ผมเกิดใหม่เป็นจิ้งจอกสาวเก้าหาง – ตอนที่ 12: พักผ่อนมากไป ใจเลยบาง

                ตั้งแต่คุณยูริเดินทางจากบ้านของผมไป เวลาก็ผ่านไปแล้วสองสัปดาห์ ส่วนใหญ่เวลาที่ใช้ไปจะเป็นการพักผ่อนหรือเล่นด้วยกันเฉยๆ หลังจากที่เรียนมาตลอดหลายปี ด้วยเหตุนี้ ตอนนี้ผมจึงเหลือเวลาอีกหนึ่งปีหนึ่งเดือนสองอาทิตย์

                ซึ่งผมก็คิดว่าผมกับคาเอลนั้นพักมาเพียงพอแล้วล่ะ แต่ถึงอย่างนั้น การฝึกต่อไปที่คุณคุโระแนะนำให้ทำก็คือการสู้กับมอนส์เตอร์จริงๆ แต่ว่าตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาที่มอนส์เตอร์เบาบาง ก็เลยยังเล่นไปวันๆได้อีกสักพัก

                และด้วยความที่ผมนั้นไม่เคยไปเจอแม่ของคาเอลเลย ผมก็เลยคิดว่าวันนี้ผมจะไปหาแม่ของคาเอลล่ะ อย่างน้อยผมก็ควรจะรู้จักแม่ของเพื่อนใช่ไหมล่ะ ถึงจริงๆแล้วผมจะรู้จักแม่ของคาเอลจากเรื่องที่พ่อและคุณคาลชอบเล่าให้ฟังตอนที่คุณคาลมาที่บ้านบ้างก็เถอะ เห็นบอกว่าแม่ของคาเอลที่ถนัดเวทย์รักษาล่ะซึ่งเป็นกรณีหายากพอๆกับคนที่ถนัดเวทย์วิญญาณอย่างผมเลยล่ะ ไม่สิ จริงๆแล้วผมถนัดทุกธาตุ ว่าแต่เวทย์รักษามันนับเป็นธาตุไหมนะ

                แต่ก็นั่นแหละ เพราะถนัดเวทย์รักษาแม่ของคาเอลก็เลยทำงานเป็นจอมเวทย์รักษาในสถานพยาบาลประจำเมืองล่ะนะ คือผมรู้แค่นี้แหละ เพราะตอนที่พ่อกับคุณคาลจะมาหากันที่บ้านทีไร มาเมากันทุกทีเลย แล้วมันเสียงดังมาก ผมก็เลยหลบไปอยู่บนห้องเป็นส่วนใหญ่

                ตอนนี้ผมกำลังรอคาเอลอยู่ที่ต้นไม้ต้นประจำที่ผมและคาเอลชอบมาเล่นด้วยกันบ่อยๆ เพราะแถวนี้พวกเด็กที่ชอบแกล้งคาเอลไม่ผ่านมาแถวนี้เลย ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ก็ดีแล้วล่ะ ผมจะได้ไม่ต้องไปจัดการเด็กพวกนั้นให้รำคาญ และจะได้สนุกกับคาเอล จริงๆผมรู้สึกว่า แค่ผมกับคาเอลสองคน ผมก็ไม่ต้องการใครอีกแล้วล่ะนะ

                แต่ถ้ามีเพื่อนเพิ่มก็ดีนะ

                “ผมมาแล้วครับ!”

                คาเอลวิ่งพร้อมตะโกนเรียกผม

                “มาแล้วเหรอ! รออยู่ตรงนั้นแหละ! เดี๋ยวชั้นเดินไปหาเอง!”               

                “วันนี้เราจะไปไหนกันบ้างเหรอคาเอล”

                “ก็มากิบอกเองไม่ใช่เหรอครับว่าจะไปหาแม่ผม”

                “ก็วันนี้ชั้นให้นายพาชั้นเที่ยวนี่นา หลังจากไปหาแม่นายเสร็จชั้นจะได้รู้ไงว่านายอยากพาชั้นไปไหนต่อ”

                ผมกับคาเอลพูดไปด้วยเดินเข้าเมืองไปด้วย

                “อ๋อ ถ้าอย่างนั้นหลังจากนั้นเราไปเล่นน้ำตกกันไหมครับ”

                “ถ้าไปชั้นก็คงได้แค่ดูนายเล่นน้ำคนเดียว แต่ก็ได้อยู่ล่ะมั้ง”

                ผมไม่ได้เตรียมชุดมาเปลี่ยน ก็คงได้แค่เอาเท้าแช่น้ำล่ะนะ แต่ก็ดีเหมือนกัน ผมไม่เคยไปน้ำตกมาก่อนเหมือนกัน ทั้งชาติก่อนและชาตินี้

                “ผมเล่นคนเดียวก็ไม่สนุกสิครับ”

                “ชั้นว่ายน้ำไม่เป็นนะคาเอล ชุดสำรองชั้นก็ไม่ได้เตรียมมาด้วย”

                “ใช้เวทย์มนต์ทำให้เกิดลมร้อนก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นต้องมีชุดสำรองเลย”

                “แต่ชั้นก็ว่ายน้ำไม่เป็นอยู่ดีนี่นา”

                “เราเล่นกันตรงที่ตื้นๆก็ได้นะครับ ผมเคยไปมาแล้ว สูงถึงเอวเองครับ”

                “ถ้าอย่างนั้นก็ได้…”

                ผมตอบตกลงในที่สุด เอาเถอะ ถ้าแค่เอวผมก็เล่นได้อยู่ล่ะมั้ง

                ผมกับคาเอลเดินต่อไปเรื่อยๆจนถึงสถานพยาบาลในที่สุด

                “เอ… ดูคนน้อยๆนะ”

                “ถ้าคนน้อย วันนี้คงไปภาคสนามกันล่ะมั้งครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นแม่ผมคงไม่อยู่แน่เลยครับ สงสัยเราจะได้ไปเล่นน้ำกันเลยล่ะครับ”

                “นายจะแวะซื้ออะไรกินก่อนไหมคาเอล”

                ตอนนี้เวลาประมาณเก้าโมงล่ะ ผมไม่เคยไปเล่นน้ำอะไรอย่างนั้นมาก่อน ก็เลยอยากจะเล่นนานๆล่ะนะ เพราะงั้นก็ควรจะซื้ออะไรกินกันก่อน

                “นั่นสินะครับ เอ…ผมมีอยู่สองเหรียญทองแดง คงได้หมูย่างสองไม้ล่ะมั้งครับ”

                “ไม่เห็นต้องทำหน้าอย่างนั้นเลยนี่นา เดี๋ยวชั้นซื้อให้เอง ไว้พอนายเรียนจบทำงาน นายค่อยเลี้ยงชั้นละกันนะ”

                ผมพูดแล้วก็หยิกแก้มคาเอลเบาๆ คาเอลนี่น่ารักจริงๆเลยนะ ขนาดทำหน้าเศร้าๆยังน่าเอ็นดูเลย

                ว่าแล้วผมกับคาเอลก็เลยไปซื้อเนื้อหมูย่างกัน

                “อ้าวๆ สวัสดีหนูมากิกับคาเอล วันนี้อยากได้เนื้อหมูย่างงั้นหรือ”

                คุณลุงเจ้าของร้านทักทายพวกผมอย่างอบอุ่น

                “สวัสดีค่ะคุณลุง ขอเนื้อหมูย่างสิบสองไม้กับข้าวนึ่งสองห่อค่ะ”

                จริงๆข้าวนึ่งก็ข้าวเหนียวแหละ แต่ที่นี่เขาเรียกว่าข้าวนึ่ง ซึ่งผมเองก็เป็นคนเหนืออยู่แล้ว ก็เลยไม่แปลกใจล่ะนะ

                “งั้นหรือๆ อ่ะนี่ ทั้งหมดสิบเหรียญทองแดง ลุงลดให้นะ วันนี้แถมข้าวนึ่งให้ฟรีนะ”

                “ขอบคุณค่ะคุณลุง ไปก่อนนะคะ”

                “เดินไปไหนก็ระวังนะ”

                “ค่า”

                ผมกับคาเอลก็เดินออกมาจากนั้นผมก็ให้คาเอลเดินนำไปที่น้ำตก

                “ได้มาเยอะเลยนะครับเนี่ย แบ่งมาให้ผมช่วยถือนะครับ”

                “นั่นสินะ เพราะลุงเขาเห็นว่านายมาด้วยนั่นแหละ นายถือเนื้อหมูย่างนะ ชั้นถือข้าวเอง ลุงเขาใจดีกับนายมากเลยนะเนี่ย”

                “แฮะๆ เพราะผมช่วยคุณลุงขนของบ่อยๆน่ะครับ”

                คาเอลเนี่ยเป็นเด็กดีจังเลยนะ

                เวลาซื้ออาหารเนี่ย จะได้เป็นการห่อจากใบไม้ล่ะ แล้วก็มีไม้ปลายแหลมๆเล็กๆมากลัดไว้ ทำให้คิดถึงเมื่อชาติก่อนสมัยเป็นเด็กเลยแฮะ

                “ใกล้ถึงแล้วครับมากิ ได้ยินเสียงน้ำตกไหมครับ”

                “โอ๊ะ ได้ยินๆ ตื่นเต้นจัง”

                ถึงเมื่อก่อนผมจะเคยเปิดฟังเสียงธรรมชาติในเน็ตบ้างก็เถอะ แต่การจะได้มาครั้งแรกจริงๆนี่น่าตื่นเต้นสุดๆไปเลยล่ะ

                “ถ้างั้นเรารีบไปกันเถอะครับ!”

                คาเอลพูดเสร็จก็จับมือผมแล้ววิ่งไปจนถึงที่น้ำตก

 

 

                “สะ..สุดยอดเลย! สวยมากเลย! โอ้โห…”

                “ลงมาเล่นน้ำด้วยกันสิครับ”

                “อื้อ!”

                “นี่แหนะ! ฮ่าๆๆ”

                “โถ่คาเอล ชั้นเปียกหมดเลย นี่แหนะ!”

                “ฮ่าๆ ผมเปียกผมก็ไม่เป็นไรหรอกครับ มากิระวังล้มนะครับ”

                “อื้อ!”

 

                เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ผมได้มาน้ำตก แถมมากับคาเอลด้วย สนุกสุดๆเลยล่ะ มากับเพื่อนนี่มีความสุขสุดๆเลยล่ะ

                ถ้าเทียบกับชาติก่อนแล้ว นี่เป็นประสบการณ์ที่ผมหาไม่ได้เลยล่ะ

                “นี่…คาเอล…ขอบคุณนะ”

                “ครับ?”

                “ไม่มีอะไรหรอก มานั่งกินข้าวด้วยกันสิ”

                

                “อ้าปากสิ อ้ามม”

                ผมป้อนเนื้อหมูย่างให้คาเอล

                เอาน่าเพื่อนกันก็ต้องมีอะไรแบบนี้บ้างใช่ไหมล่ะ ก็เห็นในอนิเมะเขาทำกันอะนะ

                

                สุดท้ายถึงผมมาเล่นน้ำตกก็ไม่ได้เล่นน้ำเท่าไหร่ นอกจากแช่เท้า

                “วันนี้สนุกไหมครับมากิ”

                “มากๆเลยล่ะ”

                ผมกับคาเอลคุยกันโดยที่ยังนั่งส่ายเท้าในน้ำอยู่

                “พรุ่งนี้เรามาที่นี่กันอีกไหมคาเอล”

                “ได้สิครับ”

                “แต่นายเบื่อที่นี่หรือเปล่า เราไปที่อื่นกันก็ได้นะ”

                “มากิอยู่ด้วยผมน่ะไม่เบื่ออยู่แล้วครับ เพราะอย่างนั้น ไม่เป็นไรหรอก”

                คิดไปคิดมา ผมกับคาเอลเวลาคุยกันนี่ก็เหมือนแฟนกันคุยกันเลยแฮะ

                มะ..ไม่หรอกมั้ง…ผมต้องคิดมากไปเองแน่ๆเลยล่ะ

                “เริ่มเย็นแล้ว กลับกันเถอะครับมากิ พรุ่งนี้ผมจะลองถามแม่ดูนะครับว่า จะอยู่ที่สถานพยาบาลหรือเปล่า”

                “อื้อ ไปกันเถอะ”

                หลังจากนั้นคาเอลก็เดินไปส่งผมที่ต้นไม้ที่เรานัดเจอกัน แล้วก็แยกย้ายกลับบ้านตนเอง

                

                พอวันต่อมา ผมก็ไปรอคาเอลที่เดิมเช่นเคย และคาเอลก็มาทีหลังผมเช่นเคย และคาเอลก็บอกผมว่าวันนี้คุณแม่ของคาเอลไปภาคสนามเช่นเคย เพราะงั้น ผมก็เลยได้ไปน้ำตกกับคาเอลเหมือนเดิม และก็เนื้อหมูย่างร้านเดิม และผมที่ออกเงินเหมือนเดิม

                “ชั้นจะได้เจอแม่นายวันไหนกันน้า”

                ผมพูดกับคาเอลระหว่างเล่นน้ำไปด้วย

                “นั่นสินะครับ เพราะช่วงนี้มอนส์เตอร์หนาแน่น แม่ผมก็เลยต้องไปภาคสนามกับคุณพ่อ มากิคงจะไม่ได้ไปหาแม่ผมอีกเป็นเดือนเลยล่ะครับ”

                “สงสัยชั้นจะไม่ได้เจอแม่นายแล้วล่ะแบบนี้ เพราะถ้าเป็นช่วงที่มอนส์เตอร์เบาบางลงแล้ว พวกเราก็ต้องไปฝึกสู้กับมอนส์เตอร์จริงๆอยู่ดีนี่นา”

                “นั่นสินะครับ ถ้ามีโอกาส ผมจะลองชวนคุณแม่ไปบ้านมากินะครับ”

                “อื้อ เอาสิๆ ถึงชั้นอยากจะเป็นฝ่ายไปหามากกว่าก็เถอะนะ”

                ผมพูดเสร็จก็ขำแห้งๆออกมา ให้แม่เพื่อนไปหาตัวเองที่บ้านโดยแค่เพื่อนอยากรู้จักมันก็คงจะแปลกๆนะคาเอล

                หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมคบกับคาเอลมาตั้งหลายปี ทำไมผมกับแม่ของคาเอลไม่เคยเจอกันเลย

                ก็นักเวทย์รักษา เป็นงานค่อนข้างหนักล่ะนะ พลังเวทย์ก็ใช้ค่อนข้างมาก แถมถ้าทำงานในสถานพยาบาลต้องรักษาอยู่หลายคนด้วยล่ะนะ ถ้าบางคนเป็นไข้หรือป่วยก็ต้องใช้เวทย์ถอนพิษอีก ซึ่งใช้พลังเวทย์ค่อนข้างมากพอๆกันเลยล่ะ แต่ก็รักษาไม่ได้ทุกโรคล่ะนะ บางทีได้แค่บรรเทาความเจ็บปวด ก็ต้องดูแลต่อ ถ้าเป็นการบาดเจ็บ ใช้เวทย์เยียวยาก็ไม่ได้ทำให้หายขาดด้วย เป็นงานที่ใช้ทั้งพลังกาย พลังเวทย์ และพลังใจเยอะสุดๆเลยล่ะ

                หรือก็คือ ผมไม่อยากจะรบกวนคุณแม่ของคาเอลเท่าไหร่นั่นเอง แต่ก็อยากจะทำความรู้จักล่ะนะ

                เพราะอย่างนี้วันต่อๆไปก็ยังคงเป็นการพักผ่อนต่อไปอีกสักพักของผมและคาเอล

                จนในที่สุด เวลาก็ผ่านมาถึงสามเดือนด้วยกัน ผมและคาเอลจะได้สู้กับมอนส์เตอร์จริงๆ ซึ่งผมก็ไม่ค่อยอยากจะลองดูเท่าไหร่ เพราะมันเป็นการฆ่าสิ่งมีชีวิตจริงๆเลยล่ะนะ!

                ถึงจริงๆชาติก่อนผมจะฆ่ามดเพราะชอบมาขึ้นขนมที่วางเอาไว้ก็เถอะ

                แต่! เรื่องนี้มันต่างกันอยู่ มอนส์เตอร์พวกนี้หน้าตาของมันก็…

                อืม จะบอกว่าคล้ายกับสัตว์ก็ใช่ จะบอกว่าเป็นสัตว์ประหลาด…ก็ใช่

                ผมเคยอ่านหนังสือที่เป็นรูปร่างของมอนส์เตอร์ที่จะเกิดอยู่บ่อยๆในแถบเมืองพาโยเนียนะ มอนส์เตอร์บางตัวนี่หน้าตาหน้ากลัวมากเลยล่ะ แต่บางทีอาจจะเป็นแค่เพราะว่ารูปวาดไม่เหมือนก็ได้ล่ะมั้ง ผมอาจจะคิดมากไปเอง

                แต่บางตัวอย่างหมาป่าขนเทา กับหมาป่า ที่ไม่ใช่มอนส์เตอร์ ก็ทำให้รู้สึกแยกไม่ออกอยู่เหมือนกัน

                และด้วยความที่ว่ามันคือหมาป่า จากโลกในชาติก่อนของผมเนี่ยหมาป่าเนี่ยมันเป็นสัตว์ป่าที่ไม่น่าจะไปล่ามันใช่ไหมล่ะ แล้วพอทีนี้ พวกหมาป่าขนเทาเองก็เป็นหมาป่า แต่เป็นมอนส์เตอร์ ซึ่งจะจู่โจมมนุษย์ทันที มันก็ทำให้ความรู้สึกที่จะต้องปลิดชีวิตของมันคล้ายๆกับการต้องฆ่าหมาป่าธรรมดาๆ ที่เป็นสัตว์จริงๆ

                แต่ถึงอย่างนั้นมอนส์เตอร์บางตัวก็ไม่จู่โจมมนุษย์ก่อนล่ะนะ

                รู้สึกยิ่งอธิบายผมก็ยิ่งจะงงเข้าไปใหญ่ แต่สุดท้ายก็คือ ผมไม่อยากจะสู้กับมอนส์เตอร์จริงๆเพราะมันรู้สึกเหมือนกันฆ่าสิ่งมีชีวิตจริงๆ

                หรือจริงๆแล้วมันก็เป็นสิ่งมีชีวิตแต่เป็นมอนส์เตอร์กันแน่นะ

 

                “ทำไมคาเอลมาช้าจัง ลูกนัดคาเอลไว้ประมาณกี่โมงนะ”

                “ก็พ่อบอกหนูว่าให้บอกคาเอลว่าเจอกันตอนสายๆเกือบเที่ยงนี่คะ ตอนนี้ประมาณเก้าโมงครึ่งเอง ไม่ใกล้เที่ยงแบบนี้คงต้องรออีกสักพักแหละค่ะ”

                ผมกับพ่อยืนรอคาเอลที่ต้นไม้ประจำที่ผมกับคาเอลชอบมานัดเจอกันเวลาจะไปเล่นนอกบ้าน

                “ว่าแต่ ทำไมพ่อถึงต้องออกมารอนานขนาดนี้ด้วยคะเนี่ย!”

                “อ้าวเหรอๆ พ่อลืมไปแล้วน่ะ ว่านัดกันไว้กี่โมง”

                พ่อพูดพร้อมหัวเราะก๊ากออกมาเหมือนไม่ได้ใส่ใจ

                ผมอยากให้แม่อยู่ตรงนี้แล้วตีพ่อแทนผมสักที ถ้ารู้อย่างนี้ผมน่าจะให้คุณคุโระมาดูแลแทนพ่อแฮะ

                “มาแล้วครับ! มากิ! คุณลุงอิกนัส!”

                คาเอลวิ่งมาพร้อมกับดาบสองคมที่เหน็บไว้ข้างเอว

                “มาแล้วเหรอคาเอล งั้นเราไปกันเลย”

                พ่อพูดเสร็จก็เดินนำเข้าไปในป่า

                “พ่อไม่ลืมอะไรจริงๆใช่ไหมคะ”

                ผมลองถามพ่อเพื่อความแน่ใจ เพราะผมรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆว่าจะเกิดเรื่องแย่ๆขึ้น

                “แน่นอนอยู่แล้ว พ่อทำงานด้านนี้มาตั้งแต่ก่อนลูกเกิดเลยนะ เชื่อพ่อเถอะ ฮ่าๆๆ”

                พ่อพูดเสร็จก็หัวเราะก๊ากออกมาอีกครั้ง ดูเหมือนพ่อจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยนะเนี่ยวันนี้

                งั้นผมปล่อยพ่อไป แล้วคุยกับคาเอลดีกว่า

                “เป็นไงบ้างคาเอล พร้อมไหม”

                “ก็พร้อมพอตัวนะครับ แต่ก็รู้สึกประหม่าแปลกๆ”

                “นั่นสินะ ชั้นเองก็รู้สึกไม่ค่อยพร้อมเลย”

                ผมพูดเสร็จก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ คิดไปคิดมา การที่ต้องมาอยู่ในโลกแฟนตาซีแบบนี้มันเริ่มน่ากลัวแล้วแฮะ

                “ไม่เป็นไรหรอกครับมากิ เรามาฝึกสู้จริง ไม่ได้ใช้ดาบกันอย่างเดียว แถมมากิเองก็เป็นถึงจอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์เลยนะครับ และเป็นถึงลูกของป้าจิฮิโระที่เป็นถึงเจ็ดหาง เอ…นั่นสินะ”

                คาเอลทำหน้าเหมือนกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง

                “มีอะไรหรือเปล่าคาเอล”

                “อืม…ผมกำลังสงสัยน่ะครับ ว่า…เอ่อ…ถ้าจำไม่ผิด ในหนังสือมันเขียนไว้ว่า ถ้าเผ่ามนุษย์สัตว์มีลูกเป็นลูกสาวจะ…อืม…เป็นเผ่าเดียวับผู้เป็นแม่ ถ้าเป็นลูกชายก็จะเผ่าเดียวกับผู้เป็นพ่อสินะครับ แล้วทีนี้เนี่ยมากิเป็นลูกของคุณป้าจิฮิโระ แต่มากิเป็นตอนนี้เป็นมนุษย์…”

                คาเอลเว้นช่วงไว้ก่อนจะพูดต่อ

                “หรือว่ามากิจะเป็นผู้ชา—!”

                “นายจะบ้าเหรอ!”

                ผมตีแขนคาเอลแรงๆหนึ่งที

                “ชั้นก็เป็นมนุษย์สัตว์นั่นแหละ แต่นายเห็นชั้นใส่แว่นใช่ไหมล่ะ จริงๆมันก็ไม่ได้เป็นแว่นสายตาหรอก มันเป็นแว่นกันแดดน่ะ”

                “…”

                “…”

                ผมกับคาเอลเงียบลงไม่พูดอะไรพร้อมๆกัน

                โถ่คาเอล ชั้นแค่เล่นมุกเฉยๆน่า

                “ล้อเล่นน่า โถ่! อย่ากลั้นขำสิ นี่แหนะ”

                ว่าแล้วผมก็ตีไปที่แขนของคาเอลอีกหนึ่งที

                “ผมขอโทษครับ ฮ่าๆ”

                “ชิ ไม่เล่าต่อแล้ว”

                ผมเด๊าะลิ้นแล้วสะบัดหน้าหนี

                ผมแค่เล่นมุกเอง ไม่เห็นต้องแกล้งกันเลยนี่นา ผมก็อายที่มุกแป้กเหมือนกันนะ

                “ล้อเล่นครับๆ หยุดแล้วๆ เล่าต่อเลยครับ”

                “ก็ แว่นนี้น่ะ ชั้นผนึกพลังของมนุษย์สัตว์เอาไว้น่ะ แต่ถ้าปลดผนึกแล้วชั้นก็จะกลับไปเป็นจิ้งจอกเหมือนกับคุณแม่นั่นแหละ”

                ผมพูดเสร็จก็ยกแว่นให้คาเอลดูหนึ่งที

                “แล้วมากิเป็นมนุษย์จิ้งจอกกี่หางเหรอครับ”

                “ความลับน่ะ ฮิฮิ ไว้อารมณ์ดีเมื่อไหร่ชั้นจะบอกนะ”

                ผมหัวเราะด้วยน้ำเสียงอันน่ารัก

                จริงๆแม่ผมสั่งห้ามเอาไว้ล่ะ ขนาดคุณยูริยังไม่รู้เลยนะว่าผมเป็นเก้าหางน่ะ

                “เอ๋ ไม่ใช่ว่าถ้าเกิดผนึกไว้ แล้วประสิทธิภาพจะลดลงเหรอครับ”

                “ชั้นถนัดทุกธาตุน่ะคาเอล มันก็เลยไม่ได้ส่งผลอะไรกับชั้นมากเท่าไหร่”

                ถ้าเทียบประสิทธิภาพแล้ว ถ้าผมใช้ไฟบอลในร่างเก้าหาง คือหนึ่งร้อย ในร่างผนึกก็จะมีประสิทธิภาพอยู่ที่แปดสิบ แต่จากที่แม่เล่าให้ผมฟัง ถ้าเป็นคนอื่นๆที่ใช้เวทย์ธาตุที่ไม่ถนัดในร่างผนึก จะมีประสิทธิภาพอยู่ที่หกสิบโดยประมาณล่ะ

                เพราะงี้คนที่ผนึกก็เลยจะเป็นคนที่ถนัดกันหลายๆธาตุล่ะนะ ซึ่งปกติสองธาตุก็จะผนึกเอาไว้ แม่ผมเล่าให้ฟังว่า จะเห็นคนที่ไม่ได้ผนึกกับคนที่ผนึกในเขตของเผ่ามนุษย์จิ้งจอกครึ่งต่อครึ่งเลยล่ะ แม่ผมเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ผนึกไว้เหมือนกัน

                แต่สุดท้ายแม่ผมก็ตัดสินใจที่จะไม่ผนึก เพราะพ่อบอกว่าชอบร่างปกติที่สุด พอดีว่าตอนนั้นแม่กำลังคลั่งรักพ่อน่ะนะ

                

                ผมกับคาเอลก็เดินไปคุยอะไรกันเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆจนเข้าป่ามาได้ลึกประมาณนึง

                “อืม…พ่อชักหิวแล้วสิ กินข้าวกันเถอะทุกคน เราไปนั่งตรงนั้นกันเถอะ”

                จะว่าไปตอนนี้ก็ประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่งแล้ว ถ้ากินตอนนี้ก็คงต้องใช้เวลาย่อยอีกสักพัก แต่ถ้าเริ่มสู้จริงๆช่วงบ่าย ก็ถือว่าดีล่ะมั้ง

                “จะว่าไป…ข้าวกล่องมันหายไปไหนล่ะเนี่ย พ่อว่าก็พ่อก็เอาไว้ในนี้นะ…เอ… ไม่มี…”

                พ่อผมค้นกระเป๋าทุกซอกทุกมุม ปรากฏว่ามันไม่มีข้าวกล่อง…

                เอ๊ะ นั่นกระเป๋าคุ้นๆนะ ผมลืมสังเกตไปได้ยังไง…

                “นะ..นั่นมัน กระเป๋าอุปกรณ์กับเสื้อที่แม่กำลังถักหรือเปล่าคะพ่อ…”

                แม่ผมหลังจากที่ช่วงนี้ว่างขึ้นนิดหน่อย เพราะผมก็เริ่มที่จะช่วยงานบ้านบ้างแล้ว ก็มีเวลาถักผ้ามากขึ้น แต่ก็เป็นชุดปกติไม่ใช่อาภรณ์เวทย์หรอก แต่แม่ก็ถักมันทุกวันเลย แถมดูเหมือนกำลังติดลมเลยด้วยช่วงนี้

                ดูท่าทางพ่อผมจะซวยแล้วล่ะ

                “แย่ล่ะสิ ลูกรออยู่ที่นี่กันก่อนนะ อย่าเสียงดัง และอย่าย้ายออกไปจากตรงนี้นะ เพราะตรงนี้เคยเป็นทางที่คนเดินทางมาอยู่บ่อยครั้ง มอนส์เตอร์เลยจะน้อยมากๆ แต่ช่วงนี้เพิ่งจะเป็นวันที่มอนส์เตอร์เบาบาง คนเลยยังไม่ผ่านมาทางนี้แน่นอน เพราะอย่างนั้น ลูกต้องระวังเรื่องเสียงให้ดีที่สุด”

                “ให้พวกเรากลับไปแล้วมาใหม่พร้อมกันดีกว่าไหมคะพ่อ”

                ถ้ามอนส์เตอร์โผล่มาจริงๆก็คงจะอันตรายน่าดู กลับไปพร้อมกันแล้วมาใหม่คงจะปลอดภัยที่สุดล่ะนะ

                “ไม่เป็นไรลูก สำหรับลูกที่ยังเด็กจะเหนื่อยเปล่าๆ ทำตามที่พ่อบอกก็พอ”

                ผมกับคาเอลพยักหน้ารับแล้วพ่อก็วิ่งออกไป

                ดูเหมือนว่าเสียงวิ่งจะไม่ได้เป็นช่วงเสียงที่อยู่ในระดับที่อันตรายต่อการเรียกมอนส์เตอร์ล่ะนะ

                “เราจะทำอะไรรอดีล่ะครับมากิ”

                “คงจะต้องนั่งรอเฉยๆล่ะมั้ง สักชั่วโมงนิดๆ?”

                ใช้เวลาเดินมาถึงจุดๆนี้สองชั่วโมง แต่เดินไปชมวิวไป หยุดดูข้างทางไป หยุดพักไป ถ้าตั้งใจเดินจริงๆ อาจจะใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงนึงหรือน้อยกว่า แต่ถ้าเป็นพ่อของผมที่วิ่งตลอดโดยไม่พักเลยแถมไปกลับ ก็อาจจะใช้เวลาประมาณนี้หรือมากกว่าล่ะมั้ง

                “จะว่าไปแล้ว มากิเนี่ย กลัวงูใช่ไหมครับ”

                “…ทำไมจู่ๆนายต้องพูดเรื่องนั้นล่ะ…นายก็รู้ว่าชั้นกลัวมากๆ…”

                “… นั่นสินะครับ”

                คาเอลนิ่งไปครู่นึงก่อนจะพูดขึ้น แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                มันต้องมีอะไรแน่ๆเลยอะ

                “นะ..นายทำชั้นกลัวนะ”

                ผมกระเถิบตัวเข้าไปใกล้คาเอลยิ่งขึ้นจนตัวของผมชนกับคาเอล

                “งั้น…มากิหลับตาก่อนนะครับ”

                มันต้องมีอะไรจริงๆแล้วล่ะแบบนี้ ต้องใช่แน่ๆ งูอยู่แถวนี้แน่ๆ

                คาเอลกำลังแหงนหน้ามองอะไรบางอย่างอยู่ แต่ด้วยความที่ผมคิดว่ามันต้องใช่แน่ๆเลยพยายามกลั้นใจเอาไว้แล้วหลับตา

                “ถ้าปิดหูด้วยจะดีมากเลยล่ะครับมากิ”

                ผมที่ได้ยินดังนั้นจึงรีบเอามือสองข้างปิดหู

                คาเอลลุกขึ้นกำลังทำอะไรสักอย่าง ซึ่งผมก็พอจะเดาได้ว่าคาเอลกำลังไล่มันไปอยู่ ขอบคุณมากเลยคาเอล! นายน่ารักที่สุดเลย!

                แต่ว่าจู่ๆก็มีอะไรหล่นกระแทกพื้นจนผมเผลอลืมตาขึ้นมามอง

                “ซวยละไง…”

                คาเอลกำลังไล่มันให้เลื้อยกลับขึ้นไป แต่งูเองก็กลัวพุ่งตัวออกมาจากต้นไม้ลงสู่พื้น

                “งะ..งะ..งู… กรี๊ดด!”

                ด้วยความกลัวจนสุดขีดของผม ก็เลยเผลอกรี๊ดออกมาเสียงดัง งูเองก็ตกใจกลัวผมก็เลยเลื้อยหนีออกไป

                ในตอนนั้นผมเองก็คิดว่ารอดจากงูแล้ว แต่ก็นึกขึ้นได้ว่า ตัวเองเพิ่งจะส่งเสียงดังไปก็เลยเอามือขึ้นมาปิดปาก

                แต่ว่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                “ระ..รอดแล้ว ล่ะมั้ง?”

                “นะ..นั่นสินะครับ…”

                แต่ทันใดนั้น พุ่มไม้ก็สั่น แล้วหมาป่าสีเท่าตัวใหญ่กว่าพวกผมสองตัวก็ค่อยๆย่างก้าวออกมาต่อหน้าพวกผม

                “ซะ..ซวยจริงๆด้วยค่ะ”

                

                

 

 

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset