บทที่ 62 หัวใจนางฟ้า
“อาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่ชนะจริงๆด้วย”
“แน่นอน” ฮู่ต้าไฮ่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันก็ได้พูดออกมา “จางไค เจ้านี่มีสายตาที่แหลมคมจริงๆ นี่ร้อยแต้มคะแนนของเจ้า ส่วนนี่อีกร้อยแต้มคะแนนที่ลงฝั่งศิษย์พี่ของเจ้า”
“อาจารย์ ข้าด้วยครับ ข้าลงสองร้อยแต้มคะแนนฝั่งศิษย์พี่ใหญ่”
“ได้ๆ ใจเย็นๆ ไม่ต้องแย่งกัน”
การต่อสู้ได้จบลงแล้ว ก่อนที่เฉินเฉียงและหลู่ฟางจะได้ออกมากันนั้นที่ข้างสนามก็ได้เริ่มมีการแบ่งแต้มรางวัลกันแล้ว
ในตอนนี้กัวเหลียงมีสีหน้าอึ้งจนทึ่มทำอะไรไม่ถูก
ตั้งแต่เฉินเฉียงลงสนามมานั้น ตราบใดที่เขาลงฝั่งเฉินเฉียง เขาไม่เคยแพ้พนันมาก่อน
แต่ในวันนี้นอกจากจะแพ้พนันแล้ว เขายังไม่เหลือแต้มคะแนนติดตัวเลยด้วยซ้ำ
แถมในแผนกวิชายุทธพิเศษนี้ มีตัวเขาเพียงคนเดียวที่ลงข้างเฉินเฉียง
หากจะมีอีกคนก็คงจะเป็นหลิวซวนเอ๋อ
อย่างไรก็ตาม หลิวซวนเอ๋อนั้นได้ชนะพนันมาสองรอบก่อนหน้านี้แล้ว นี่ยังถือว่าเธอไม่ได้เสียอะไรไปเลย
และที่สำคัญที่สุด ในการประลองครั้งนี้ทำให้เธอนั้นได้เข้าใจตัวตนของเฉินเฉียงมากยิ่งขึ้น
เขานั้นเป็นชายที่มีความสามารถสูงล้ำและแบ่งแยกความใจดีและเด็ดขาดออกจากกันได้อย่างชัดเจน
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เธอวิเคราะห์ออกมาได้ ชายผู้เรียกตัวเองว่าคนแล่เนื้อผู้นี้เธอเชื่อว่ายังมีความลับอยู่อีกมากมายนัก
นั่นก็เพราะถึงแม้ว่าเขานั้นจะเป็นศิษย์แผนกวิชายุทธพิเศษ แต่เขาก็มีวิชาท่าเท้า ท่าโจมตีทางวิญญาณ ทักษะการปรุงยา และทักษะอย่างอื่นที่ล้วนแล้วอยู่ในระดับที่ดีเลยทีเดียว
กับคนที่มีเส้นทางที่ไม่มีขีดจำกัดแบบนี้ แน่นอนว่าเธอนั้นยิ่งอยากเป็นมิตรด้วยมากขึ้นไปอีก
ไม่ต้องพูดถึงท่าทีของหลิวซวนเอ๋อในตอนนี้และท่าทีของฮู่ต้าไฮ่และคนอื่นๆที่ได้รับแต้มคะแนนของกัวเหลียงไปเป็นค่าคะแนนเดิมพันที่ชนะได้ เมื่อเฉินเฉียงและหลู่ฟางออกมาจากสนาม เหล่าศิษย์จากแผนกวิชายุทธพิเศษก็ได้ส่งเสียงเชียร์กันลั่น
“อาจารย์ ศิษย์ขอถามตรงๆเลยนะครับว่าท่านอาจารย์รู้ผลตั้งแต่ข้ากับศิษย์พี่เข้าไปประลองในสนามแล้วใช่หรือไม่”
เฉินเฉียงในตอนนี้รู้สึกเซ็งเป็ดขึ้นมาในทันทีต้องสูญแต้มคะแนนไปกว่าห้าหมื่นแต้มในคราวเดียว
แต่เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มกริ่มของอาจารย์ของตนแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมาเพราะรู้สึกว่าตนเองติดกับยังไงก็ไม่รู้
“แหงสิ ทั้งเจ้าและศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้านั้นต่างก็เป็นศิษย์ข้า มีหรือที่ข้านั้นจะไม่รู้ทักษะของพวกเจ้า”
“แต่เรื่องนี้ก็โทษข้าไม่ได้หรอกนะ ใครใช้ให้เจ้าเชื่อมั่นว่าจะชนะกับอีแค่การมัดมือมัดเท้าได้กันล่ะ”
“อีกอย่าง ต้องโทษเจ้าเองนั่นแหล่ะที่ไม่ยอมศึกษาให้ดีว่าศิษย์พี่เจ้านั้นนอกจากจะมีจิตวิญญาณที่เข้มแข็งที่สามารถป้องกันการโจมตีทางวิญญาณได้พอสมควรแล้ว ศิษย์พี่เจ้านั้นยังมีทักษะการโจมตีอย่างราชสีห์คำรามนี่อีก”
“ว่าไง เฉินเฉียง ยอมรับความพ่ายแพ้ได้รึยัง”
เฉินเฉียงยิ้มออกมาเล็กน้อย ความจริงนั้นเขายอมรับความพ่ายแพ้ตั้งแต่บนเวทีแล้ว
เพียงแต่การสูญเสียแต้มคะแนนกว่าห้าหมื่นแต้มในคราวนี้ทำให้เขานั้นรู้สึกปวดใจไม่น้อยเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รับรู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ของตนนั้นนอกจากจะมีเคล็ดวิชาฝึกฝนร่างกายขั้นพื้นฐานระดับสุดยอดแล้ว เขายังมีเทคนิคอย่างราชสีห์คำรามแบบนี้ นี่ยิ่งทำให้เขานั้นสนใจในตัวศิษย์พี่ใหญ่คนนี้มากขึ้นไปอีก
น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือตอนนี้ระดับทักษะของเขากับศิษย์พี่ใหญ่นั้นห่างกันเกินไป
และด้วยการประลองนี้เองก็ทำให้เขานั้นบรรลุถึงความคิดหนึ่งขึ้นมา
นั่นก็คือถึงแม้ว่าเขานั้นจะมีระบบคอยช่วยที่ทำให้สามารถต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่อยู่ต่างชั้นไหวก็ตาม แต่หากว่าเขานั้นต้องพบเจอศัตรูที่มีความห่างชั้นมากเกินไปล่ะก็ เขาจะตกตายได้ทุกเมื่อหากพลาดพลั้ง
เมื่อเขาก้าวข้ามไปยังระดับนายพลวิญญาณได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้น เขาจะประลองกับศิษย์พี่ใหญ่ของเขาอย่างแน่นอน
“ศิษย์น้อง มันจบแล้ว ข้า..ข้าสูญแต้มคะแนนไปหมดแล้ว”
กัวเหลียงได้เดินมาข้างๆเฉินเฉียงด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อยจนน่าอนาถใจ
เฉินเฉียงที่เห็นก็ได้ผายมือออกและพูดขึ้นมา “เหอเหอเหอ ไม่ต้องมามองข้าเลย แต้มคะแนนกว่าห้าหมื่นแต้มของข้านั้นอยู่ในมืออาจารย์นู่นแล้วล่ะ ข้าเองก็ไม่มีอะไรเหลือเหมือนกัน”
กัวเหลียงมองไปยังฮู่ต้าไฮ่ด้วยสายตาที่อ้อนวอน แต่ฮู่ต้าไฮ่นั้นกลับไม่แยแสและเรียกหลู่ฟางให้ไปหา
“หลู่ฟาง เอ้า นี่ ห้าหมื่นสองพันแต้มที่เจ้าเดิมพันชนะศิษย์น้องของเจ้ามาได้ ด้วยแต้มคะแนนเหล่านี้ ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถจะข้ามผ่านไปยังระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางได้อย่างแน่นอน”
หลู่ฟางที่ได้รับแต้มคะแนนมาจากอาจารย์ของตนแล้ว เขาก็ได้หันกลับไปที่เฉินเฉียงและพูดออกมาอย่างห้าวหาญ “ศิษย์น้อง เรื่องในครั้งนี้ศิษย์พี่ต้องขอขอบคุณเจ้ามากจริงๆ ศิษย์พี่จะถือว่าในครั้งนี้เจ้ายอมแพ้ข้าเพื่อเติมเต็มความต้องการของศิษย์พี่ก็แล้วกัน”
“แต่ไม่ต้องกังวล ศิษย์น้อง หากเจ้าต้องการให้ศิษย์พี่ช่วยอะไรอีกในอนาคตล่ะก็สามารถบอกศิษย์พี่ได้เลย ตราบใดที่ข้าทำได้ ศิษย์พี่คนนี้ยินดีที่จะทำ”
เฉินเฉียงยิ้มออกมาพร้อมมุมปากที่กระตุกราวกับอยากจะบอกออกมาว่า แค่ยอมแพ้ในสนามให้เขาสักรอบก็พอแล้ว
“ศิษย์น้องเฉิน การประลองในวันนี้ของเจ้าก็ไม่ได้แย่นักนะ ถึงแม้เจ้าจะแพ้ศิษย์พี่ แต่นั่นก็เป็นเพราะระดับขั้นที่ห่างชั้นกันเกินไปเท่านั้น ไม่ต้องไปใส่ใจมากนักหรอก”
“ข้าเชื่อว่าด้วยทักษะที่ล้ำเลิศของเจ้า เจ้าจะต้องเป็นแสงนำทางสำนักของเราได้อย่างแน่นอน”
“ยิ่งไปกว่านั้นนะ ตอนนี้ถ้าไม่นับเรื่องศิษย์พี่หลิวแล้ว ในตอนนี้ส่วนใหญ่ทุกคนในตอนนี้กำลังพูดถึงเจ้าผ่านกำไลสื่อสารนะ นักแล่เนื้อเฉินเฉียงเอ๋ย”
“จริงด้วยสิ ศิษย์น้องเฉิน หากว่ามีเวลาว่างล่ะก็เอาไว้เจ้าว่างๆก็ไปแผนกอัคคีของข้าบ้างล่ะ ข้าเชื่อว่าศิษย์ในแผนกต้องสนใจในตัวเจ้าอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณศิษย์พี่หลิวที่เชื้อเชิญครับ”
“อ้อ แล้วก็ไม่ต้องกังวลนะครับ ช่วงสองวันนี้ค่าจะหลอมยากลั่นเลือดให้ท่านได้อย่างแน่นอน เมื่อเสร็จแล้วค่าจะส่งไปให้”
“เยี่ยมเลย อาจารย์ฮู่ ศิษย์พี่ ศิษย์น้อง รักษาตัวด้วย”
เมื่อพูดจบ หลิวซวนเอ๋อก็ได้จากไปพร้อมผู้ติดตาม
“เกิดอะไรขึ้น”
“ศิษย์น้อง ดูเหมือนว่าเจ้าเองจะมีความลับอยู่กับตัวเยอะแยะเลยนะเนี่ย นี่ไม่ได้เห็นหน้ากันแค่ไม่กี่วันเองนะ”
กัวเหลียงในตอนนี้แม้จะเซ็งเป็ดกับการสูญเสียแต้มคะแนน แต่เมื่อหลิวซวนเอ๋อจากไปแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะแซวออกมา
“ศิษย์น้อง บอกพี่มาตรงๆเดี๋ยวนี้เลยนะว่าไปทำความรู้จักกับศิษย์น้องหลิวตั้งแต่ตอนไหน”
“นั่นน่ะสิ ศิษย์น้อง เจ้านี่รสนิยมดีจริงๆ เจ้ารู้รึเปล่าว่าศิษย์น้องหลิวผู้นี้ไม่ใช่เพียงศิษย์แผนกอัคคีธรรมดานะ นอกจากเธอจะเป็นตัวท็อปแล้ว เบื้องหลังเธอนั้นยังมีปู่ของเธอที่เป็นผู้อาวุโสใหญ่อย่างหลิวจางฉิงอีก”
“ศิษย์น้อง เจ้าเองนั้นไม่ใช่ว่าเจ้าขัดแย้งกับจ้าวฮั่นอยู่หรอกเหรอ”
“เมื่อเป็นแบบนี้เจ้าก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วนะ”
“ตราบใดที่ศิษย์น้องยังคงมีศิษย์น้องหลิวอยู่ด้วยล่ะก็ จ้าวฮั่นและปู่ของหมอนั่นไม่กล้าทำอะไรเจ้าแน่นอน”
“จริงด้วย ศิษย์น้อง ศิษย์พี่สามของเจ้าพูดถูกแล้ว เจ้านั้นเหมาะสมกับเธอจริงๆ”
“ยังไงซะ ตัวเจ้านั้นก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ควรจะหาแฟนได้แล้วนะ”
“ด้วยความสามารถของเจ้าในตอนนี้แถมอนาคตที่ดูยังไงก็ไม่มีท่าทีจะสิ้นสุด การได้แฟนอย่างศิษย์น้องหลิวนั้นถือว่าไม่เลวเลยจริงๆ”
“ยิ่งไปกว่านั้นคือดูเหมือนว่าเธอจะมีใจให้เจ้าด้วยนี่ อย่าบอกนะว่าเธอไม่ใช่รสนิยมเจ้าน่ะ”
“ตราบใดที่เจ้าพยายามอย่างสุดความสามารถ เธอต้องเป็นเด็กสาวตัวน้อยๆของเจ้าอย่างแน่นอน”
“ศิษย์พี่ทั้งหลาย พวกท่านก็พูดกันเกินไป ตอนนี้ข้ายังไม่ต้องการหาแฟนอย่างแน่นอน ที่สำคัญคือศิษย์พี่หลิวนั้นมาขอให้ข้าช่วยปรุงยาให้เท่านั้น”
เฉินเฉียงไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจแต่อย่างใด นั่นก็เพราะด้วยสถานการณ์ที่มนุษยชาติตกอยู่ในสภาพที่เลวร้ายแบบนี้ ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นยากที่จะเพิ่มจำนวนประชากรได้ การที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีคู่ครองสองสามคนนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
แต่สิ่งที่เขาคิดในตอนนี้ก็คือการเพิ่มระดับความแข็งแกร่งของตนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วไปได้ หลังจากนั้นเขาก็ต้องไปคว้าธงเทียนเว่ยของพ่อตนตามที่ปู่ซุนของเขานั้นขอเอาไว้ให้ได้เสียก่อน
เรื่องความรักความใคร่นั้น ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจมันสักเท่าไหร่
Related