และแล้วก็มาถึงการเรียนจริงๆวันแรก น่าตื่นเต้นสุดๆ แถมคราวนี้ผมยังใส่ชุดที่ผมใส่ประจำมาเรียนด้วย หวังว่าที่นี่จะไม่มีค่านิยมในการใส่เสื้อผ้าให้ไม่ซ้ำกันนะ
ระหว่างทางเดินไปที่ห้องเรียน ก็จะเห็นคนหลายๆคนแต่งชุดธรรมดาเป็นผ้าฝ้ายเพื่อเข้าเรียน แต่ก็มีนักเรียนบางคนที่ใส่ชุดเครื่องแบบเช่นกัน
แต่ใส่ชุดเครื่องแบบที่เขาให้มาแค่ชุดเดียวมันไม่ต้องซักทุกวันเหรอ
ไม่สิ บางทีอาจจะเป็นเหมือนกับชุดของผมที่สามารถทำความสะอาดตัวเองได้
อืม…โยนใส่ตะกร้าสำหรับซักผ้าไปแล้วสิ
ไว้ค่อยกลับไปดูก็แล้วกันว่ามันกลับมาสะอาดเหมือนเดิมได้หรือเปล่า ไม่อย่างนั้นก็คงต้องซัก เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นผ้าแบบเดียวกับชุดของผมหรือเปล่าล่ะนะ
ส่วนคาเอลใส่ชุดอะไรน่ะเหรอ…
ก็ชุดแบบชาวบ้านในต่างโลกนั่นแหละ
เรียกง่ายๆว่า ชุดผมดูฉูดฉาดที่สุดแล้วล่ะนะ
พอผมไปถึงที่ห้องเรียน ก็ได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนเดียวที่แต่งชุดฉูดฉาด
เพราะไอร่าเองก็แต่งชุดคล้ายๆกับของผม
ไม่สิแค่ลายต่างกันนิดหน่อย
พอผมมองไอร่าไม่นานไอร่าก็สบตากับผมแล้วทำสีหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง
นี่ผมไปตีซี้เมื่อวานมากไปหน่อยเลยโกรธอย่างนั้นเหรอ
“สวัสดีค่ะทุกคน”
“สวัสดีครับ”
ผมกับคาเอลเดินเข้าห้องพร้อมกล่าวทักทายกับคนอื่นๆ
พอผมกับคาเอลทักทายไปเกือบทุกคนหันมาทางผมและคาเอลพร้อมกันจนผมแอบสะดุ้ง
““สวัสดีครับคุณมากิ!””
““สวัสดีค่ะท่านคาเอล!””
น่ากลัวชะมัด!
แต่ถึงพวกเขาจะทักทายมาแบบนั้น สุดท้ายก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นแล้วก็หันกลับไปคุยกันเหมือนเดิม
แปลกใจนิดหน่อยแฮะ นึกว่าจะมารุมเหมือนเมื่อวานเสียอีก
แต่ก็ดีแล้วล่ะ ไม่วุ่นวายดี
หรือว่าพวกเขาจะเกลียดผมเข้าให้แล้วกันนะ…
ไม่หรอกมั้ง ถ้าเกลียดกันเขาก็คงจะเมินผมตอนทักทายไปแล้วแหละ
ช่างเถอะ คิดมากไปมีแต่จะหัวเสียเอาเปล่าๆ
ผมกับคาเอลเดินเข้าไปนั่งที่ของตัวเองเพื่อวางของจากนั้นก็แยกกันไปทักทายคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าการเข้าหาคนอื่นเป็นยังไง เพราะฉะนั้นค่อยเป็นค่อยไปแล้วกัน หวังว่านี่จะเป็นวิธีที่ถูกนะ
“สวัสดีค่ะไอร่า”
“ชิ หวัดดี มีอะไร”
ไอร่าเดาะลิ้นแล้วทำหน้าไม่พอใจตอบผม
น่ากลัวชะมัดเลยแฮะ นี่ผมคิดถูกหรือเปล่านะที่พยายามจะสนิทกับคนๆนี้
“อ๋อ… อะฮะๆ แค่มาทักทายน่ะค่ะ ปกติไอร่าชอบทานอะไรหรือเปล่าคะ”
ต้องเป็นมิตรเข้าไว้ ถ้าถามเรื่องอาหารที่ชอบ เด็กอายุประมาณนี้น่าจะตอบรับง่ายหรือเปล่านะ
“เธอจะอยากรู้เรื่องของชั้นไปทำไม ชั้นบอกแล้วว่าชั้นไม่สนใจใครทั้งนั้น อย่ามายุ่ง”
ไอร่าพูดใส่ผมเสียงดังดูน่ากลัวจนทั้งห้องเงียบลงพร้อมกัน
“…ขอโทษค่ะ”
เมื่อวานผมคงจะได้ใจไปหน่อยเพราะคิดว่าหลายๆคนชอบผมถึงได้มารุมอยากจะคุยด้วย
ทั้งๆที่ผมก็น่าจะรู้อยู่แล้วแท้ๆ รู้สึกแย่ชะมัดเลย
คาเอลที่ได้ยินไอร่าพูดใส่ผมแบบนั้นก็ลุกขึ้นพร้อมทำท่าเหมือนจะเข้าไปคุยกับไอร่าด้วยสีหน้าหงุดหงิด ส่วนไคก็นั่งมองผมกับไอร่าเงียบๆ
ผมกลับไปนั่งลงที่ที่นั่งของตัวเองพร้อมถามตัวเองว่า ทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว ว่าอาจจะมีอะไรแบบนี้ ถึงได้ยังดันทุรังเข้าไปคุยด้วย
แถมพออีกฝ่ายตวาดเสียงดังใส่แล้วยังมานั่งเศร้าอีก
ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วแท้ๆ…
“มากิครับ…ไม่เป็นไรนะ”
คาเอลพูดถามผมพร้อมเอามือแตะไหล่ของผมเพื่อปลอบใจ
“อือ…ไม่เป็นไร…”
จู่ๆผมก็รู้สึกว่าที่ดวงตาของผมทั้งสองข้างมันชื้นขึ้นก่อนที่มันจะไหลออกมา
นี่ผมร้องไห้เลยเหรอเนี่ย…ถ้าเป็นตัวผมในโลกเดิม แน่นอนว่าถ้าโดนพูดใส่แบบนี้ก็คงเศร้าอยู่แล้วแน่นอน แต่ก็ไม่ถึงกับร้องไห้
แต่พอเป็นตัวผมในตอนนี้ น้ำตามันไหลง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ
ไม่รู้สึกเป็นตัวเองเท่าไหร่เลยแฮะ
“อ๊ะ มากิอย่างร้องไห้เลยนะครับ หวาๆ”
คาเอลโอบผมพร้อมกับลูบหลังเบาๆเพื่อปลอบใจ
คาเอล คือที่เศร้านั่นก็ถูกนะ แต่นายจะทำแบบนี้กับร่างกายของเด็กผู้หญิงมันก็…นะ
แต่…อ่อนโยนจังเลยนะเจ้าหมอนี่
ไม่เป็นไรไอร่า! ผมไม่ง้อเธอหรอกนะ เพราะผมมีคาเอลอยู่ยังไงล่ะ!
ผมคิดเช่นนั้นพร้อมเหลือบมองไปทางไอร่า
ในตอนนี้ไอร่ากำลังทำท่าเหมือนรู้สึกผิดอยู่ แต่พอผมสบตาเข้าก็สะบัดหน้าหนี
อ้าว จริงๆแล้วก็รู้สึกผิดนี่นา เอาเถอะ แสดงว่า ถ้าผมทนรับคำพูดของไอร่าได้ เราก็จะเป็นเพื่อนกันได้ และผมก็รู้สึกเหมือนกับว่า ถ้าเราคุยกันดีๆได้ เราจะเข้ากันได้ดีเลยล่ะ!
ตอนที่ผมคิดแบบนั้น เด็กผู้หญิงหลายๆคนก็เดินเข้ามาหาผมเพื่อปลอบใจ และบางคนยังไปยืนต่อหน้าไอร่าด้วยสีหน้าไม่พอใจ หนึ่งในนั้นคือไลม์
“ขอโทษคุณมากิเดี๋ยวนี้เลยนะคะคุณไอร่า!”
“ชิ อะไรกัน ชั้นก็ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่บอกว่าอย่ามายุ่ง และชั้นก็เคยบอกไปแล้ว ชั้นผิดหรือไง”
“แต่ว่าคุณไม่รักษาน้ำใจของคนอื่นเลยนะคะ!”
“ชั้นเคยบอกแล้ว เพราะอย่างนั้น ชั้นไม่สน”
บรรยากาศในห้องเริ่มตึงเครียดหลังไลม์กับไอร่าทะเลาะกันเสียงดัง
เด็กเจ็ดขวบที่โลกนี้ช่างต่างกับโลกเก่าของผมเหลือเกิน แต่เทียบเกฑณ์ของโลกนี้แล้ว อีกสามปีก็คือวัยรุ่นแล้ว ถือว่าไม่แปลกสำหรับที่นี่ล่ะมั้ง
“ไม่เป็นไรค่ะ ชั้นไม่เป็นไรแล้วค่ะคุณไลม์ สบายใจเถอะค่ะ”
ผมพูดพร้อมพยายามยิ้มให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด
“ถ้าคุณมากิว่าอย่างนั้นล่ะก็…”
“หึ!”
สุดท้ายทั้งสองก็ยอมแยกกันจนได้ ไม่ว่ายังไงเด็กเจ็ดขวบสำหรับผมในที่นี่มันก็แปลกเกินไปจริงๆนั่นแหละ โลกเก่าผมถือว่าเรายังไม่รู้อะไรมาก การจะทำแบบนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลยในวัยเท่านี้ ไม่ว่ายังไงสำหรับผมมันก็แปลกอยู่ดี เหนื่อยจัง
“นี่ๆ คุณมากิ รู้ไหมคะว่าไอร่าน่ะเป็นคนที่ร่ายเวทย์ไฟใส่รุ่นพี่ในช่วงก่อนเข้าเรียน ชนิดที่ว่าต้องตามนักเวทย์ที่ถนัดเวทย์รักษามารักษาด่วนเลยนะคะ เพราะฉะนั้น เราควรจะอยู่ห่างไอร่าเอาไว้ดีกว่าค่ะ”
หนึ่งในเด็กผู้หญิงที่เดินเข้ามาปลอบผมกระซิบเล่าเรื่องให้ผมฟัง
และด้วยความที่ไอร่าเป็นเผ่าจิ้งจอกก็เลยได้ยินเรื่องที่กระซิบให้ผมฟัง และเมื่อไอร่าได้ยินดังนั้น หูและหางของไอร่าก็ลู่ลงด้วยความเศร้า
ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า ไอร่าคือคนที่เขาพูดถึงกันในวันที่ผมกับคาเอลกลับมาจากการซื้อของสินะ นั่นคือคนที่ผมพยายามจะหลีกเลี่ยงในตอนแรก แต่ว่าพอผมได้เห็นไอร่าในตอนนี้แล้วรู้สึกสงสารเธอจริงๆแฮะ
ผม ผมน่ะตั้งใจจะใช้ชีวิตใหม่ในโลกใบนี้ ใช้ให้ดีกว่าเดิม ผจญภัย มีเพื่อน มีเงิน มีความสุข และเอาใจใส่ครอบครัว หลังจากที่ผมได้เกิดใหม่ ได้เจอพ่อแม่ คุณชิโระคุณคุโระ คุณยูริและคาเอล ผมตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะทำในสิ่งที่ตัวผมไม่เคยทำ และไม่กล้าทำในชาติก่อน
ถึงเมื่อกี้ผมจะหมดความมั่นใจในตัวเองพอสมควร แต่ตอนนี้ผมตัดสินใจแล้ว ว่าจะเปลี่ยนตัวเอง ถึงมันจะต้องใช้เวลา แต่ผมก็จะเปลี่ยน ค่อยๆเปลี่ยนนั่นก็เป็นเรื่องที่ดีต่อตัวผมเหมือนกัน ผมจะไม่กลัวการเข้าหาคนอื่นแบบตัวผมในชาติก่อนอีกแล้ว
หลังจากเหตุการณ์สงบลงไปสักพัก อาจารย์ก็เข้ามาสอนในที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าการเรียนนั้น ไม่ยากเลยสักนิด
ขอโทษนะอาจารย์ การบวกลบเลขหลักร้อยน่ะ ไม่ทำให้ผมเหงื่อออกหรอกนะ
และในหลายๆวิชา ผมก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ทำให้ผมตอนเรียน ไม่ได้สนใจเท่าไหร่…
เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ห้ามทำตามนะคะ
ซึ่งผมก็เอาเวลานี้ไปคิดวางแผนการใช้เงินอยู่ แต่ก็ได้แค่คิดคำนวณคร่าวๆว่าอาทิตย์นึงจะใช้จ่ายเท่าไหร่ จนกว่าจะผ่านไปหนึ่งสัปดาห์หรือไม่ก็หนึ่งเดือน ผมอาจจะต้องวางแผนวันต่อวันไปก่อน
และในที่สุดก็ถึงเวลามื้อกลางวันที่ผมทำข้าวกล่องมาสำหรับตัวผมและคาเอลเพื่อประหยัดตัง
หลายๆคนก็พยายามจะชวนผมกับคาเอลไปกินที่ร้านอาหารด้วยกัน แต่ผมก็ปฏิเสธไป เพราะอยากจะประหยัดตัง
ทำแบบนี้ ผมกับคาเอลจะห่างเหินกับคนอื่นๆเอาหรือเปล่านะ
“โอ้ พวกนายห่อข้าวมากินด้วยเหรอ น่าสนใจดีนี่”
“ไคสนใจมากินด้วยกันหรือเปล่าครับ”
“วันนี้คงไม่ล่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปซื้อตอนเช้าแล้วเก็บมากินด้วยกันตอนเที่ยงก็แล้วกัน ว่าแต่ทำเองเหรอ”
“ใช่ครับ แต่คนที่ทำน่ะ คือมากิครับ ผมมีหน้าที่แค่กิน ฮะๆๆ”
ก็รู้ตัวนี่นาคาเอล
“โอ้ งั้นเหรอ สุดยอดเลยนะ ฉันได้ยินมาว่าพวกขุนนางของเผ่ามนุษย์จะใช้เงินฟุ่มเฟือย แต่ดูเหมือนทั้งสองคนจะไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ”
“อาจจะดูน่าอาย แต่เป็นเพราะว่าตัวชั้นเองก็เพิ่งรู้ไม่กี่วันนี่เองค่ะ ว่าเป็นลูกของขุนนาง ก็เลยไม่ได้ขอเงินมาเยอะเท่าไหร่”
จะบอกไปว่าผมกับคาเอลใช้เงินด้วยกันเพราะคาเอลไม่มีตังมันก็คงยังไงๆอยู่ล่ะนะ
“พวกเราก็เลยใช้เงินร่วมกันน่ะครับ”
คาเอล!
“อย่างกับคู่สามีภรรยากันเลยนะ ช่างเถอะ ฉันไปหาอะไรกินก่อน เจอกันคาบบ่าย”
ไคพูดเสร็จก็เดินออกไปโดยมีผมและคาเอลโบกมือส่งด้านหลัง
จะว่าไป ดูเหมือนว่าไลม์จะออกไปหาอะไรกินแล้ว ไอร่าก็เหมือนจะออกไปหาอะไรกินเหมือนกัน สุดท้ายทั้งห้องก็เลยเหลือแค่ผมกับคาเอล
“อร่อยไหม นี่ชั้นเพิ่งทำข้าวกล่องครั้งแรกเลย หวังว่าจะพอถูกปากนายนะ”
“ให้กินแบบนี้ทั้งปียังไหวครับ”
“เกินไป”
“ผมพูดจริงนะครับ ฮ่าๆ”
“เวลากินข้าวก็อย่าพูดไปกินไปสิ! โถ่”
“ขอโทษครับขอโทษ แล้วมากิตอนนี้โอเคหรือยังครับ”
คาเอลมองผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“อื้ม ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวชั้นจะเล่าให้ฟังตอนเรากลับห้องกันแล้วนะ”
“ถ้ามากิว่ามาอย่างนี้ ก็คงไม่เป็นอะไรจริงๆล่ะนะ”
“อื้ม อ๊ะ เดี๋ยวสิคาเอล ไม่ต้องตักหมูของนายมาแบ่งชั้นหรอกน่า”
“กินเยอะๆเพื่อชดเชยน้ำตาที่ไหลออกมาครับ”
“โถ่…”
เมื่อกินเสร็จผมก็เตรียมตัวโดยการไปรอที่สนามฝึกในเพื่อเตรียมเรียนวิชาภาคบ่ายซึ่งก็คือ ฝึกการต่อสู้
ก็หวังว่าผมจะไม่โดนใครท้าทายเอานะ
ถึงผมจะคิดว่าตัวเองมีฝีมือมากพอเพราะได้ฝึกกับมอนส์เตอร์มา แต่ก็คิดว่าคนอื่นๆก็คงจะเหมือนกัน
หวังว่าผมจะไม่มีเรื่องกับไอร่าในคาบบ่ายนะ ไม่อย่างนั้นคงจะพลาดโอกาสเป็นเพื่อนกันแน่เลยล่ะ
—–