ผมเกิดใหม่เป็นจิ้งจอกสาวเก้าหาง – ตอนที่ 10: สนับสนุนเพื่อนเพราะรักเพื่อน

                ในที่สุดผมกับคาเอลก็มาถึงที่ที่พ่อของคาเอลอยู่เสียที หลังจากเดินมาหลายสิบนาที

                หลังจากที่เข้ามาด้านใน…ลักษณะอาคารมันน่าจะเรียกว่าป้อมมากกว่า ผมจะเรียกว่าป้อมก็แล้วกัน

                “พ่อครับ!”

                คาเอลที่เดินเข้ามาก็ตะโกนเรียกหาพ่อ

                “โอ้ คาเอลมาแล้วเรอะ”

                ทันใดนั้นก็มีชายท่าทางกำยำเดินออกมาจากโต๊ะอาหาร หรือก็คือพ่อของคาเอลนั่นเอง

                “เป็นไง วันนี้เดินมาหาพ่อเป็นยังไงบ้าง โดนแกล้งอีกหรือเปล่า”

                พ่อของคาเอลเดินมาถามคาเอลพร้อมลูบหัวด้วยความเป็นห่วง

                “ครับ วันนี้ไม่เป็นไรครับ เพราะผมได้เพื่อนมาช่วยไว้ เลยมาได้อย่างปลอดภัยเลยครับ”

                คาเอลพูดพร้อมชี้มาทางผม ผมจึงทักทายตามมารยาทไปหนึ่งที

                “สวัสดีค่ะ มาฮิโระ อิจิฮานะ ค่ะ”

                “โอ้ หนูเป็นลูกของ อิกนัส สินะ”

                พ่อของคาเอลถามผมเพื่อยืนยันอีกทีแล้วเดินมาใกล้ๆผม

                “ต้องขอขอบคุณที่หนูช่วยคาเอลเอาไว้ด้วยนะ”

                “เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

                ผมพูดพร้อมโบกมือไปมา ก็แหมพูดมาจริงจังขนาดนี้ผมก็ค่อนข้างกดดันนะ

                “ไม่เป็นไรไม่ได้หรอกนะ เพราะคาเอลเองก็ไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน และโดนแกล้งตลอดเลยด้วย ”

                “แต่สุดท้ายแล้วหนูก็ช่วยคาเอลเอาไว้ และก็เป็นเพื่อนกันแล้วนะคะ”

                “งั้นเหรอ เรื่องคาเอลและเรื่องอาหาร ขอบใจนะหนูน้อย ถ้ายังไงก็ไปเล่นกันเถอะ เดี๋ยวลุงกินเสร็จก็จะทำงานต่อแล้วล่ะ”

                พ่อของคาเอลทำสีหน้าผ่อนคลายแล้วพูดขอบคุณผมแล้วก็กลับไปนั่งที่เก้าอี้เหมือนตอนที่พวกผมเดินเข้ามา

                 ว่าไงดี ผมยังไม่ค่อยถนัดคุยกับผู้ใหญ่เท่าไหร่ด้วยสิ ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาเท่าไหร่ เลยแอบเกร็งบางช่วงแหละ ให้ตายสิ ผมยังต้องฝึกอีกเยอะเลยสินะ

                “เดี๋ยวชั้นต้องไปหาอาจารย์ของชั้นน่ะ ไปด้วยกันไหมคาเอล”

                “ปะ..ปกติผมเอาข้าวมาส่งให้พ่อเสร็จก็กลับบ้านแล้ว…ตอนนี้ผมก็เลยว่างครับ”

                คาเอลทำหน้าแดงๆพูดตอบผม ให้ตายเถอะ คาเอลนี่น่ารักจังเลย ถ้าผมเป็นผู้หญิงบางทีผมอาจจะตกหลุมรักคาเอลไปแล้วนะเนี่ย

                “งั้นเอาเป็นว่าตามนี้นะ”

                ภารกิจของผมวันนี้ก็คือหาเพื่อนให้ได้แล้วไปหาคุณยูริสินะ การที่เป็นลูกของเจ้าเมืองนี่ดูเหมือนจะทำให้มีเพื่อนยากในระดับนึงก็จริง แต่ตอนนี้ผมก็ได้คาเอลมาเป็นเพื่อนแล้ว! ดีใจจังเลยแฮะ ถ้าให้พูดติดตลก เหมือนฟ้าให้เรามาเจอกันเลยแฮะ

                ว่าไปนั่น

                “มาาาาฮิโระ! จัง!! ชั้นอยู่ตรงนี้ สวัสดี ได้ยินไหม!”

                คุณยูริตะโกนมาแต่ไกล เรียกให้ผมเข้าไปหา

                “อ๊ะ นั่นไงคาเอล อาจารย์ของชั้นเอง ไปกันเถอะ”

                ว่าแล้วผมก็จับมือคาเอลแล้วพาวิ่งไปหาคุณยูริ

                “รอนานไหมคะคุณยูริ”

                “ไม่นานหรอก ถ้าเป็นต้นไม้ ชั้นก็แค่รากงอกออกมาจากเท้าเอง”

                ประชดเก่งจริงๆ ถ้าบอกว่ารอมาสักพักแล้ว ผมก็คงจะขอโทษไปแล้วล่ะนะ ผมก็เลยส่งยิ้มแข็งๆให้ไปหนึ่งที

                “พอดีว่าไปบ้านของเพื่อนมาน่ะค่ะ เลยมาช้านิดหน่อย”

                คุณยูริทำส่งเสียงโหพร้อมทำหน้ายิ้มออกมา

                “ว่าแต่ชื่ออะไรล่ะแม่สาวน้อย..เอ๊ะ หรือว่าหนุ่มน้อยกันนะ ยังไงล่ะเนี่ย”

                คุณยูริทำสีหน้างงเหมือนคุณชิโระที่ทำหน้าแบบนี้เกือบตลอดเวลาออกมา

                “ผม ชื่อคาเอล ครับ เป็นเด็ก ผู้ชาย ครับ”

                คาเอลพูดเน้นเสียงออกมา แล้วก็ลงไปคลุกเข่าเหมือนพ่ายแพ้

                “เป็นเด็กผู้ชายหรอกเหรอเนี่ย หน้าหวานสู้มากิได้เลยนะเนี่ย ถ้าเป็นผู้หญิงก็ต้องโตมาสวยเทียบกับมาฮิโระจังได้เลยล่ะ อืมๆ”

                ทำไมวิเคราะห์หน้าตาผมได้จนถึงตอนโตได้กันล่ะเนี่ย

                “ผมไม่ได้อยากหน้าหวานสักหน่อยครับ!”

                คาเอลกำลังน้ำตาไหลออกมาล่ะ! น่าสงสารและน่ารักไปพร้อมๆกันเลยล่ะ!

                “ชั้นขอโทษด้วยละกันนะ แล้วก็ชั้นชื่อว่ายูริ นะ”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ”

                ทำไมผมรู้สึกเหมือนคาเอลกัดฟันพูดล่ะเนี่ย ทั้งๆที่ดูไม่สู้คนแท้ๆเลยนะ

                “เอ่อ.. คุณยูริคะ คือว่า คาเอลเองก็อยากเรียนเวทย์มนต์ด้วย จะเป็นอะไรไหมคะ ถ้าจะขอรบกวนคุณยูริให้สอนคาเอลใช้เวทย์มนต์ด้วย”

                คุณยูริทำหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจังขึ้นมา โหมดจริงจังล่ะ จากนั้นก็จะหมัดเดียว! อ๋อไม่มี

                “แล้วค่าเล่าเรียนล่ะ”

                จริงสิ ผมลืมข้อนี้ไปเลย ว่าถ้าจะจ้างให้ครูมาสอน แน่นอนว่าก็ต้องมีค่าแลกเปลี่ยนในการเรียนการสอน ซึ่งก็คือเงิน เพื่อเพื่อนคนแรกของผม บางทีผมอาจจะต้องขอร้องพ่อของผมดูหรือเปล่านะ

                “ถ้าอย่างนั้นหนูจะลองขอคุณพ่อดูค่ะ”

                “แค่สอนวิธีใช้แผ่นกระดาษที่เธอทำมาก็พอ”

                “เอ๋.. อ๊ะ ได้ค่ะ แค่นี้จริงๆเหรอคะ นี่เป็นค่าจ้างกี่เดือนคะ”

                “ตลอดจนสอนจบ อย่างน้อยตอนนี้ชั้นก็พอรู้จักคนที่นี่เยอะพอสมควร และมากพอที่ชั้นจะสร้างรายได้เล็กๆน้อยๆพอใช้ล่ะนะ”

                โอ้ ว่าไงดี เหมือนว่าเจ้ายันต์หรือวงเวทย์ที่ผมเขียนไว้ จะมีประโยชน์พอที่ใช้แทนค่าจ้างให้คุณยูริได้เลยสินะ ถ้าผมเป็นคนโลภอีกสักหน่อย บางทีผมอาจจะขายยันต์ทำรายได้มหาศาลแล้วจ้างครูคนอื่นมาก็ได้นะ

                แต่ว่าผมไม่ทำหรอกนะ เพราะผมนั้นเป็นคนที่สวยน่ารักใจดีไงล่ะ

                “ถึงจะบอกว่าสอนจนจบก็จริง แต่ก็ต้องภายในสองปีล่ะนะ เพราะว่าอีกสองปีครึ่ง พวกเธอต้องไปเรียนที่โรงเรียนมหาเวทย์มาเจสตี้ล่ะน่ะ”

                “จะว่าไปเรื่องโรงเรียนก็มีบอกในหนังสือเหมือนกันนะคะเนี่ย อืมๆ นึกว่าไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนเสียอีก”

                ตอนแรกผมนึกว่าจะเป็นเหมือนนิยายเรื่องอื่นๆซะอีกว่าจะต้องเข้าเรียน แล้วไปฝึกวิชาแล้วกลับมาก็เทพเลย สงสัยบางทีจะไม่เป็นเป็นแบบนั้น

                “บ้านมากิมีหนังสือด้วยเหรอครับ! งั้นผมขอไปอ่านที่บ้านมากิได้ไหมครับ!”

                “ได้สิ จะมาทุกวันเลยก็ได้นะ”

                นี่ผมบอกให้ผู้ชายมาหาที่บ้านทุกวันล่ะ! แค่กๆ จริงๆก็คือถ้าในเมื่อคาเอลมีใจที่จะเรียนขนาดนี้ ผมที่เป็นเพื่อนก็ต้องสนับสนุนเต็มที่ล่ะนะ

                “การที่จะเข้าไปเรียนได้ ต้องผ่านการทดสอบก่อนล่ะนะ แต่ว่าก็มีกรณีพิเศษอยู่ อย่างเช่นอาจารย์สอนพิเศษเป็นคนแนะนำให้ทางผู้อำนวยการโดยตรง เด็กคนนั้นก็จะสามารถเข้าเรียนโดยไม่ต้องผ่านการทดสอบใดๆเลยล่ะนะ แต่ว่าจะถูกประเมินความสามารถเป็นพิเศษโดยผู้อำนวยการหลังจบเทอมแรกของปีหนึ่ง หากผู้อำนวยการประเมินแล้วว่าไม่เหมาะสมก็จะถูกสั่งให้หยุดเรียนหนึ่งปี แล้วรอเรียนเทอมสองกับรุ่นถัดไปล่ะนะ แต่ถ้าประเมินผ่าน ก็จะเรียนได้ตามปกติ แต่ไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนสามปี พอขึ้นปีสี่ก็จ่ายค่าเล่าเรียนตามปกติ ส่วนเนื้อหาการสอบ ชั้นจะบอกเธอตอนที่ชั้นสอนเจ้าหนูคาเอลเสร็จแล้วนะ”

                ก็ค่อนข้างเข้มงวดนะเนี่ย แต่ว่าถ้าถึงเกณฑ์ก็ถือว่าใจป้ำเหมือนกันนะเนี้ย

                “โอ๊ะ… จะว่าไป แล้วหนูล่ะคะ จะทำอะไรระหว่างที่คุณยูริสอนคาเอลดีนะ”

                ผมคงจะว่างพอสมควรเลยล่ะ เพราะปกติแล้วผมจะฝึกเวทย์มนต์ แล้วก็เรียนหลายๆเรื่อง

                “อะไรกัน เธอก็ต้องฝึกดาบกับคุณคุโระไม่ใช่หรือไง”

                อ๊ะ.. ลืมไปเลยว่าเคยเรียนดาบ เป็นเพราะคนสอนดุไปแน่นอน ใช่แล้วล่ะ มันเป็นเพราะคนสอนดุเกินไป…

                “มากิฝึกดาบด้วยเหรอครับ! สุดยอดเลย! ผมอยากจะฝึกด้วยเหมือนกันครับ!”

                “ใช่แล้วล่ะ รู้สึกว่าจะเป็นนักดาบชั้นต้นแล้วนี่นะ ใช่ไหมมากิ”

                “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ…ไม่เคยถามเลย”

                ผมไม่กล้าถามคุณคุโระเรื่องนี้เลย คุณคุโระแน่นอนว่าเป็นคนที่ใจดีและสุภาพ แต่พอเป็นเรื่องการสอน จะดุชนิดที่ว่า จากหน้ามือเป็นหลังช้างเลยล่ะ

                “ก็เรียกมาถามเลยสิ ให้เจ้าหนูคาเอลฝึกด้วยก็ดีนะ ชั้นจะได้วันหยุดพักผ่อนเพิ่มด้วย”

                จู่ๆผมก็กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว

                คาเอลเองก็ทำหน้าอยากจะรู้เช่นกัน ผมคงไม่มีทางเลือกนอกจากเรียกคุณคุโระใช่ไหม ถึงจริงๆจะรีบเดินไปที่บ้านของผมให้ไวที่สุดแล้วค่อยถามเอาตรงนั้นได้ก็เถอะ

                ผมรวมพลังเวทย์แล้วจากนั้นก็เรียกคุณคุโระออกมา

                “มีอะไรอีกล่ะครับคุณหนู ผมกับชิโระกำลังจะกอ—”

                “สต๊อปส์ค่ะคุณคุโระ รู้แล้วค่ะว่ารักกัน เรียกออกมากี่ครั้งก็กอด จู—”

                “สต๊อปส์ครับคุณหนู! มีอะไรก็รีบพูดเลยครับ!”

                คุณคุโระหน้าแดงตะโกนตอบผม

                “อ่า…เอ่อ…คือหนูสงสัยว่า…ตอนนี้ฝีมือดาบของหนูมัน..เอ่อ…ถึงไหนแล้วคะ…”

                ผมพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก คือผมไม่ชอบที่จะพูดถึงมันเท่าไหร่เลยล่ะ

                “อ๋อ เรื่องนี้เองเหรอครับ คุณหนูเริ่มที่จะเข้าใจในการใช้ดาบมาบ้างแล้ว ถ้าประสาทสัมผัสไวขึ้น เข้าใจการออกดาบมากขึ้น เข้าใจจังหวะมากขึ้น ก็คงจะถึงขั้นกลางในอีกไม่นานครับ”

                “แสดงว่าตอนนี้หนู…”

                “ขั้นต้นครับ”

                “…”

                ผมเงียบไป จากนั้นทุกคนก็ทำหน้าตกใจ อา…ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทักษะดาบของผมจะอยู่ในขั้นนี้แล้ว! ให้พูดตามจริงแล้วผมคิดว่าผมเป็นแค่ใช้ดาบฟันไปเรื่อยๆกับใช้สัญชาตญาณแค่นั้นเอง ไม่อยากจะเชื่อเลย…

                “เอ่อ…คุณหนูครับ ปะ..เป็นอะไรไปครับ”

                ไม่มีอะไรหรอกคุณคุโระ ผมแค่ดีใจที่ผมถึงขั้นนี้แล้วแค่นั้นเอง…

                “มะ..มากิครับ ทำไมจู่ๆถึงร้องไห้ออกมาล่ะครับ…”

                “…นี่ชั้นดีใจจนร้องไห้เลยเหรอเนี่ย…”

                “ดีใจเรื่องอะไรเหรอครับคุณหนู”

                คุณคุโระพูดพร้อมยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ผม

                “ก็แหม คุณคุโระเล่นฟันแบบต้อนมาฮิโระจังจนเธอกลัวขนาดนั้นนี่นะ แถมยังฟันสวนไปก็ไม่เคยถึงตัวคุณเลยด้วย จะดีใจขนาดนี้เพราะได้รู้ว่าจริงๆแล้วตัวเองก็เก่งเหมือนกันก็ไม่แปลกหรอกนะ”

                คุณยูริพูดเสร็จก็คว้าผ้าเช็ดหน้าของคุณคุโระมาเช็ดน้ำตาให้ผม

                “แล้วผมจะรอดไหมเนี่ย…”

                คาเอลพึมพำอะไรบางอย่างออกมา

                “แล้วก็..อีกเรื่องหนึ่งค่ะคุณคุโระ คือว่าคาเอลอยากจะเรียนดาบด้วยกันกับหนูค่ะ ก็เลยอยากจะรบกวนคุณคุโระช่วยสอนให้คาเอลด้วย”

                “ได้สิครับ แต่พ่อของคุณหนูคาเอลอนุญาตแล้วเหรอครับ”

                “ผมจะลองขอคุณพ่อดูครับ”

                “รับทราบครับ”

                คุณคุโระโค้งรับทราบหนึ่งที

                “ก็..มีค่ะนี้แหละค่ะ กลับไปจู่จี๋กับคุณชิโระได้แล้วค่ะ ไป๊!”

                “ผมไม่ได้จู๋จี๊สักหน่อ— ขอโทษครับคุณหนู”

                แล้วคุณชิโระก็หายวับไป

                “ตอนนี้น่าจะไม่มีอะไรแล้วล่ะคาเอล แถมตอนนี้ก็เริ่มจะบ่ายแล้วด้วย ชั้นจะเดินไปส่งนายที่บ้านนะ ช่วยนำทางไปทีนะ”

                “ได้ครับ…ขอบคุณนะ…มากิ”

                เมื่อกี้คาเอลได้พูดอะไรหรือเปล่านะ

                “งั้นชั้นกลับห้องก่อนนะมาฮิโระจัง เจ้าหนูคาเอล…ตากแดดนานๆแล้วเหนื่อย”

                

 

 

 

                ณ ที่แห่งหนึ่งในป่าไบฟรอสต์

 

                “ตอนนี้ลูกใช้พลังของเจ็ดหางได้แล้ว อาจจะยังไม่สมบูรณ์ จงตั้งใจฝึกและศึกษาเวทย์มนต์ หลังจากนั้นอีกสองปีลูกจงไปฝึกพลังของเจ็ดหางที่โรงเรียนมหาเวทย์มาเจสตี้ซะ”

                “รับทราบค่ะท่านแม่”

                “หากลูกได้พบกับเผ่าจิ้งจอกคนอื่นๆในโรงเรียน ลูกจงอย่าได้กังวลไปเจ็ดหางนั้นมีพลังมหาศาลและจะทำให้ลูกอยู่เหนือกว่าเผ่าจิ้งจอกตนอื่นๆ และจงไปพิสูจน์ตนเองว่าคู่ควรกับสิ่งนั้นซะ”

                “รับทราบค่ะท่านแม่ ลูกจะตั้งใจ และพิสูจน์ว่าตัวลูกนั้น เหมาะสมและคู่ควรกับสิ่งนั้น”

 

 

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset