ผมเกิดใหม่เป็นจิ้งจอกสาวเก้าหาง – ตอนที่ 25: เบื่อยังไงให้เจอเรื่องสนุก

                ผมไม่ไหวแล้ว

                ใช่ ผมไม่ไหวแล้ว หลังจากที่เข้าเรียนที่นี่มากว่าสี่เดือน เวทย์มนต์ของผมนั้นไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นเลยสักนิด

                ก่อนหน้านี้ที่ฝึกสู้จริงๆหลังจากคุณยูริเดินทางไปแล้วก็รู้สึกคล่องขึ้นนิดหน่อย และก็คาดหวังไว้ว่าการที่ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนนี้จะทำให้ก้าวหน้าขึ้นอีก

                แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นเลย บางทีอาจจะเป็นเพราะผมคาดหวังเอาไว้มากเกินไปหน่อย

                ถ้าคิดดูดีๆก่อนหน้านี้คุณยูริก็บอกว่าผมเป็นจอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่อายุน้อยที่สุด นั่นก็เลยทำให้ผมถึงทางตันเร็วกว่าคนอื่นหรือเปล่านะ

                แต่เพราะการที่เวทย์มนต์ของผมมันไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นเลยก็เลยทำให้ผมใช้เวลากับการฝึกดาบมากขึ้นแทน

                ซึ่งนั่นก็เป็นประโยชน์ให้กับผมพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากจะให้เวทย์มนต์ของผมพัฒนามากกว่าอยู่ดี

                “วันนี้ได้อยู่ที่นี่ทั้งวันเลยสินะครับ”

                “อือ ก็อยู่จนกว่าจะรวมหนังสือที่น่าสนใจจนครบล่ะนะ”

                ใช่แล้ว เพราะอย่างนั้นตอนนี้ผมก็เลยมาที่ห้องสมุดกับคาเอลเพื่อหาอะไรที่น่าจะพอช่วยทำให้เวทย์มนต์ผมพัฒนาขึ้นได้

                ถึงจริงๆจะเคยมาบ้างก็เถอะ แต่ครั้งนี้คือวันหยุดก็คงจะมาได้นานหน่อย

                “เอาล่ะ เราแยกกันไปหาหนังสือที่ตัวเองสนใจแล้วหยิบมานั่งอ่านด้วยกันนะ”

                “ได้ครับ”

                ถ้าอย่างนั้นก็ต้องไปที่หมวดหนังสือเวทย์

                ทำไมมันถึงมีไม่กี่เล่มเองล่ะเนี่ย ชั้นหนังสือมีทั้งหมดสิบสองชั้น แต่หนังสือเวทย์มีทั้งหมดสองชั้น และพอเดินดูทั่วๆแล้วก็มีแค่ที่ตรงนี้เท่านั้น

                รู้สึกท้อแท้ยิ่งกว่าเดิมอีก

                อะ อย่างน้อยก็หาอะไรไปอ่านหน่อยก็แล้วกัน

                “รากฐานเวทย์มนต์หนึ่ง…สอง…ก็น่าจะใช้ได้ล่ะมั้ง”

                แต่ทำไมมันถึงต้องไปอยู่ที่ชั้นสิบด้วยล่ะเนี่ย แล้วเด็กอย่างผมจะขึ้นไปเอายังไงกันล่ะเนี่ย แบบนี้มันทำให้เด็กหาความรู้ยากขึ้นชัดๆ

                เอื้อมก็ไม่ถึง จะปีนก็ไม่ได้ กระโดดเอาก็ได้อยู่ เสียงดังครั้งเดียวคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

                พอผมกระโดดหยิบหนังสือด้านบนก็ยังคงคว้าพลาดแถมพอลงพื้นดันลงไม่ดีจนทำให้เท้าแพลงอีก แย่ชะมัด

                แย่เลยแฮะ เสียงก็ดังหนังสือก็ไม่ได้แถมยังข้อเท้าแพลงอีก ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้ล่ะเนี่ย ปกติก็ไม่พลาดอะไรแบบนี้แท้ๆ

                “มากิครับ อยู่ไหนล่ะเนี่ย…อ้าว! มากิเป็นอะไรไหมครับ”

                “ไม่เป็นอะไรๆ แค่จะหยิบหนังสือแต่มันสูงไปน่ะ พอจะกระโดดหยิบก็ไม่ได้แถมยังลงมาเท้าแพลงอีก แต่ไม่เป็นไรแล้ว”

                ผมใช้เวทย์รักษาที่ข้อเท้าและลุกขึ้นมาปัดฝุ่นตามตัวพร้อมยิ้มให้คาเอล

                “ผมก็ว่าอยู่ รอสักพักแล้วแต่ได้ยินเสียงดังเลยเดินมาดู มากินี่เอง”

                “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ เล่มนั้นอะ ช่วยหน่อยสิ”

                “สูงนะครับนั่น จะให้ผมช่วยยังไงล่ะครับเนี่ย”

                “อุ้มชั้นขึ้นไปไง”

                “ห้ะ”

                “อุ้มชั้นขึ้นไปไง งงอะไรล่ะ”

                “แต่ว่า… ก็ได้ครับ”

                คาเอลกอดสะโพกของผมไว้แล้วยกตัวผมขึ้น

                ถึงพอดีเลยแฮะ อีกนิดก็ไม่ถึงแล้ว เอาล่ะเล่มหนึ่งกับเล่มสอง

                “เรียบร้อย เสร็จแล้วล่ะคาเอล”

                พอคาเอลปล่อยตัวผมลงพื้นก็หน้าแดงนิดหน่อยและคิดอะไรบางอย่างอยู่

                ที่หน้าแดงนั่น…เพราะผมตัวหนักหรือเปล่านะ

                “อันที่จริงเราเรียกบรรณารักษ์ช่วยหยิบให้ก็ได้นี่ครับ”

                “เอ่อ…อืม นั่นสินะ แต่ให้นายช่วยชั้นรู้สึกดีกว่านี่นา แถมเมื่อกี้ก็เพิ่งทำเสียงดังไปเอง ไปกันเถอะ”

                ผมตัดบทเรื่องที่คุยอยู่และเดินไปหาโต๊ะนั่งและเริ่มอ่านหนังสือ

                พออ่านหนังสือไปพักใหญ่ๆคาเอลก็เริ่มพลิกหน้ากระดาษไปมาเหมือนกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่

                “ทำอะไรน่ะคาเอล”

                “ผมกำลังจำส่วนต่างๆของมอนส์เตอร์อยู่น่ะครับ พอคิดว่าจำได้แล้วก็เลยลองนึกๆว่าถูกไหมแล้วเปิดเทียบดูน่ะครับ”

                “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวชั้นช่วย ลักษณะเด่นของออร์คเป็นยังไง”

                “ผิวสีเขียวตัวใหญ่หัวคล้ายหมูป่ามีกล้ามแต่มีพุงครับ”

                “อื้ม ถูกต้อง แล้วลักษณะเด่นของหมูป่าไม้ล่ะ”

                “ขนาดเท่าเกวียนผิวหนังแข็งเหมือนเปลือกไม้สีช่วงตัวเองก็คล้ายกับเปลือกไม้ครับ”

                “อื้อ ถูกต้อง เก่งมากเลยคาเอล”

                ผมพูดพร้อมลูบหัวคาเอลเล่น

                “ถ้าอย่างนั้นคงต้องให้รางวัลผมด้วยนะครับ”

                “อยากกินอะไรล่ะ”

                “คาโบนาร่าที่มีเบค่อนกับชีสเยอะๆครับ”

                “ค่าๆ”

                และเย็นวันนั้นคาเอลก็ได้รางวัลตามนั้นและยังเพิ่มพิเศษอีก

                “นี่ เบค่อนสำหรับสามวัน จากนี้ก็อดเอานะคาเอล”

                “อ้าว ไม่นะ! เบค่อนของผมม!”

                

 

                

 

                “ไอร่าคะ เมื่อวันก่อนชั้นไปห้องสมุดมาแล้วเจอหนังสือชุดหนึ่งน่าสนใจด้วยค่ะ เป็นรากฐานเวทย์มนต์ น่าจะช่วยให้ไอร่าร่ายเวทย์ได้ไวขึ้นอีกนิดหน่อยนะคะ ถ้าชั้นยืมเสร็จแล้วไอร่าเอาไปยืมอ่านต่อได้เลยนะ”

                “งั้นเหรอ ขอบใจที่บอกนะ ว่าแต่ชั้นล่ะเหลือเชื่อจริงๆว่าเรียนมาตั้งสี่เดือน วิชาเวทย์มนต์จะสอนแต่เรื่องง่ายๆ”

                “ใช่ไหมล่ะคะ ได้ยินมาว่าเพราะเราสองคนเรียนเวทย์นำคนอื่นไปไกลแล้วห้องอื่นก็เริ่มเขม่นเราสองคนแล้วนะคะ”

                “ไอ้วัฒนธรรมที่บอกว่าแต่ละห้องจะต้องไม่ถูกกันมันเริ่มมาจากไหนกันนะ”

                ตอนนี้ผมกับไอร่ากำลังคุยกันระหว่างเดินกลับจากห้องเรียนประวัติศาสตร์ด้วยกัน

                “ก็คงมีคนทำอะไรเอาไว้ล่ะมั้งคะ ถึงได้เป็นอย่างนี้”

                “แฟนเธอก็เหมือนกัน เตะบอลเก่งจนผู้หญิงห้องอื่นๆปลื้มทำเอาผู้ชายห้องอื่นๆเกลียดหมอนั่นกันหมดแล้วนะ”

                “เอ๋… คาเอลไม่ใช่แฟนนะคะ เราแค่สนิทกันมากๆเท่านั้นเอง”

                “แหม ชั้นยังไม่ได้บอกเลยนะว่าใคร”

                ไอร่าพูดพร้อมแสยะยิ้มด้วยใบหน้าชั่วร้าย

                “ก็แหม ใครๆก็แซวชั้นกับคาเอลนี่นา เพราะงั้นก็ต้องเดาได้อยู่แล้ว”

                ผมจำไม่ได้เลยแฮะว่าเด็กประถมที่โลกเก่าเองก็แก่แดดแบบเด็กในโลกนี้แบบนี้หรือเปล่า เรื่องความรักความสัมพันธ์เป็นประเด็นตลอด

                “ชั้นว่าพวกนั้นไม่ได้แซวหรอก เธอกับคาเอลอยู่ด้วยกันทีไรชั้นนึกว่าอ่านวรรณกรรมรักเสียอีก”

                “คาเอลคงจะน่ารักมากเลยใช่ไหมล่ะคะถึงได้อิจฉาชั้นกันขนาดนั้น แต่พวกเราก็แค่เพื่อนกันเท่านั้นแหละค่ะ”

                “ก็บอกแล้วไงว่าน่ารักน่ะมันสำหรับเธอเท่านั้นแหละ สำหรับชั้นหรือคนอื่นๆหมอนั่นเหมาะกับคำว่าหล่อยิ่งกว่าอีก”

                เป็นอย่างนั้นหรอกเหรอ ไม่หรอกมั้ง คาเอลน่ะน่ารักจะตาย

                “ถ้าอย่างนั้นรุ่นน้องคนหล่อคนนั้นเขาเป็นอะไรกับพวกน้องเหรอ”

                จู่ๆกลุ่มรุ่นพี่ผู้หญิงจากที่ไหนไม่รู้สามคนโผล่มายืนดักหน้าผมกับไอร่าเอาไว้

                ตัวสูงจังแฮะ รุ่นพี่ปีสี่ขึ้นไปแน่เลย

                “ตอบมาสิ”

                รุ่นพี่คนทางขวาถามพวกผมอีกครั้ง

                “ใครเหรอคะ”

                “เด็กผู้ชายที่ตัวติดกับน้องตลอดนั่นไง”

                คราวนี้เป็นคนทางด้านซ้ายถาม ลิ่วล้อเรอะ

                “อ๋อ…คาเอลน่ะเหรอคะ เป็น…เพื่อนไงคะ ทำไมเหรอคะ”

                “พี่จะจีบน้องคนนั้น น้องคงไม่ว่าอะไรนะ”

                ให้ตายสิ ไม่คิดไม่ฝันว่าผมจะต้องเจอเรื่องแบบนี้ในชีวิต ยากจริงหนอแค่อยากขอใช้ชีวิตใหม่ดีๆ

                “ก็ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ”

                “ถ้าอย่างนั้นน้องจะช่วยพี่ด้วยได้ไหม”

                “เรื่องนั้นพี่ก็ทำเองสิคะ อีกอย่างชั้นเป็นเพื่อนสมัยเด็กของหมอนั่น และเพราะอย่างนั้นถ้าพี่จะจีบหมอนั่นจริงๆก็ต้องผ่านเพื่อนสมัยเด็กอย่างชั้นไปก่อนนะคะรุ่นพี่”

                ใช่แล้วล่ะ การจะจีบคนอื่นเนี่ยก็ต้องทำเองไม่ใช่ให้คนอื่นคอยช่วยเหลือสิ…ไม่หรอก ผมแค่พูดเอาเท่น่ะ เป็นผม ผมก็คงจะขอให้คนอื่นช่วย แต่เรื่องให้ผ่านผมก่อนน่ะเรื่องจริงนะ

                “หา? ต้องผ่านเธออย่างนั้นเหรอ เด็กปีหนึ่งกับพวกชั้นปีห้าเนี่ยนะ หึ!”

                เอ๊ะ ไม่ใช่สิ คือหมายถึงว่าต้องให้เพื่อนแสกนก่อนนั่นไง สมัยชาติที่แล้วของผมเพื่อนของผมตอนนั้นก็ให้แอบเช็คนิสัยคนที่มันเคยชอบตอนประถมอยู่นะ

                “สงสัยจะเป็นเรื่องแล้วล่ะมากิ แถวนี้อาจารย์ไม่อยู่ด้วย”

                “เอ๋…”

                “ลุยเลยเมร่า! พวกเราจะช่วยเอง!”

                รุ่นพี่สองคนด้านหลังชักดาบไม้แล้วเดินออกมาด้านหน้า

                “เดี๋ยวชั้นช่วยเองมากิ”

                “ไม่เป็นไรค่ะไอร่า ให้ชั้นจัดการเอง”

                เรื่องนี้มันเกิดจากการเข้าใจผิดที่เกิดจากคำพูดของผม ให้ไอร่าออกจากเรื่องนี้ดีกว่า ถ้าโดนอาจารย์ว่าขึ้นมา อย่างน้อยไอร่าก็จะไม่โดนไปด้วยล่ะนะ

                ถึงจริงๆถ้าไอร่าช่วยผมจะดีกว่าก็เถอะ

                รุ่นพี่สองคนพุ่งใส่ผมพร้อมกันทำให้ผมไม่มีโอกาสใช้ท่าเตะตัดขาประจำของผมแล้วเอี้ยวตัวหลบแทน

                พอผมเอี้ยวตัวหลบก็มีลูกบอลน้ำพุ่งมาทางผม

                ให้ตายสิไม่ได้พกดาบไม้มาเพราะเพิ่งเรียนวิชาในห้องด้วยสิ

                ผมใช้กำแพงดินอัดกระแทกรุ่นพี่ที่ใช้ดาบคนทางซ้ายจนดาบหลุดมือและทำให้บอลน้ำนั่นโดนกำแพงดินแทน

                “ไม่ร่าย!?”

                รุ่นพี่ที่แอบชอบคาเอลตะโกนเสียงหลง

                “ไม่ยอมถอยแสดงว่าก็คิดจะช่วยกันใช่ไหม!”

                “เอ้ย! ไม่ถอยไม่ได้แปลว่าจะช่วยนี่!”

                รุ่นพี่ที่ใช้ดาบคนด้านขวากำลังไล่ฟันไอร่า

                บ้าหรือยังไงกันน่ะ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันไม่ใช่หรือไง เมื่อกี้ก็คุยกันให้เห็นแล้วว่าไอร่าจะไม่ยุ่งด้วย แล้วทำไมถึงคิดไปทำร้ายเพื่อนผมกันล่ะ

                “รุ่นพี่คะ! คนที่มีปัญหากับรุ่นพี่มีแค่ชั้นค่ะ!”

                ผมร่ายเวทย์หวาดกลัวใส่รุ่นพี่ทั้งสามคนจากนั้นก็ก้มหยิบดาบไม้บนพื้นมาขูดกับกำแพงดินจนเกิดเสียง

                “รุ่นพี่คะ… คิดจะทำร้ายชั้นยังไม่พอ คิดจะทำร้ายเพื่อนชั้นอีกเหรอคะเนี่ย สุดยอดไปเลยนะคะ”

                ผมพูดลากเสียงยาวๆยิ่งทำให้ดูน่ากลัวในสายตารุ่นพี่เข้าไปใหญ่

                ผมเสกไฟบอลขึ้นมาที่ด้านหลังสามลูกจากนั้นก็ปล่อยใส่ข้างๆตัวของรุ่นพี่ทั้งสามคนและทำให้รุ่นพี่ที่อยู่ใกล้ๆไอร่าล้มก้นจ้ำเบ้าด้วยความกลัว

                “อุ๊ย ถ้าโดนเข้าจะเป็นยังไงกันนะ”

                ผมพูดเสร็จก็หัวเราะออกมาเพื่อสร้างบรรยากาศความน่ากลัวจากนั้นก็เดินไปทางรุ่นพี่ที่อยู่ใกล้ๆไอร่า

                “แขนนี้เนี่ยมันเป็นแขนที่จะฟันไอร่าใช้ไหมคะเมื่อกี้ ถ้าอย่างนั้นชั้นขอนะคะ เพราะของไม่ดีไม่มีดีกว่าเนอะ ฮะๆ”

                “ฮี่!?”

                ผมพูดเสร็จก็ฟันดาบลงพื้นใกล้ๆกับแขนของรุ่นพี่คนนั้น

                “อุ๊ย พลาด แย่จังเลยนะคะเนี่ย ถ้าเป็นชั้น จังหวะที่อีกฝ่ายพลาดชั้นจะรีบหนีนะคะ”

                “ปะ..ไปกันเถอะพวกเรา!”

                “อื้ออ!!”

                จากนั้นรุ่นพี่ทั้งสามคนก็รีบวิ่งหนีไป ก่อนที่จะวิ่งหนีไปไกลผมก็ร่ายเวทย์ผ่อนคลายให้รุ่นพี่ทั้งสามคนไม่อย่างนั้นคงมีอะไรฝังใจไปอีกนาน

                “มากิ…”

                “อะไรเหรอคะไอร่า ว่าแต่ ปลอดภัยใช่ไหมคะเนี่ย”

                “อืม แต่ว่านะ หยองโคตร”

                “อย่าพูดห่ามๆแบบนั้นสิคะไอร่าไม่น่ารักเลย”

                เวทย์ธาตุนี้เป็นธาตุที่ชอบที่สุดแต่เพราะมันค่อนข้างโหดร้ายเลยไม่ค่อยได้ใช้ เพราะอย่างนี้แหละทำให้ตอนที่ฝึกไม่เคยได้ใช้เลย

                “จะพูดอะไรก็เรื่องของชั้นน่า พวกเรารีบไปเถอะต่อไปวิชามอนนะ”

                “วิชานั้นชั้นสบายค่ะ ไม่รีบๆ”

                “ปัญหาคือคะแนนเข้าห้องต่างหากล่ะ ไปกันได้แล้ว!”

                จากนั้นพวกผมก็รีบเดินไปถึงห้องเรียนได้ทันก่อนที่อาจารย์จะมา

                ให้ตายสิเจ้าหมอนี่อายุแค่นี้แท้ๆแต่กลับมีผู้หญิงอายุมากกว่ามาชอบด้วยนะ รู้ไหมว่านั่นมันสร้างปัญหาให้ผมเนี่ย

                “เป็นอะไรหรือเปล่าครับมากิ เห็นใจลอยๆตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”

                “ไม่นี่ วิชานี้มันง่ายน่ะก็เลยคิดเรื่องการใช้เงินอยู่ อื้ม ตั้งแต่พรุ่งนี้นายกลับมากินเบค่อนได้แล้วล่ะ”

                “เยสส! ในที่สุด สามวันที่รอคอย!”

                แต่ว่าไม่บอกหมอนี่ให้รู้เรื่องนี้คงจะดีกว่า ถ้าบอกไปแล้วหมอนี่ก็คงรู้สึกผิดน่าดู และเป็นแบบนี้ผมเองก็รู้สึกสนุกดีเหมือนกัน

 

 

 

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset