ผมเกิดใหม่เป็นจิ้งจอกสาวเก้าหาง – ตอนที่ 20: เปิดเรียนวันแรกจะหาเพื่อนได้ไหมนะ

                “อืม…เครื่องแบบนักเรียนพอใส่กันทุกคนแล้วมันก็ดูดีเหมือนกันเนอะ”

                ตอนนี้ผมกับคาเอลกำลังเดินไปยังห้องเรียนของตัวเองด้วยกัน

                ทำไมพูดถึงเครื่องแบบนักเรียนน่ะเหรอ นั่นก็เพราะว่า…

                ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าและเตรียมจะไปอาบน้ำก่อนเพื่อไม่ให้คาเอลเห็นตัวผมตอนกำลังโป๊อยู่ก็เลยต้องลุกออกมาเตรียมตัวก่อน

                และในตอนที่ผมอาบน้ำเสร็จและกำลังจะเตรียมตัวทำอาหารก็เหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษหน้าประตู ซึ่งมีข้อความติดมาด้วย ใจความว่า

                “เครื่องแบบนักเรียนแขวนอยู่หน้าห้อง ต้องใส่เข้าเรียนทุกการเปิดเรียนวันแรก แล้ววันอื่นๆแต่งชุดสุภาพตามสบาย หรือเครื่องแบบนักเรียนก็ได้”

                ก็เลยทำให้ผมกับคาเอลได้ใส่ชุดนักเรียนของที่นี่ล่ะ จะให้อธิบายก็ยากอยู่ แต่ก็จะพยายามแล้วกัน

                เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในสุดแล้วสวมเสื้อกั๊กสีเทาทับเอาไว้จากนั้นก็สวมเสื้อคล้ายๆเสื้อสูทสีดำคลุมเอาไว้อีกที แค่พูดถึงก็อาจจะดูเหมือนว่าพอใส่แล้วต้องร้อนแน่ๆ แต่พอได้ใส่จริงกลับไม่ได้รู้สึกร้อนเลยสักนิด

                ส่วนกระโปรงก็เป็นกระโปรงพลีทสีดำยาวเลยหัวเข่านิดหน่อย พอใส่แล้วส่องกระจกดูก็ทำให้รู้สึกว่าดูโตกว่าปกตินิดหน่อย แต่ก็ยังคงน่ารักเหมือนเดิม

                ของผู้ชายเองส่วนบนก็เหมือนกันแต่ช่วงล่างเป็นกางเกงสแล็คสีดำ ซึ่งพอคาเอลใส่แล้วก็ดูดีมากๆ และก็น่ารักมากๆเช่นกัน

                “นั่นสินะครับ ชุดดูต่างกับชุดที่เราใส่ปกติกันพอสมควรเลย แถมพออยู่ด้วยกันหลายๆคนแล้วดูขลังจริงๆ”

                เพราะเนื้อผ้ามันไม่เหมือนกันด้วยล่ะนะ แต่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่านี่เป็นผ้าอะไร

                ว่าแต่ทำไมเขาถึงรู้ขนาดตัวเราได้นะ

                “เราไปที่ห้องเรียนเลยไหมครับ หรือว่าจะนั่งเล่นในสวนกันก่อนดี”

                “ชั้นว่าเราไปที่ห้องเรียนกันเลยน่าจะดีกว่า จะได้เลี่ยงคนเยอะๆด้วย เราจะได้ไม่หลงกัน”

                “ได้ครับ”

                

 

                ตอนนี้ผมกับคาเอลนั่งรออยู่ในห้องเรียนโดยที่ยังไม่มีใครมาเลยสักคนในตอนนี้ อาจจะเป็นเพราะผมตื่นเช้าไปล่ะมั้ง

                แน่นอนว่าผมไม่ได้มาผิดที่หรอกนะ เพราะพอผมมาถึงห้องเรียนแล้วเนี่ย ที่โต๊ะของอาจารย์ที่ตั้งอยู่หน้าห้องมีแผ่นกระดาษที่เขียนถึงกำหนดการเอาไว้อยู่ซึ่งมันก็เขียนเอาไว้ว่า

                1.อาจารย์ประจำชั้นจะพานักเรียนที่อยู่ในห้องเรียนไปยังหอประชุมใหญ่เพื่อฟังคำชี้แจงจากอาจารย์ใหญ่

                2.กลับมายังห้องเรียน เพื่อให้นักเรียนทำความรู้จักกัน

                3.เลิกเรียนและเริ่มการเรียนการสอนในวันถัดไป

                ก็ประมาณนี้แหละ อันที่จริงก็มีเขียนติดอยู่ในป้ายประกาศตามจุดต่างๆของโรงเรียนนั่นแหละ ซึ่งผมก็ได้เห็นตั้งแต่เมื่อวันก่อนที่เดินสำรวจและซื้อของกับคาเอลแล้ว

                และผมกับคาเอลที่มาถึงก่อนก็ได้จับจองที่นั่งเรียบร้อย นั่นก็คือ…หลังสุดของห้องตรงริมหน้าต่างยังไงล่ะ!

                โชคดีที่มันเป็นโต๊ะที่เอาไว้นั่งด้วยกันสองคน ทำให้ผมกับคาเอลนั่งด้วยกันได้ และผมได้นั่งติดหน้าต่างเพราะคาเอลบอกว่าผมเหมาะกับการนั่งติดหน้าต่างมากกว่า ผมก็เลยได้นั่งริมหน้าต่างเพราะอย่างนี้

                “นายว่าพวกเราจะสนิทกับคนอื่นๆได้หรือเปล่านะ”

                “นั่นสินะครับ ผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าเราจะเข้ากับคนอื่นได้หรือเปล่า แต่ว่า…”

                “แต่ว่า?”

                คาเอลเว้นช่วงก่อนจะพูดพร้อมยิ้มออกมา

                “ต่อให้เราเข้ากับใครไม่ได้ เราก็ยังมีกันและกันอยู่เสมอนะครับ”

                “ว้าว มีคู่รักในห้องด้วยล่ะ”

                พอคาเอลพูดเสร็จก็มีเด็กผู้หญิงผมสีดำผมสั้นประบ่าเปิดประตูเข้ามาพอดี

                จากนั้นเด็กผู้หญิงคนนี้ก็วิ่งเข้ามาหาพวกผม

                “คบกันอยู่เหรอคะ”

                เธอถามผมด้วยแววตาเปล่งประกาย

                “เปล่าหรอกค่ะ พวกเราสนิทกันมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้อยู่แล้วและก็มาเข้าเรียนด้วยกันที่นี่น่ะค่ะ ใช่ไหมคาเอล”

                “ใช่ครับ”

                “อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เองสินะคะ จะว่าไปชั้นชื่อไลม์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักกับทั้งสองคนนะคะ”

                ไลม์พูดเสร็จก็ถอนสายบัวอย่างไม่เป็นทางการให้กับพวกผม

                เอ ต้องเป็นทางการขนาดนั้นเลยเหรอ

                พอคิดดีๆแล้วการทักทายมันก็มีแต่แบบนี้นี่นะ

                ผมกับคาเอลก็เลยยืนขึ้นเพื่อแนะนำตัวเช่นกัน

                “สวัสดีค่ะ ชั้น มาฮิโระ อิจิฮานะค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”

                “ผม คาเอเรี่ยน เอลเวนเทียร์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

                พอผมกับคาเอลแนะนำตัวไป อีกฝ่ายก็ตัวกระตุกพร้อมทำตาโต

                ผมกับคาเอลก็คิดอยู่เหมือนกันว่าพอแนะนำตัวไปแล้วอีกฝ่ายน่าจะมีปฏิกิริยากันแบบนี้หรือเปล่า แต่พอได้เห็นจริงๆแล้วก็ทำเอาผมเกร็งเหมือนกันนะ

                “วะ..ว่าแล้วเชียว…เอ…อา…ยังไงดี”

                ไลม์พูดตะกุกตะกักหลังจากรู้ว่าผมกับคาเอลมาจากตระกูลอะไร

                “อะฮะฮะ พูดเหมือนปกติก็ได้ค่ะ ตัวชั้นเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนใหญ่คนโตอะไรหรอกนะคะ”

                พอผมบอกแบบนั้นไลม์ก็ดูมีท่าทีผ่อนคลายขึ้น

                “วะ..ว่าแล้วเชียว สำเนียงการพูดของทั้งสองคนดูเป็นผู้ดี ก็เลยพอเดาได้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าทั้งสองคนจะเป็นถึงสี่ตระกูล ถ้ายังไงเดี๋ยวชั้นขอไปจองที่นั่งก่อนนะคะ”

                “ค่ะ ตามสบายเลย”

                จากนั้นไลม์ก็เดินออกจากโต๊ะของผมไปนั่งที่อื่น

                จากนั้นก็มีคนเข้ามาในห้องเรื่อยๆ แต่คนอื่นๆก็ไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ แต่ผมก็ยังคงคุยกับคาเอลตามปกติ จนทำให้เป็นจุดสนใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น

                ตอนที่นั่งรออาจารย์มาที่ห้องเรียนก็มีเหตุการณ์น่าตื่นตาตื่นใจเกิดขึ้นอยู่สองครั้ง

                ครั้งแรกเป็นเด็กชายผิวคล้ำตัวสูงกว่าคนในห้องโดยเฉลี่ยพอสมควรเปิดประตูกระแทกเสียงค่อนข้างดังแถมดูนิ่งๆไม่มองใครแล้วก็มานั่งที่ว่างใกล้ๆผมกับคาเอลและก็ไม่ได้คุยกับใคร ส่วนผมกับคาเอลก็ไม่ค่อยจะกล้าทักเท่าไหร่

                เขาดูเหมือนเป็นพวกนักเลงน่ะ

                ส่วนอีกคนหนึ่งก็เปิดตัวคล้ายๆกับคนเมื่อกี้ แต่ว่าเป็นเด็กผู้หญิงเผ่าจิ้งจอกที่ไม่ได้ผนึกพลังเอาไว้ ผมสีบลอนมาเลยล่ะ หน้าตาน่ารัก แต่ก็ดูไม่ค่อยเป็นมิตรกับใครเท่าไหร่นะ แถมตอนเข้ามาก็มองไปรอบๆพอเห็นผมเข้าก็จ้องเขม็งเลยล่ะ

                ถึงหน้าตาจะน่ารักแต่ก็น่ากลัวชะมัด

                ผ่านไปสักพักจนคนมาเต็มห้องแล้ว อาจารย์ก็มาพอดีเหมือนรอคนครบ

                “สวัสดีนักเรียนทุกคน ครูชื่อว่าแอสเทียร์ หรือจะเรียกว่าครูเทียร์ก็ได้นะ เอาล่ะ เดี๋ยวครูจะพาพวกเธอไปหอประชุมใหญ่ ไปกันเลยจ้ะ”

                

 

                “ชั้นผู้อำนวยการ ลิลี่ เกรป อืม…พวกเธอก็ตั้งใจเรียนเข้าล่ะ แค่นี้แหละ”

                นี่คือทั้งหมดที่ผู้อำนวยพูด ครูแต่ละคนทำหน้าเอือมและเอามือกุมขมับเลยล่ะ

                สุดท้ายคุณฟิวรี่ก็เลยขึ้นมาพูดแทน

                “สวัสดีนักเรียนทุกคน ดิฉันเป็นรองผู้อำนวยการของโรงเรียนนี้ ชื่อ ฟิวรี่ เออรินด์ ค่ะ สำหรับนักเรียนชั้นต้นปีหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาใหม่ทุกคน การเรียนจะเป็นการเรียนวิชาบังคับทั้งดาบและเวทย์มนต์ไปจนถึงชั้นต้นปีที่สาม หลังจากขึ้นปีสี่จะสามารถลงวิชาเรียนได้ตามใจ แต่ถ้าหากรู้ตัวอยู่แล้วว่าถนัดด้านไหนมากกว่าก็สามารถคุยกับอาจารย์ประจำชั้นเพื่อขอเปลี่ยนตารางเรียนได้เลย”

                แบบนี้ก็เหมาะกับคนที่เก่งเฉพาะทางดีเหมือนกันนะเนี่ย

                แต่แบบนี้แสดงว่าบางวิชาก็ไม่ได้เรียนกับคนในห้องเดียวกันอย่างนั้นเหรอ

                “การเก็บคะแนนของแต่ละวิชานั้นจะมีเกณฑ์เดียวกันเกือบทุกวิชา ถ้าเป็นวิชาปฏิบัติการเก็บคะแนนจะเป็น ยี่สิบเปอร์เซ็นต์สำหรับความรู้และความจำ และอีกแปดสิบเปอร์เซ็นต์สำหรับปฏิบัติ และสำหรับวิชาที่เน้นความจำและการวิเคราะห์อย่างเช่นวิชามอนส์เตอร์วิทยาจะเก็บคะแนนความจำหกสิบเปอร์เซ็นต์และการใช้จริงสี่สิบเปอร์เซ็นต์”

                แบ่งการเก็บคะแนนตามวิชาสินะ คงจะทำเพื่อให้เกิดตามความเหมาะสมของรายวิชา แต่ผมก็ยังไม่เห็นภาพว่าวิชาพวกนั้นจะเก็บคะแนนยังไงหรือใช้วิธีอะไรในการเก็บคะแนนล่ะนะ

                “คณะอาจารย์คาดหวังว่าพวกเธอจะได้รับความรู้ที่ดีที่สุด และมีความสุขกับการเรียนเพื่อนำไปใช้ได้ในอนาคตเป็นอย่างยิ่ง ขอให้พวกเธอโชคดี”

                คุณฟิวรี่พูดเสร็จก็โค้งตัวแล้วเดินออกไปหลังเวทีพร้อมเสียงปรบมือกึกก้องของนักเรียนในนั้น

                หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรที่สำคัญและพวกผมก็ได้กลับมาห้องเรียนในที่สุด

                “เอาล่ะ วันนี้ยังไม่มีการเรียนการสอน เพราะวันนี้เป็นวันแรก ครูอยากให้พวกเธอสนิทกันเอาไว้ เพราะอย่างนั้นแนะนำตัวกันเลย เริ่มจากตรงนั้นนับต่อไปเป็นแถวหน้ากระดานนะ”

                แน่นอนว่าผมนั่งอยู่หลังห้อง ก็เลยได้เป็นคนท้ายๆล่ะ

                “สวัสดีค่ะ ชื่อไลม์มินัส คามาเรีย ค่ะ หรือจะเรียกว่าไลม์ก็ได้นะคะ ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนนะคะ”

                คนที่เข้ามาแนะนำตัวกับผมและคาเอลคนแรกลุกขึ้นแนะนำตัวเป็นคนแรกของห้อง ก็นั่งหน้าสุดพอดีนี่นะ

                จากนั้นก็แนะนำตัวกันไปเรื่อยๆ บางคนก็บอกความฝันของตัวเอง บางคนก็อยากจะเป็นขุนนางบ้างล่ะ บางคนก็อยากจะเป็นนักผจญภัย นักเวทย์ในวังหลวง หรืออะไรบางอย่างที่ฟังแล้วจะรู้สึกประทับใจขึ้นมาล่ะนะ

                “คนต่อไปจ้ะ”

                “ฉันชื่อ ไค ไคระ เป็นเผ่าเดียวกับเทพดาบ มีเป้าหมายว่าจะต้องเป็นเทพดาบให้ได้”

                คนที่ผิวคล้ำที่ผมบอกในตอนแรกแนะนำตัวขึ้นมา เป้าหมายนี่ค่อนข้างสวนทางกับชื่อของโรงเรียนยังไงพิกลแฮะ

                “เป็นเป้าหมายที่ยอดเยี่ยมมากจ้ะ คนต่อไป”

                ถึงตาของผมแล้วล่ะ

                “สวัสดีค่ะ มาฮิโระ อิจิฮานะ ค่ะ เรียกว่ามากิก็ได้นะคะ ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนนะคะ”

                ผมแนะนำตัวเสร็จก็ส่งยิ้มหวานราวกับนางฟ้าส่งให้คนทั้งห้องเพื่อหวังว่าทุกคนจะไม่ใจร้ายกับผมเหมือนกับโลกเดิมล่ะนะ

                “โคตรสวยเลย…”

                “คนจากสี่ตระกูลนี่หน้าตาดีสุดๆไปเลย…”

                “น่ารักจัง…”

                “สวยง่ะ”

                หลายๆคนก็กระซิบกันและเริ่มตั้งวงคุยเกี่ยวกับผมแต่ก็ไม่ใช่ในทางที่ไม่ดี

                ถ้าได้ผลตอบรับอย่างนี้ก็ถือว่าน่าพึงพอใจล่ะนะ

                “งะ..งดงามมากเลยจ้ะ คนต่อไปเลย”

                เอาล่ะถึงตาของคาเอลแล้วสินะ

                “สวัสดีครับทุกคน ผม คาเอเรี่ยน เอลเวนเทียร์ ครับ ชื่อเล่นคาเอล ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนนะครับ ช่วยใจดีกับผมและเธอคนนี้ด้วยนะครับ”

                คาเอลแนะนำตัวและพูดขอให้คนอื่นช่วยใจดีกับตัวเองและผม

                หมอนี่เนี่ยน้า แนะนำตัวเองอยู่แท้ๆ กลับช่วยพูดถึงผมด้วย น่ารักจริงๆเลย

                “สี่ตระกูลสองคนที่รู้จักกันมาก่อนเหรอเนี่ย…”

                “หน้าตาดีอีกคนแล้ว…”

                “ทะ..ท่านคาเอลเจ้าขา…”

                คนก่อนๆน่ะเข้าใจได้ แต่อันหลังสุดนั่นมันอะไรน่ะ…

                ในตอนที่คาเอลกำลังนั่งลงก็มีคนยกมือถามคาเอล

                “ทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อนเหรอครับ ก่อนหน้านี้ก็เห็นคุยกันสองคนตลอด”

                ดูเหมือนหลายๆคนก็รู้สึกสงสัยเหมือนกันสินะ เห็นพยักหน้าตามๆกัน

                พอคาเอลที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มที่ดูน่ารักออกมาแต่ว่าการกระทำต่อไปนี้มัน…

                “พวกเราไม่ได้แค่รู้จักกันนะครับ สนิทกันที่สุดเลยล่ะ”

                คาเอลพูดพร้อมโอบไหล่ผมแล้วดึงเข้าไปจนแขนของผมชนกับตัวของคาเอล

                ให้ตายสิเจ้าหมอนี่ เล่นอะไรกันเนี่ย คนอื่นๆมองตาค้างกันหมดแล้วนะเนี่ย

                “ทะ..ทำอะไรน่ะคาเอล”

                “ก็เป็นการทำให้คนอื่นเห็นไงครับว่าเราสนิทกันได้ คนอื่นๆก็คงสนิทกันกับเราได้”

                ผมกับคาเอลกระซิบคุยกัน

                ไม่ใช่สิคาเอล คือนายน่ะเป็นเด็กผู้ชาย แล้วทางนี้น่ะเป็นเด็กผู้หญิงนะ การทำแบบนี้มันเหมือนเป็นการประกาศว่าคนนี้ของนายไม่ใช่หรือไงเนี่ย!

                ยังไงดีล่ะเนี่ย สงสัยแผนการหาเพื่อนเยอะๆของผมอาจจะต้องลดกลายเป็นพยายามหาเพื่อนแล้วสิเนี่ย

                “โอเคจ้ะ คนต่อไปเชิญเลย”

                เอาล่ะ ต่อไปเป็นเด็กผู้หญิงผมบลอนด์ที่เอาแต่จ้องผมตั้งแต่เห็นหน้าแล้ว

                หรือว่าจะหลงเสน่ห์ของผมกันนะ

                ไม่ได้นะคะ ชั้นน่ะไม่อยากจะเข้าสู่เส้นทางการปลูกดอกไม้หรอกนะคะ

                ว่าไปนั่น

                “หึ คนอย่างพวกเธอน่ะ ชั้นไม่ได้สนใจเลยสักนิด แต่ก็จะบอกชื่อให้รู้เพราะจะได้ไม่เรียกชื่อของชั้นผิดไปล่ะนะ ชั้นชื่อ ไอร่า ลอเรนซ์ จิ้งจอกเจ็ดหาง ชั้นมาที่นี่เพื่อขึ้นสู่จุดสูงสุดของที่นี่ เพราะฉะนั้นพวกเธอแต่ละคนไม่ได้อยู่ในสายตาของชั้นเลยสักนิด”

                อันนี้คาแรคเตอร์แบบไหนกันน่ะสายS หรือว่าซึนเดเระกันนะ

                “แล้วก็เธอคนนั้นน่ะ!”

                จากนั้นไอร่าก็ชี้มาทางผม

                “คะ?”

                “เธอน่ะเป็นเผ่าจิ้งจอกเหมือนชั้นอย่างนั้นสินะ! มาสู้กับชั้นซะ!”

                เอาจริงดิ วันแรกนี่ต้องเจอเรื่องอะไรอย่างนี้เลยเหรอ ว่าแต่ รู้ได้ยังไงเนี่ยว่าผมเป็นเผ่าจิ้งจอก ตอนนี้ก็อยู่ในร่างของมนุษย์อยู่นะ

                “ใจเย็นๆก่อนนะคะคุณไอร่า วันนี้เพิ่งเปิดเรียนวันแรกเองนะคะ”

                ถ้าเกิดว่าผมสู้กับเธอแล้วแพ้ผมจะถูกดูถูกหรือเปล่านะ หรือว่าถ้าเกิดผมชนะ ผมจะไม่ได้เป็นเพื่อนกับเธอหรือเปล่านะ ผมค่อนข้างอยากจะใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนเหมือนคนปกติทดแทนจากเมื่อชาติก่อนที่ต้องทะเลาะตบตีกับคนอื่นตลอดเวลานะ

                “ไอร่าจ๊ะ การจะท้าประลองกับคนอื่นได้จะต้องขึ้นชั้นปลายก่อนนะจ๊ะ”

                ขอบคุณมากเลยครับครูเทียร์!

                “แต่ถ้าเรียนในคาบการฝึกต่อสู้แล้วก็คงเป็นไปได้อยู่ แต่ก็ไม่ใช่เร็วๆนี้หรอกนะจ๊ะ”

                ครูเทียร์!

                “ถ้าอย่างนั้น…ก็ได้ค่ะ”

                หลังจากที่ไอร่าได้แนะนำตัวไป ก็มีแต่คนเกร็งทั้งนั้นเลยแฮะ

                และการแนะนำตัวหลังจากนั้นไม่กี่คนก็ทำให้บรรยากาศมันตึงเครียดเล็กน้อย

                “เอาล่ะแนะนำตัวกันทุกคนแล้ว หลังจากนี้ครูจะปล่อยให้พวกเธอทำความรู้จักกันนะหรืออยากจะกลับหอก่อนก็ได้ แต่อย่าก่อเรื่องกันล่ะ ไม่อย่างนั้นครูคงจะต้องหักคะแนนของคนที่ก่อเรื่องให้ลบห้าสิบเลยล่ะ”

                ครูเทียร์พูดขู่นักเรียนเพื่อไม่ให้ก่อเรื่องก่อนจะเดินออกจากห้องไป

                “ยังไงต่อดีคาเอล จะกลับหรือยังไงดี”

                “มากิว่าไงล่ะครับ”

                “ชั้นจะอยู่กับนายนั่นแหละ แล้วนายว่ายังไงล่ะ”

                “งั้นเราทำความรู้จักกับคนอื่นๆก่อนก็ได้ครับ”

                หลังจากนั้นก็มีหลายๆคนเดินเข้ามาหาผมกับคาเอล

                “ขอเรียกว่าคุณมากิได้ไหมครับ!”

                “อ่า..ค่ะ”

                “คุณมากิครับผมชื่—อะเฮื้อ!”

                “คุณมากิครับอย่าสนใจหมอนี่เลยผมน่—อ๊อก!”

                “คุณมากิมีแฟนหรือยั—อ๊าก!”

                “ท่านคาเอลคะ! ช่วยเหยียบชั้นทีค่ะ!”

                “เอ๋…”

                “คุณคาเอลคะชั้นมาจากตระก—หวา!”

                “คุณคาเอลคะ! คบกับคุณมากิอยู่หรือเปล่าคะ!”

                “อะฮะฮะ คือว่า…”

                ผมกับคาเอลโดนรุมร้อมอยู่ล่ะ ให้ตายสิ จะทำยังไงดีเนี่ย

                แล้วไอ้พวกเด็กผู้ชายที่มันตบตีกันแย่งกันคุยกับผมหลังจากนี้จะคบกันเป็นเพื่อนได้ไหมเนี่ย จะไม่ทะเลาะกันเพราะผมใช่ไหมนะ

                พวกเด็กผู้หญิงเมื่อกี้ก็เหมือนกัน เมื่อกี้ใครไปขอให้คาเอลเหยียบล่ะน่ะ แล้วที่ผมสนิทกับคาเอลแบบนี้ผมจะโดนเขาเกลียดเอาไหมเนี่ย

                ถึงคาเอลจะน่ารักก็เถอะนะคะจนทนไม่ไหวก็ตามนะคุณผู้หญิงทั้งหลาย แต่ความน่ารักตอนคาเอลผมยาวน่ะผมคือคนเดียวในนี้ที่รู้ล่ะนะ

                แต่ถ้าพูดไปมีหวังโดนเกลียดจริงๆแน่

                ““คุณมากิครับ!””

                ““คุณคาเอลคะ!””

                “น่าๆใจเย็นก่อนสิคะทุกคน”

                แย่ล่ะสิ ไม่มีจังหวะพูดแทรกเลย จะหวังให้คาเอลช่วย แต่ตอนนี้คาเอลเองรับศึกหนักอยู่ ขนาดคุณไลม์ที่เข้ามาช่วยก็ยังทำตัวไม่ถูกเลย

                “เห้ย… พวกนายน่ะ ไม่เห็นหรือไงว่าอีกฝ่ายกำลังลำบากใจอยู่นะ”

                คุณไคระพูดขัดทุกคนด้วยเสียงเข้มจนทำให้คนอื่นๆชะงักไป

                “ให้ตายสิ โอกาสจะได้คุยกันมันไม่ได้มีหนเดียวสักหน่อย ไปกดดันอีกฝ่ายแบบนี้วันหลังถูกเกลียดขึ้นมาฉันไม่รู้ด้วยนะ”

                ไม่คิดเลยว่าจะได้คนๆนี้ช่วย ขอขอบใจจริงๆ ตอนแรกนึกว่าดูจะเป็นคนที่ไม่สนใจใครเสียอีกนะเนี่ย

                “อ่า…พวกเราต้องขอโทษคุณมากิด้วยนะครับ”

                ““ขอโทษครับ””

                “พวกเราก็ต้องขอโทษคุณคาเอลด้วยนะคะ”

                ““ขอโทษนะคะ””

                คนที่มารุมล้อมผมกับคาเอลต่างก็ก้มหน้าขอโทษ

                “อะฮะฮะ ไม่เป็นไรหรอกครับทุกคน ขอบคุณคุณไคด้วยนะครับ”

                “อืม ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

                “ถ้าอย่างนั้นวันนี้พวกเราไม่กวนทั้งสองคนแล้วครับ ทั้งสองคนคงจะอึดอัดเพราะพวกเราในวันนี้แล้ว วันพรุ่งนี้เราค่อยทำความรู้จักกันนะครับ ส่วนพวกเราจะไปทำความรู้จักกันเอง แล้วนัดแนะการเข้าหาทั้งสองคนใหม่อีกที ไปก่อนนะครับ!”

                แล้วทั้งชายทั้งหญิงที่เข้ามาหาผมกับคาเอลต่างก็เดินออกไป

                แล้วไอ้ประโยคนั้นมันหมายความว่ายังไงน่ะ ไม่เข้าใจความคิดพวกเขาเลยแฮะ…

                “ถ้าอย่างนั้น ชั้นเองก็ขอไปทำความรู้จักกับพวกเขาบ้างนะคะ”

                คุณไลม์พูดแบบนั้นแล้วก็เดินออกไป อาจจะเป็นเพราะกลัวที่จะคุยกับคุณไคระและไอร่าล่ะมั้ง เพราะตอนนี้ทั้งห้องก็เหลือแค่สี่คน

                จะว่าไงดี ตอนนี้บรรยากาศน่าอึดอัดจริงๆ เพราะคุณไคระก็ดูจะไม่ได้อยากคุยอะไรเท่าไหร่ ส่วนคุณไอร่าเนี่ยไม่ต้องพูดถึง ผมต้องคุยกับเธอยากแน่ๆเลยล่ะ

                แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะนะ ผมขอลองคุยกับไอร่าดูหน่อยก็แล้วกัน ผมจึงสะกิดคาเอลให้คุยกับไคส่วนผมจะคุยกับไอร่า

                “คุณไคระครับ เมื่อกี้ขอบคุณมากเลยนะครับ จะว่าไปเป้าหมายนั่นก็สุดยอดเลยนะครับ”

                “อืม ก็นะ”

                คาเอลนี่ก็ดูชวนคนอื่นคุยเก่งดีนี่นา ถ้าอย่างนั้นผมใช้โอกาสนี้เข้าไปคุยกับคุณไอร่าเลยแล้วกัน

                “เอ่อ…คุณไอร่าคะ คือว่า…”

                “ไอร่า”

                “คะ?”

                “เรียกชั้นว่าไอร่าก็พอ”

                นี่มันนางเอกนิยายเรื่องไหนสักเรื่องหรือไงเนี่ยนิสัยแบบนี้น่ะ

                “ถ้าอย่างนั้นจะเรียกชั้นว่ามากิเฉยๆก็ได้นะคะ”

                “อือ”

                “คือว่าเมื่อกี้นี้น่ะ สุดยอดไปเลยนะคะ การแนะนำตัวแบบนั้น ชั้นประทับใจมากเลยล่ะค่ะ”

                จะว่ายังไงดี สำหรับคนทั่วไปก็อาจจะคิดว่ามันทำให้ดูไม่น่าเข้าหา แต่สำหรับผมที่เคยเห็นอะไรแบบนี้ในฉากหนึ่งของนิยายหรือในอนิเมะมันก็เลยไม่แปลกเท่าไหร่ แถมยังทำให้ประทับใจที่มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆด้วยซ้ำล่ะนะ

                “อะ..อื้ม แต่ถึงเธอจะชม ชั้นก็ไม่ได้ดีใจหรอกนะ”

                สรุปคือเป็นสาวซึนสินะ

                “เราอาจจะเพิ่งรู้จักกัน แต่ขอถามหน่อยนะคะ”

                “ว่า”

                “เป้าหมายของไอร่าคือการขึ้นสู่จุดสูงสุดของที่นี่ เพราะอะไรเหรอคะ”

                ไอร่าเงียบอยู่สักพักก่อนจะตอบผมกลับมา

                “ชั้นแค่…อยากพิสูจน์ตัวเอง แค่นั้นแหละ”

                “สุดยอดไปเลยนะคะ ตัวชั้นเองมีเป้าหมายแค่อยากจะผจญภัยเองค่ะ”

                ถึงจะบอกว่าผจญภัย แต่ผมถูกส่งมาเป็นเก้าหางนี่นะ คงต้องทำอะไรหลายๆอย่างเลยล่ะ แต่มันไม่ใช่ความฝันของผมสักหน่อยนี่นะ เหมือนงานมากกว่าอีก

                “ขอบใจ แต่ก็อย่าลืมซะล่ะ ว่าชั้นจะขึ้นเป็นจุดสูงสุดของที่นี่ และชั้นก็ไม่ได้สนใจใครทั้งนั้น”

                “รับทราบค่ะ ถ้ายังไงชั้นก็หวังว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะคะ”

                ผมพูดเสร็จก็ลุกเดินออกไปหาคาเอล

                นอกจากคาเอลแล้ว ผมก็คุยกับคนในวัยเดียวกันไม่เก่งเลยจริงๆด้วยแฮะ หรือว่าบางทีผมอาจจะมีเพื่อนได้แค่คนเดียวซึ่งก็คือคาเอลจริงๆน่ะ

                ไม่สิ หรือว่าคาเอลเองก็จะหาเพื่อนได้แล้วจะจากผมไปหรือเปล่านะ

                แต่ไม่หรอก ก็คาเอลน่ะบอกผมไว้ตั้งแต่ตอนเช้าแล้วนี่นะว่าต่อให้เราเข้ากับใครไม่ได้ก็จะยังมีกันและกันเสมอ

                “โอ้ นั่นน่ะน่าสนใจมากเลยนะครับ เริ่มอยากเข้าคาบเรียนแล้วนะครับเนี่ย”

                ผมยืนรอข้างหลังคาเอลก่อนก็แล้วกัน ปล่อยให้สองคนนี้คุยกันจนเสร็จก่อนก็ดีล่ะนะ

                “อืม เพื่อนนายมาหาแล้วน่ะ”

                คุณไคระพูดเสร็จก็ชี้มาทางผม

                “เสร็จแล้วเหรอครับมากิ เป็นยังไงบ้างครับ”

                “อื้ม ก็..นะ”

                จะบอกว่าล้มเหลวก็เหมือนจะได้ แต่จะบอกว่าเป็นเพื่อนกันแล้วก็ได้อยู่ล่ะมั้ง อย่างน้อยก็ไม่ต้องเรียกคุณล่ะนะ ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าไม่สนใจใคร แต่เพราะว่าเป็นสาวซึนก็เลยไม่รู้ว่านั่นพูดจริงพูดเล่น

                “ถ้าอย่างนั้น… ไค นอกจากจะเป็นเพื่อนกับผมแล้ว ช่วยเป็นเพื่อนกับมากิด้วยนะครับ”

                คาเอลพูดเสร็จก็จับมือของผมเอาไว้แล้วก้มหัวให้ไคเพื่อขอร้อง

                อ๊ะ เรื่องแบบนี้ผมควรจะเป็นคนเข้าหาเองไม่ใช่เหรอ แล้วแบบนี้มันจะไม่ทำให้เหมือนผมกับคาเอลเข้ากับคนอื่นไม่ค่อยเป็นเหรอเนี่ย

                “อืม ได้สิไม่มีปัญหา ว่าแต่พวกนายสองคนคบกันอยู่เหรอ”

                แม้แต่คุณไคระเองก็คิดแบบนี้สินะเนี่ย…

                “เอ่อ…คุณไคระคะ พวกเรารู้จักกันมาก่อนอยู่แล้วน่ะค่ะ แถมคาเอลก็มาที่บ้านเพื่อเรียนกับชั้นบ่อยๆเลยสนิทกันน่ะค่ะ”

                “อ้อ เห็นจับมือกันได้ไม่ติดขัดก็นึกว่าคบกันซะอีก เอ้อ ไม่ต้องเรียกชั้นว่าคุณ เรียกว่าไคก็พอ”

                “ค่ะ”

                เหมือนคำขอของคาเอลจะได้ผลแฮะ ได้เพื่อนสองคนแล้วล่ะเยส!

                “หลังจากนี้ไคมีแผนจะทำอะไรต่อหรือเปล่าครับ”

                “คงเดินสำรวจที่นี่อีกสักครั้งน่ะ ถ้ายังไงพวกนายก็ไม่ต้องตามชั้นมาหรอก ชั้นมีธุระต้องทำอยู่น่ะ”

                “ครับ ถ้าอย่างนั้นขอให้โชคดีนะครับ ไปกันเถอะครับมากิ”

                “ไปก่อนนะคะ ไค ไปก่อนนะคะไอร่า”

                ทั้งสองคนพยักหน้าไม่พูดอะไร จากนั้นผมกับคาเอลก็เดินกลับไปที่หอด้วยกัน โดยปล่อยทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน

                คงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง

                

                “อาาา เหนื่อยจังเลย หาเพื่อนมันยากขนาดนี้เลยเหรอ”

                “นั่นสินะครับ แต่เราสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ตอนนั้นไม่รู้สึกยากขนาดนี้เลยสักนิด”

                “นั่นสิน้า ก็ตอนนั้นจังหวะมันได้ล่ะมั้ง แถมนายน่ะน่ารักสุดๆไปเลยนี่นา ก็เลยไม่ยากยังไงล่ะ”

                “ฮะๆ”

                “วันนี้นายอยากกินอะไรหรือเปล่า จะให้เยอะเป็นพิเศษเลย เพราะนายอุตส่าห์ช่วยชั้นหาเพื่อนได้น่ะนะ”

                “อืม…ข้าวหมูกรอบหมูแดงคงจะดีไม่น้อยเลยล่ะครับ”

                “ได้เลย”

                ใครจะคิดว่าการหาเพื่อนมันจะยากขนาดนี้กันนะ เอาเป็นว่าก็ต้องขอขอบคุณคาเอลจริงๆนั่นแหละ ที่อย่างน้อยก็ทำให้ผมมีความกล้าในการเข้าหาคนอื่นล่ะนะ

                หลังจากนั้นผมก็ทำอาหารให้คาเอลกิน อาบน้ำและเข้านอนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเรียนวันถัดไปที่คงจะยุ่งยากน่าดู

 

 

 

—-

Comment

Options

not work with dark mode
Reset