ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 58 ประลองอีกครั้ง

บทที่ 58 ประลองอีกครั้ง

“เอ่อออ ศิษย์พี่จ้าวเป็นอะไรล่ะนั่น ทำไมเขาดูเดินแปลกๆล่ะ”

“นั่นน่ะสิ เขาเดินกระมิดกระเมี้ยนอย่างกับซุกอะไรไว้ข้างหลังก็ไม่รู้ เอ่ออออ ศิษย์พี่จ้าวครับ ศิษย์พี่เป็นอะไรรึเปล่า”

“ข้าไม่เป็นไร ขนาดข้าโดนตัดหัวมายังเฉยๆเลย นับประสาอะไรกับการบาดเจ็บแค่นี้”

“บาดเจ็บเหรอ….ศิษย์พี่ ท่านได้รับบาดเจ็บตรงไหนกัน”

เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยจากผู้คนพวกนี้แล้วทำให้จ้าวฮั่นอยากจะหาหลุมแล้วซ่อนตัวอยู่ในนั้นในทันที

เสียงพูดคุยได้ลามมาจนถึงศิษย์แผนกวิชายุทธพิเศษ กัวเหลียงในตอนนี้กำลังยิ้มร่าหลังจากได้รับแต้มคะแนนกว่าแปดพันคะแนนของเขา เขาหรี่ตาลงมองเฉินเฉียงด้วยท่าทีฉงนสนเท่ห์

“ศิษย์น้อง ที่คนเหล่านั้นพูดเป็นความจริงเหรอ”

เมื่อเห็นท่าทางอันแปลกประหลาดของเฉินเฉียงที่ไม่ยอมรับและปฏิเสธ กัวเหลียงได้กระโดดถอยหลังไปในทันที “ศิษย์น้อง เจ้า เจ้าไม่ใช่ปีศาจร้ายใช่รึเปล่า ศิษย์พี่คนนี้ล่ะอยากรู้จริงๆว่าเจ้าคิดอะไรอยู่”

“หากว่าทุกคนรู้ว่าเจ้าเป็นคนแบบนี้ล่ะก็ใครจะกล้ารับคำท้าเจ้าอีกเนี่ย”

“ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเจ้าไปท้าศิษย์ผู้หญิงล่ะก็ เจ้า…”

เมื่อเห็นท่าที่ของกัวเหลียงที่ดูว่าจะสร้างความวุ่นวาย ฮู่ต้าไฮ่ก็รีบตะโกนออกมาในทันที “พอแล้ว หุบปากไปซะ”

หลังจากนั้นฮู่ต้าไฮ่ก็ได้มองไปที่เฉินเฉียงก่อนที่จะพูดออกมา

“นี่เจ้าคิดอะไรอยู่เนี่ยเจ้าศิษย์เวรตะไร” เขาถามออกมา “นี่เจ้าไม่มียางอายเลยรึไงกัน”

“เจ้าไม่รู้รึไงว่านั่นเป็นสิ่งเจ็บปวดเกินกว่าที่ลูกผู้ชายจะยอมรับได้”

เมื่อเห็นท่าทางแปลกๆของฮู่ต้าไฮ่และศิษย์พี่คนอื่นโดยเฉพาะศิษย์พี่ผู้หญิงที่ตอนนี้ก้าวถอยหลังออกไปอย่างเกรงกลัว เฉินเฉียงเองก็รู้สึกทนไม่ไหวเพราะกลัวจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ เขาจึงได้พยายามอธิบายออกมา

“อาจารย์ ศิษย์พี่ทั้งหลาย ข้าไม่ใช่คนแบบที่พวกท่านคิดนะ”

“ในตอนนั้นทั่วทั้งร่างของจ้าวฮั่นเคลือบเอาไว้ด้วยพลังสายเลือด เขาทำตัวเหมือนเต่าที่มีกระดอง ไม่ว่าข้าโจมตียังไงก็โจมตีไม่เข้า หากข้าต้องการชนะก็มีแต่วิธีนี้เท่านั้น”

“ศิษย์น้องอย่าพูดอะไรอีกเลย ยิ่งเจ้าพูดออกมายิ่งดูว่าเจ้านั้นดำมืดยังไงก็ไม่รู้ เดี๋ยวเจ้าจะไม่เหลือชิ้นดีเอานะ”

“โรคจิต วิตถาร”

กัวเหลียงพูดออกมาพลางใช้มือปิดด้านหลังของเขาด้วยท่าทางที่สั่นกลัว

-ไอ้ฉิบหาย-

เป็นดั่งที่กัวเหลียงพูดจริง เขาไม่สมควรจะอธิบายออกไปเลย ในตอนนี้เมื่อเฉินเฉียงหันไปมองโดยรอบก็ได้พบกับสายตาอาฆาตแค้นชิงชังเหนือจะกล่าวของจ้าวฮั่น

“เฉินเฉียง รอก่อนเถอะ เรื่องในวันนี้ยังไม่จบ ข้า จ้าวฮั่น ต้องล้างแค้นเรื่องในวันนี้ให้จงได้”

เมื่อเห็นท่าทีการสาปแช่งออกมาอย่างสุดหัวใจของจ้าวฮั่นขึ้นมาแล้ว เฉินเฉียงก็รู้สึกโกรธขึ้นมาซะอย่างนั้น

-ใครใช้ให้แกกัดไม่ปล่อยและไม่ยอมปล่อยมันไปกันล่ะฟะ-

ถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวฮั่นสร้างความวุ่นวายให้เขานับครั้งไม่ถ้วนก่อน นับจากในครัว จ้าวฮั่นให้คนมาก่อกวนเขาไม่ให้ว่างเว้น ยามที่เขาลงสนามก็ยังหาคนมาท้าประลองกับเขาอีก

ถึงแม้ในสำนักเต่าดำนั้น การประลองแบบนี้เป็นการกระตุ้นให้ศิษย์แลกเปลี่ยนวิชายุทธกันเพื่อพัฒนาตัวเอง แต่จ้าวฮั่นนั้นกลับไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังไม่ยอมรับผลการกระทำของตัวเองอีก และมาในตอนนี้ยังกล้าที่จะหาเรื่องเขาโต้งๆแบบนี้

-เขาไม่ยอมทนกับเรื่องแบบนี้อีกต่อไป-

“ระดับทหารขั้นสูง แผนกวิชายุทธพิเศษ คนแล่เนื้อ เฉินเฉียง ขอท้าประลองกับระดับนายพลวิญญาณขั้นต้น จ้าวฮั่นอีกครั้ง”

เฉินเฉียงได้ขยับมือของตนและประกาศคำท้าทายผ่านกำไลสื่อสารอีกครั้ง

เงียบงัน

มันไม่ใช่ความเงียบแบบธรรมดา

เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่มีการตั้งสำนักมา

ภายในหนึ่งวัน นี่เขาได้ท้าประลองคนเดียวกันถึงสองครั้ง

“ศิษย์พี่ นี่พวกเราฟังผิดไปรึเปล่า ศิษย์น้องคิดจะประลองกับจ้าวฮั่นต่ออย่างนั้นเหรอ”

“ศิษย์น้อง ข้าฟังไม่ผิดใช่รึเปล่า ทำไมไม่ถามอาจารย์ก่อน”

จ้าวฮั่นที่กำลังจะจากไปแล้ว เขาได้มองไปยังข้อความเสียงที่ส่งมาก็ได้มีร่างกายสั่นเทิ้มพร้อมหัวใจที่สั่นระรัว

น่าละอายอะไรอย่างนี้

คนคนนี้ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน หลังจากเข้าสำนักเต่าดำมาก็ได้ตั้งตนเป็นศัตรูกับเขา

การที่ถูกท้าทายติดๆกันแบบนี้ทำให้จ้าวฮั่นที่ภูมิใจในตัวเองมาตลอด ในตอนนี้รู้สึกโกรธจนเลือดเดือดปุดๆ

ด้วยนิสัยของเขานั้นเขาอยากจะจับเฉินเฉียงกดลงกับพื้นแล้วถลกหนังออกมาทั้งเป็น ตามมาด้วยการตัดหัวออกมาเตะเล่นเป็นลูกบอล

แต่ในตอนนี้เขาจะกล้าทำอีกเหรอ

การประลองเมื่อครู่นี้เขายังไม่ทันจะได้รับการเยียวยา

หากว่าเฉินเฉียนชนะเขาได้อีกครั้งหนึ่งล่ะ นี่ไม่ใช่ว่าเขานั้นแพ้ถึงสองครั้งติดกันหรอกเหรอ

และสิ่งที่เขานั้นลืมเลือนไม่ได้มากที่สุด นั่นก็คือการโจมตีสุดท้ายที่ยังคงจะฝังใจ นั่นไม่เพียงสังหารเขาแต่ยังบั่นทอนจิตใจเขา

นั่นยังดีที่เฉินเฉียงเลือกสนามแบบตอนกลางคืน แล้วถ้าในครั้งนี้เขาเลือกสนามตอนกลางวันล่ะ

นี่ไม่เท่ากับว่าเขาต้องพ่ายแพ้ต่อหน้าผู้คนหรอกเหรอ

เมื่อคิดความเป็นไปได้ตั้งมากมายที่ถาโถมเข้ามานี้ทำให้จ้าวฮั่นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียวสันหลังจนร่างกายต้องสั่นเทิ้มออกมา เหงื่อเม็ดใหญ่ทั้งหลายได้ต่างก็พรั่งพรูมาทั่วใบหน้าของเขา

“ศิษย์พี่จ้าว ไอ้เด็กโอหังระดับทหารขั้นสูงนั่นมันเกินไปแล้ว ศิษย์พี่ต้องไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปนะ คราวนี้เราต้องใช้จังหวะที่มันหลงลำพองใจปะทะกับศิษย์พี่แก้แค้นมันให้ได้ หากศิษย์พี่ไม่ยอมรับจะต้องอับอายมากยิ่งกว่านี้”

“ใช้แล้วครับศิษย์พี่ หากว่าในครั้งนี้พวกเราไม่รับไว้ล่ะก็แล้วพวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันล่ะ แล้วพวกเราจะกล้าทำอะไรได้อีกในอนาคต”

“หุบปาก ถ้าแกเก่งนักก็ขึ้นไปเองเซ่”

จ้าวฮั่นได้หันไปตะคอกคนที่พูดออกมาด้วยสายตาที่แสดงถึงความหวาดกลัว

“ก็ได้ ข้าจะไปเอง ท่านคิดว่าพวกเขาจะกลัวไอ้เด็กพรรนั้นรึไง”

ศิษย์คนหนึ่งโกรธจนฟิวส์ขาดในทันทีที่ได้ยินคำพูดของจ้าวฮั่น อย่างไรก็ตาม ชายคนนี้ถูกหยุดลงด้วยศิษย์ชายที่มีร่างเตี้ยคนหนึ่ง

“ศิษย์พี่สาม อย่าได้หุนหัน พี่อย่าลืมว่าพี่เองไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าศิษย์พี่จ้าวเลยนะ”

อีกอย่าง พี่ไม่กลัวว่าไอ้คนแล่เนื้อนั่นจะทำแบบเดียวกับศิษย์พี่ฮั่นบนสนามรึไงกัน

ชายที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่สามนี้ถึงกับหยุดกึกในทันทีที่ได้ยิน ใบหน้าของเขาซีดเผือดและถอยร่นกลับในทันใด

“ฮั่น เจ้าจะไม่รับคำท้าจริงๆรึ” เมื่อเห็นท่าทางลังเลของจ้าวฮั่นแล้ว ผู้อาวุโสจ้าวเองก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอีกครั้ง “ฮั่น เจ้าอย่าได้ลืมไปว่าการปฏิเสธของเจ้าในครั้งนี้จะมีผลลัพธ์เฉกเช่นใด ไม่เพียงเจ้าจะถูกหัวเราะเยาะโดยศิษย์ร่วมสำนักแล้ว นี่จะกลายเป็นเงาที่คอยตามติดกัดกินจิตใจของเจ้าไปในอนาคต”

“สิ่งที่เจ้าต้องการในตอนนี้ก็คือการหยุดความโอหังของไอ้คนแล่เนื้อนั่นและนำเกียรติยศของเจ้าที่สูญเสียไปกลับคืนมา”

“หากไม่แล้ว เมื่อจุดด่างดำในนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขล่ะแก้ ตัวเจ้านั้นอาจไม่สามารถยกระดับขั้นการบ่มเพาะได้อีกในอนาคต”

คำพูดของปู่ของเขานั้นแน่นอนว่าจ้าวฮั่นต้องเข้าใจเป็นอย่างดี

แต่ปัญหาคือ หลังจากพึ่งจะผ่านเรื่องนั้นมาแล้วจะให้เขาไปกล้าท้าสู้กับเฉินเฉียงเนี่ยนะ

“ท่านปู่.. ข้า…ขอโทษ…”

ในที่สุดหลังจากหันไปมองเฉินเฉียงอีกปราดหนึ่ง เฉินเฉียงก็ได้หนีไป

“…เฮ้อออ…ก็ได้…”

ผู้อาวุโสจ้าวได้ถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าเสียใจ เขาหันไปมองยังที่แผนกวิชายุทธพิเศษอย่างสุขุม ก่อนที่จะเดินตามหลานชายของตนไป

“ห้ะ เอ่อออ ท่านอาจารย์ นี่หมายความว่ายังไงกัน เขาไม่ยอมรับคำท้าของศิษย์อย่างนั้นเหรอ”

เฉินเฉียงได้ชี้ไปทิศทางที่จ้าวฮั่นจากไปพร้อมท่าทางที่สับสนแบบสุดๆจึงได้ถามออกมา

“ฮ่าฮ่าฮ่า ศิษย์น้องเฉิน ดูเหมือนจ้าวฮั่นจะกลัวศิษย์น้องมากเลยนะนั่น ข้าคิดว่าหมอนั่นคงไม่กล้าจะสร้างเรื่องยุ่งยากให้เจ้าอีกในอนาคต และข้าก็ยังเชื่ออีกว่า สมญาคนแล่เนื้อของเจ้านั้นก็คงจะขจรขจายไปทั่วสำนักด้วยเรื่องในครั้งนี้เป็นแน่”

หลิวซวนเอ๋อได้ก้าวเท้าขึ้นหน้าไปเล็กน้อยและมองไปยังทิศทางที่จ้าวฮั่นได้จากไป สายตาของเธอนั้นราวกับเข้าใจเรื่องราวได้กระจ่างชัดและเต็มไปด้วยความรู้สึกดูถูก

จากนี้เป็นต้นไป ไอ้หนุ่มเพลย์บอยที่มีนามว่าจ้าวฮั่น ได้พังไม่เป็นชิ้นดีไปแล้ว

Related

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset