไง แต่หมอนี่ไม่ได้มีความสุขที่ศิษย์น้องชนะอะไรหรอก เขามีความสุขที่อาจารย์ทำให้เขาได้แต้มคะแนนก้อนโตต่างหาก”
“ไม่เลวเลยจริงๆ ถ้าอาจารย์ไม่หยุดเขาไว้ก่อนล่ะก็มีหวังศิษย์น้องกัวคงจะสติแตกไปยิ่งกว่านี้นะที่เสียไปแปดพันแต้มคะแนนน่ะ”
“ศิษย์พี่ใหญ่อย่าไปอิจฉาเขาล่ะ เขาแค่โชคดีเท่านั้น”
“ใช่ เป็นเพราะข้านั้นโชคดี”
“แต่การที่อยู่ๆก็ชนะได้แต้มคะแนนมาแปดพันแต้มแบบนี้ที่ทำให้ข้ากังวลจริงๆ ว่าไม่รู้ว่าจะมีคนจ่ายข้าไหวรึเปล่านะ”
กัวเหลียงที่ใบหน้ายิ้มกว้างในตอนนี้ทำให้คนที่เห็นอยากจะวิ่งเข้าไปตบหัวทิ่มให้แล้วรู้รอดไป
เมื่อเห็นเฉินเฉียงได้ก้าวเดินลงมาจากสนามประลองอย่างผู้มีชัย กัวเหลียงได้วิ่งเข้าไปกล่าวต้อนรับเป็นคนแรก
“ศิษย์น้อง เจ๋งเป้ง ยิ่งไปกว่านั้นคือเจ้าทำให้ข้าได้กำไรก้อนโตเลยในครั้งนี้”
“ข้าก็เช่นกัน” หลิวซวนเอ๋อได้พูดออกมาด้วยความตื่นเต้นยินดี “ในครั้งนี้ศิษย์น้องเฉินได้ทำให้พี่สาวคนนี้ได้แต้มคะแนนมาตั้งมากมายแน่ะ”
เฉินเฉียงได้มองไปที่ทั้งสองด้วยความประทับใจ ด้วยการที่เขานั้นอยู่ในการบ่มเพาะระดับทหาร ใครกันที่จะคิดว่าเขานั้นมีโอกาสชนะบ้าง
อย่างไรก็ตาม สองคนนี้กลับเลือกที่จะลงพนันของเขา แค่เชื่อว่าเขาชนะ ไม่ว่าจะลงมากหรือน้อยขนาดไหนก็ตาม สองคนนี้สมควรจะเป็นคนที่ไม่ขายเพื่อนอย่างแน่นอน
“ศิษย์น้อง เจ้าไม่ต้องไปประทับใจกับกัวเหลียงหรอกนะ หากไม่ใช่ว่าอาจารย์หยุดเขาแล้วเอาแต้มคะแนนไปลงฝั่งเจ้าล่ะก็ ศิษย์พี่กัวของเจ้าก็ไม่ได้ต่างจากยาจกแล้วในตอนนี้”
เมื่อเห็นท่าทางของเฉินเฉียงแล้ว หลู่ฟางก็รู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่จึงต้องรีบพูดออกมาเพื่อไม่ให้เข้าใจผิด
“ท่านอาจารย์ ขอบคุณครับ”
เฉินเฉียงได้เดินไปตรงหน้าฮู่ต้าไฮ่และก้มหัวทำความเคารพจากใจจริง
“ไม่ต้องมาขอบคุณข้า” ฮู่ต้าไฮ่พูดออกมาด้วยท่าทีสุขุม “เฉินเฉียง ต่อให้เจ้าชนะในครั้งนี้ ข้าก็เชื่อว่าเป็นเพราะเจ้ามีโชคเท่านั้น”
“ยังไงซะข้าก็ยังยึดคำพูดก่อนหน้านี้ที่ว่าไม่ว่าเจ้าจะชนะหรือแพ้ เมื่อกลับไปแล้ว เจ้าต้องเก็บตัวบ่มเพาะ”
“โอ้ เรื่องนั้นศิษย์ทราบแล้วครับ” เฉินเฉียงทำได้เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น
อีกฟากฝั่งหนึ่ง ผู้อาวุโสจ้าวที่ในตอนนี้ยอมรับความผิดพลาดของหลานรักของตนในครั้งนี้ไม่ได้อยู่นั้น กำลังเค้นความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น
“ฮั่น เจ้า…เกิดอะไรขึ้น เจ้าแพ้ได้ยังไง”
“ปู่ … ข้า…”
จ้าวฮั่นที่ไม่สามารถอธิบายเรื่องที่ตัวเองพ่ายแพ้ออกไปได้นั้นทำได้เพียงแค่ก้มหัวและไม่พูดอะไรออกมา
Related