บทที่ 72 แข็งแกร่งกว่าเดิม
เขาได้ใช้ทุกวิถีทางอย่างสุดความสามารถ แต่นั่น ก็ยังไม่อาจทำให้เขานั้นหลุดรอดไปจากลิงยักษ์ตัวนี้ได้ และในตอนนี้ เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะหลุดจากเงื้อมมือของวานรยักษ์ตัวนี้อีกต่อไป
วานรยักษ์จับคอของเฉินเฉียงเอาไว้อย่างง่ายดายด้วยมือข้างเดียว
“ไอ้มนุษย์ตัวเหม็น ไม่นึกเลยจริงๆว่ามนุษย์อย่างเจ้านั้นจะเข้าใจภาษาของพวกเรา”
“แต่กับเรื่องเพียงเท่านี้ เจ้าคิดว่าจะทำให้เจ้าหนีรอดไปได้อย่างนั้นรึ”
“เผ่าพันธุ์อันต่ำต้อยสันดานเสียแบบเจ้าสมควรจะลงนรกตามไอ้ตัวก่อนหน้านี้ไปซะ”
เพียงพูดจบ วานรยักษ์ค่อยๆบีบมือของตัวเองแรงขึ้นเรื่อยๆ เฉินเฉียงในตอนนี้เองก็เริ่มที่จะหายใจอย่างยากลำบาก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนจากเขียวเป็นแดง และเปลี่ยนจากแดงเป็นดำคล้ำอย่างช้าๆ
เมื่อเขาได้เห็นวานรยักษ์ชูกำปั้นอีกข้างขึ้นมา เฉินเฉียงแทบจะถอดถอนความคิดที่จะรอดออกไปได้ในทันที
จบแล้วสินะ
เขาไม่คิดเลยจริงๆว่าจะต้องมาตกตายอีกครั้งหลังจากพึ่งจะตายไปเมื่อสามเดือนก่อน (ตายแล้วทะลุมิติมายุคนี้)
คำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับปู่ซุน เขาคงทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
แต่ที่ค้างคาใจเขามากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นไอ้ตัวลอบกัดอย่างจ้าวฮั่น
หากไม่ใช่เพราะมัน เขาคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
ก่อนหน้านี้ เฉินเฉียงนั้นยังคิดอยู่ว่าในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่งแล้ว เขาเองก็สมควรจะเป็นนักรบที่จะนำพาสันติสุขมาให้เผ่าพันธุ์ และต่อสู้ด้วยกันร่วมกับเหล่านักรบสายเลือดคนอื่น เพื่อขจัดภัยอันตรายของมนุษยชาติ
ไม่คิดเลยว่านอกจากภัยคุกคามจากสัตว์ประหลาดและมนุษย์กลายพันธุ์แล้ว เขาต้องมาเผชิญหน้ากับความขัดแย้งในหมู่มนุษย์ด้วยกันภายใต้สถานการณ์ที่สิ้นหวังของมวลมนุษย์แบบนี้
หากเขาย้อนกลับไปได้อีกครั้ง เขาขอรับรองเลยว่าในคราวนี้เขาจะไม่ปล่อยให้จิตใจอันกว้างขวางของเขาปล่อยให้คนแบบนั้นรอดไปได้
ว่าแต่เขาจะยังมีโอกาสนั้นอีกเหรอ
รอยยิ้มที่เย้ยหยันต่อตัวเองได้เผยขึ้นมาก่อนที่เขาจะค่อยๆปิดเปลือกตาลงอย่างยอมรับและไม่คิดจะดิ้นรนอีก
“ฟืดดดดดดดดด”
ในขณะที่เขายอมถอดใจไปแล้ว อยู่ๆโดยไม่คาดคิด แรงบนมือของวานรเขี้ยววายุได้ผ่อนคลายลงจนทำให้เขานั้นสูดอากาศเข้าไปได้อีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน วานรยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นกลับกระอักเลือดสีดำคำโตออกมา
เฉินเฉียงที่กำลังสงสัยอยู่ว่าทำไมเข้านั้นยังไม่ตายไปสักที ก็ได้ค่อยๆเปิดตาขึ้น เขาก็พบว่าวานรยักษ์ในตอนนี้ได้ใช้มือข้างหนึ่ง จับที่หัวตัวเองประดุจดั่งบังเกิดความเจ็บปวดสุดจะหยั่งถึง มันปล่อยเขาให้ร่วงหล่นและใช้มืออีกข้างกุมหัวตัวเองไว้ ก่อนที่มันจะทุบตีโดยรอบภายในถ้ำอย่างบ้าคลั่งไปทั่วทุกที่
ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่เขาจะปล่อยโอกาสนี้ที่จะไม่หลบหนีไปได้ยังไง
เพียงชั่วพริบตา เฉินเฉียงก็โจนทะยานออกไปนอกถ้ำและพุ่งเข้าใส่กองหญ้าที่อยู่ห่างออกไปเพื่อซ่อนตัว
ในช่วงเวลานี้ วานรยักษ์ได้ร้องคำรามอย่างโอดครวญอยู่ภายในถ้ำอย่างสุดเสียงจนได้ยินมาถึงภายนอก และในไม่ช้า เสียงของมันก็ค่อยๆเบาลง
ด้วยอาการของเขาในตอนนี้ เฉินเฉียงไม่คิดจะขยับตัวแม้แต่น้อย
หลังจากสิ้นเสียงของวานรเขี้ยววายุไปพักใหญ่ เฉินเฉียงก็ยังไม่ขยับไปไหน
ใครจะรู้ว่าตอนนี้ไอ้ลิงยักษ์นั่นกำลังทำอะไรอยู่กัน
ยิ่งไปกว่านั้นคือหลังจากโดนลิงยักษ์นั่นต่อยไปสองหมัดแล้ว อวัยวะภายในของเขาเคลื่อนไปทั้งหมด ต่อให้เขายังสามารถขยับได้ แต่นั่นก็ยังถือว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเขาในตอนนี้
หลังจากผ่านผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง เฉินเฉียงก็ตัดสินใจที่จะไม่รออีกต่อไป
ที่สำคัญที่สุดคือดาบดั้นเมฆของเขายังคงอยู่ในถ้ำ นอกจากนั้น หากดูท่าทางของวานรยักษ์เมื่อครู่นี้ ตัวมันนั้นสมควรจะเจ็บปวดด้วยอะไรบางอย่างแบบสุดๆ
หลังจากคิดอีกพักหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจใช้ทักษะขุดรูลอบเข้าไปในถ้ำอีกครั้ง
-ห้ะ ตายแล้ว-
-อยู่ๆก็ตายไปเฉยๆเนี่ยนะ-
แต่เมื่อเขาได้เห็นเลือดสีดำที่ไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของวานรยักษ์ที่นอนแผ่หลาอยู่กับพื้น เฉินเฉียงก็เข้าใจได้ในทันที
เป็นสายเลือดของเขาที่ผสมปนเปกันนี้ ได้มีพิษของค้างคาวโลหิตเพลิงและงูสองหัวผสมอยู่
เขาคุ้นๆว่าตอนที่โดนหมัดที่สองของวานรยักษ์ไปนั้น เขาได้พ่นเลือดใส่หน้าวานรยักษ์นั่น เลือดของเขาสมควรจะซึมเข้าร่างกายของวานรยักษ์ตัวนี้และตกตายไปในที่สุด
ถึงแม้พึ่งจะผ่านประสบการณ์เป็นตายมาหมาดๆ แต่จิตใจของเฉินเฉียงก็ยังคงกระจ่างชัด
หลังจากได้เห็นซากร่างของศิษย์ร่วมสำนักทั้งหกและซากร่างของวานรเขี้ยววายุทั้งสอง แน่นอนว่าเฉินเฉียงย่อมต้องดูดซับความสามารถทั้งหมดของซากร่างพวกนี้อย่างไม่ลังเล
“ติ้ง ติ้ง ติ้ง …”
หลังจากดูดซับพลังจากซากร่างทั้งแปดแล้ว ไม่เพียงร่างกายของเฉินเฉียงจะฟื้นฟู แม้แต่ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ชื่อ เฉินเฉียง
ระดับ: นักรบสายเลือดระดับทหารขั้นสูง
การหลอมรวมทักษะ: 1
ค่าพลังงาน:392,300
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:105
ค่าความแข็งแกร่ง:130
ค่าความเร็ว:170
ค่าพลังจิต:90
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: หลอมเลือดทำลายล้างระดับต้น
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: ภาพวาดแห่งห้วงมหาสมุทร ระดับเริ่มเรียนรู้
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: เทคนิคฝึกฝนร่างกายพื้นฐาน ระดับต้น
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุแบบดั้งเดิม ระดับต้น
ทักษะ: ไร้ตัวตน
ทักษะ: การตรวจสอบด้วยเสียง
ทักษะ: เพลิงดาบสายฟ้าทำลายวิญญาณระดับต้น
ทักษะ: ก้าวย่างสวรรค์ระดับสุดยอด
ทักษะ: ภาษาสัตว์
ทักษะ: แกะรอยด้วยกลิ่น
ทักษะ: ขุดรูระดับสุดยอด
ทักษะ: สื่อสารไร้สาย
ทักษะ: สะกดจิต ระดับต้น
ทักษะ: สะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์ ระดับต้น
ทักษะ: แก่นแท้แห่งการเล่นแร่แปรธาตุ ระดับต้น
ทักษะ: รอบรู้สมุนไพร
ทักษะ: เพลงดาบลมเฉือน ระดับต้น
สายเลือด: ทมิฬระดับสูง
สายเลือด: พลังห้าธาตุระดับสูง
สายเลือด: ธาตุไม้เขียวระดับสูง
*หมายเหตุ ปรับคำบรรยายให้สอดคล้องกับยุคสมัย
นอกจากค่าสถานะร่างกายพื้นฐานอย่างความแข็งแรง จิตวิญญาณ และค่าอื่นๆจะสูงขึ้นแล้ว เคล็ดวิชาการบ่มเพาะเทคนิคฝึกฝนร่างกายพื้นฐานและทักษะสะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์ของเขานั้นอยู่ในระดับต้นแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นคือจุดชีพจรสุดท้ายของเขานั้นได้เปิดออกเรียบร้อยแล้ว และนี่เท่ากับว่าเขาเองก็ก้าวเข้าสู่การเป็นนักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณเรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน
เขาในตอนนี้รู้สึกได้ว่าพลังสายเลือดในร่างเขานั้นเริ่มพลุ่งพล่าน แต่เขายังคงจดจำคำพูดของอาจารย์ของเขาที่พูดเอาไว้ได้เป็นอย่างดีว่าไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในการเปิดจุดชีพจรลับ เขาจึงได้นั่งลงและเริ่มขับเคลื่อนพลังสายเลือดของเขาอย่างช้าๆและพยายามหลอมรวมพวกมันให้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายอย่างสุดความสามารถ
ในตอนนี้พลังสายเลือดของเขานั้นได้ไหลบ่าเข้าจุดตันเถียนหลักทั้งหมดอย่างเปี่ยมล้นก่อนที่จะเริ่มเชื่อมต่อซึ่งกันและกัน ด้วยเหตุนี้ ในอนาคต ต่อให้เขายังมีการบ่มเพาะอยู่ในระดับทหารขั้นสูงก็ตาม แต่เมื่อต้องต่อสู้นั้น เขาจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพลังสายเลือดที่อาจไม่เพียงพอในการใช้งานในระยะสั้นๆ เขาอัดพลังสายเลือดลงไปจนกระทั่งไม่อาจจะอัดลงไปได้อีก
แต่เมื่อเขานึกถึงว่าในภายภาคหน้าอาจจะต้องพบเจอกับศัตรูที่ร้ายกาจอย่างสัตว์ประหลาดระดับขั้นนายพลวิญญาณอย่างวานรเขี้ยววายุนี้ เขาสามารถบอกได้เลยว่าพลังงานสายเลือดที่เขาอัดลงไปบนจุดตันเถียนนี้ไม่เพียงพอแต่อย่างใด
เมื่อคิดถึงว่าการบ่มเพาะจุดตันเถียนโดยการอัดพลังสายเลือดเข้าไปให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้นั้น หากว่าเขายิ่งอัดพลังสายเลือดลงไปได้มากเท่าไหร่ ยามที่เขาก้าวข้ามเป็นนักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณแล้ว เมื่อถึงยามต่อสู้ พลังสายเลือดที่เขาใช้จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้นแล้ว มีเพียงการความแข็งแกร่งของจุดตันเถียนเท่านั้นถึงจะสามารถอัดพลังสายเลือดเพิ่มเข้าไปได้อีก
เฉินเฉียงนั้นไม่มีทางลืมได้เลยว่าตัวเองนั้นสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งนั้นได้ด้วยวิธีที่พิเศษกว่าใคร
นั่นก็คือการเปลี่ยนค่าพลังงานเป็นค่าสถานะ
ในช่วงห้าวันมานี้ เฉินเฉียงยังคงนั่งบ่มเพาะอยู่ภายในถ้ำ เขาได้จัดการค่าสถานะของตัวเองอยู่มากมายหลายครั้ง จนในที่สุดค่าพลังงานของเขาก็เกือบจะหมด
หลังจากผ่านไปอีกห้าวัน เฉินเฉียงก็ได้เปิดเปลือกตาขึ้นมา เขารู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างของเขานั้นมีพลังสายเลือดที่ทรงพลังกำลังไหลเวียนอยู่ ในที่สุดเขาก็ได้ยืนขึ้นมา
หลังจากเปลี่ยนค่าพลังงานไปมากมายหลายครั้ง ในตอนนี้ค่าสถานะของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก
ค่าพลังงาน:200
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:165
ค่าความแข็งแกร่ง:158
ค่าความเร็ว:177
ค่าพลังจิต:90
เฉินเฉียงได้ใช้ค่าพลังงานไปกว่าสามแสนหน่วยเพื่อเพิ่มความอดทนของเขาไปทั้งหมดหกสิบหน่วย
ส่วนค่าความแข็งแกร่ง ความเร็ว และค่าพลังจิตของเขาเพิ่มขึ้นเองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
และด้วยเหตุนี้ การที่เขานั้นจะได้เห็นค่าสถานะพื้นฐานเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปอีกนั้นสมควรจะเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้น
เหนือสิ่งอื่นใดแล้วเป็นเพราะว่าตัวเขานั้นได้สูญเสียแต้มคะแนนหมดไปกับการพนันกับศิษย์พี่ และเขาในตอนนี้ก็ไม่เหลือแก่นคริสตัลอีกต่อไป
“เฮ้อออออ นับวันข้านี้จะยิ่งจนจ้นจนเลยจริงๆ”
เฉินเฉียงถอนหายใจออกมาก่อนที่จะหันไปมองซากร่างทั้งแปด หลังจากนิ่งคิดไปพักหนึ่ง เขาได้ทำการฝังโม่เสี่ยวจวงและพวกอย่างลึกสุดหยั่ง
ต่อให้โม่เสี่ยวจวงและพวกจะไม่ได้ตกตายเพราะเขา แต่หากในอนาคตมีคนมาพบซากร่างของคนทั้งหกนี่ นั่นย่อมมีโอกาสสร้างปัญหาให้เขาในอนาคตอย่างไม่จบสิ้นอย่างแน่นอน
ส่วนวานรเขี้ยววายุสองตัวนี้ เขาได้นำมันเก็บเข้าแหวนเก็บของของเขา
ยังไงซะ การที่เขาออกมาในครั้งนี้ก็เพื่อสังหารวานรยักษ์ตัวนี้ เขาสามารถนำมันไปขึ้นแต้มคะแนนได้เมื่อกลับไป
หลังจากคำนวณเวลาแล้ว นี่ก็เป็นเวลากว่าหกวันแล้วที่เขาแยกจากศิษย์พี่ของเขาและคนอื่นในทีมภารกิจ
ด้วยเวลาขนาดนี้ หากพวกเขายังหาตัวเขาไม่พบล่ะก็ พวกเขาน่าจะกลับไปสำนักแล้วกระมัง
เฉินเฉียงในตอนนี้ได้ควงแก่นคริสตัลที่ได้มาจากวานรยักษ์เขี้ยววายุจำนวนสองก้อนเล่นอยู่ในมือด้วยรอยยิ้ม
“ถึงแม้ว่าไอ้สองก้อนนี้จะเปลี่ยนเป็นค่าพลังงานได้สองร้อยหน่วยก็ตาม แต่ข้าว่าข้าเอาไปให้ฮั่นหยูดีกว่าแหะ”
ด้วยการที่เขานั้นเติบโตมาในอาณานิคม นี่ทำให้เขานั้นเข้าใจดีว่าแก่นคริสตัลพวกนี้สำคัญกับอาณานิคมมากมายขนาดไหน
หากฮั่นหยูดูดซับพลังงานจากแก่นคริสตัลนี้ไปได้จนหมดล่ะก็ ต่อให้ในอนาคตต้องพบเจอกับสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังกว่านี้ก็ไม่น่าจะกลายเป็นปัญหาอีกต่อไป
****** หมายเหตุ
ตอนนี้เฉินเฉียงยังอยู่ในขั้นระดับทหารขั้นสูงอยู่ แม้ว่าจุดชีพจรจะเปิดแล้ว แต่เฉินเฉียงต้องการอัดพลังสายเลือดลงจุดตันเถียนหลักให้มากที่สุดก่อนจะข้ามระดับไปเป็นนายพลวิญญาณ
Related