ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) บทที่ 47 ขัดแย้งกับตระกูลซุนอีกครั้ง (2)
โจวแยเวยที่อยู่ตรงหน้ามีสถานะโสด เรียกได้ว่าเป็นสาวไฮโซทีเดียว
เมื่อหกปีก่อนโจวแยเวยหลังจากแต่งงานกับซุนเย่าเหวิน ก็ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งแก่เขา
ไก่เลยกลายเป็นหงส์ พ่อแม่ของเธอย้ายเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ที่ซุนเย่าเหวินซื้อให้ในซงไห่ น้องชายก็ยังได้เป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทที่อยู่ใต้ชายคาของตระกูลซุน อาจกล่าวได้ว่าเมื่อบุคคลหนึ่งบรรลุธรรม หมูหมากาไก่ก็พลอยได้ขึ้นสวรรค์ไปด้วย
เธอไม่เพียงแต่รู้จักเจียงเยว่ถงเท่านั้น แต่ยังรู้จักดีเสียด้วย!
แต่ไม่ใช่มิตรภาพที่ดีเท่าไรนัก
เริ่มจากเมื่อสี่ปีที่แล้ว เป็นปีแรกที่เจียงเยว่ถงเข้ามารับช่วงต่อบริหารบริษัทบริษัทฉีแย
เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เจียงเยว่ถงมีอายุเพียง 24 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่ดีที่สุดสำหรับผู้หญิง เธอเพิ่งเข้าสู่สังคมได้ไม่นาน อาจกล่าวได้ว่าเป็นสาวสวยบริสุทธิ์งดงาม บวกกับการที่มีรัศมีของตระกูลเจียงค้ำอยู่เหนือหัว มีอัจฉริยะหนุ่มนับไม่ถ้วนคอยไล่ตามจีบเธอ!
โจวแยเวยที่กลายเป็น ‘หงส์’ พรางตัวแนะนำน้องชายของเธอให้รู้จักกับเจียงเยว่ถง ขณะเดียวกัน ก็หวังว่าจะครอบงำซุนเย่าเหวินด้วยเรื่องในมุ้ง ให้ตระกูลซุนให้การสนับสนุนบริษัทฉีแยมากๆ
น่าเสียดายที่เจียงเยว่ถงไม่ตอบตกลง!
หรือพูดได้ว่า ไม่สนใจเธอเลย!
เจียงเยว่ถงอุปนิสัยเย็นชาและสง่างาม เธอเป็นคนแบบนี้ รู้ดีว่าน้องชายของโจวแยเวยเป็นคนแบบไหน!
ในเวลานั้นเจียงเยว่ถงเพิ่งเข้าครอบครองบริษัท และบริษัทฉีแยเป็นเพียงบริษัท เล็กๆ เท่านั้น หากต้องการก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก็ต้องการการลงทุนและความร่วมมืออย่างเร่งด่วนจากบริษัทและตระกูลขนาดใหญ่หลายแห่ง
เจียงเยว่ถง มีพรสวรรค์ด้านการค้ามาก แต่ก็มีกลุ่มธุรกิจระดับสูงมากมายในซงไห่ ประธานของกลุ่มเหล่านี้จะไม่เก่งเรื่องการค้าได้อย่างไร? นอกจากนี้บริษัทขนาดเล็กอย่างบริษัทฉีแย หากไม่มีเงินทุนมหาศาลก็ไม่สามารถคว้าทรัพยากรที่ดีได้
และตระกูลเจียงก็ไม่ได้ให้ทรัพยากรกับเจียงเยว่ถงมากนัก
ดังนั้นในสายตาของโจวแยเวย เจียงเยว่ถงเป็นเพียงลูกสาวของตระกูลชั้นสองเท่านั้น ในขณะที่ตระกูลซุนเป็นตระกูลที่ร่ำรวยมหาศาล การที่ตนแนะนำน้องชายให้เธอรู้จักถือเป็นการให้เกียรติเธอแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็เป็นน้องชายภรรยาของท่านสองซุนเย่าเหวิน หากได้เกี่ยวดองกับตระกูลซุน เจียงเยว่ถงอาจจะยิ้มฝันหวานก็ได้
แต่จะทำอย่างไรเธอก็ไม่สนใจเขา!
ยิ่งไปกว่านั้น อีกหนึ่งเดือนต่อมา ข่าวการแต่งงานของเจียงเยว่ถงก็แพร่มาจากซงไห่ ว่ากันว่าเธอแต่งงานกับชายหนุ่มยากจนจากชนบท มาเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงของตระกูลเจียง!
เมื่อโจวแยเวยรู้เรื่องนี้ เธอก็ยิ่งโกรธ น้องชายของเธอยังสู้เด็กยากจนคนเดียวไม่ได้เหรอ?
หลังจากนั้นทุกครั้งที่โจวแยเวยเห็นเจียงเยว่ถง เธอก็ไม่มีความสุขเลย เธอบอกกับคนอื่นว่าเจียงเยว่ถงเป็นคนที่สวยแต่ทำอะไรไม่เป็นที่มาสืบทอดกิจการของพ่อเท่านั้น
แต่เธอสวยสู้เจียงเยว่ถงไม่ได้
พื้นเพครอบครัวและความรู้ก็สู้เจียงเยว่ถงไม่ได้
ส่วนเรื่องอุปนิสัย ยิ่งเทียบไม่ได้เลย!
ผู้หญิงนั้นขี้อิจฉา โจวแยเวยเป็นผู้หญิงที่รักษาหน้าตา ชอบอาจเอื้อมเปรียบเทียบกับสิ่งที่อยู่สูงกว่า โดยเฉพาะหลังจากที่เธอแต่งงานกับซุนเย่าเหวินแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะประกาศให้คนทั้งโลกรู้ ว่าเธอได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดี
ตระกูลมหาเศรษฐี!
ตระกูลมหาเศรษฐี!
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเจียงเยว่ถง เธอมักจะรู้สึกต้อยต่ำกว่า ดังนั้นขอเพียงเธอได้เห็นเจียงเยว่ถง เธอก็จะเริ่มเข้าไปพูดก่อน แต่มันไม่ใช่คำพูดที่ดีอย่างแน่นอน
“ที่แท้ก็คุณนายซุนนี่เอง” เจียงเยว่ถงขมวดคิ้วเล็กน้อยและตอบอย่างเฉยเมย แต่ในใจก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้ เธอมองไปรอบๆ
ไม่เห็นแม้เงาของซุนเย่าเหวิน
“ใช่แล้ว ฉันเอง!” โจวแยเวยเอามือกอดอก ท่าทีเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย “ได้ยินมาว่าตระกูลเจียงกำลังจะถึงจุดจบแล้วเหรอ? จุ๊ๆ คุณหนูไม่เพียงแต่เป็นลูกสาวของตระกูลเจียงเท่านั้น แต่ยังเป็นประธานของบริษัทฉีแยด้วยเหรอ?”
“ฮ่าฮ่า…” โจวแยเวยหัวเราะคิกคักและสั่นสะท้านไปทั้งตัว เครื่องสำอางหนาเตอะบนใบหน้าของเธอกำลังจะหลุดออกไป เธอโผล่หัวออกมาเบาๆ ชำเลืองมองไปที่เจียงเยว่ถงอย่างดูถูก “งั้นคุณรู้ไหมว่า ตอนนี้บริษัทฉีแยอยู่ในมือใคร?”
ว่าแล้วโจวแยเวยก็ดีดนิ้วเล่น สีหน้าดูพึงพอใจ
เจียงเยว่ถงไม่อยากพูดคุยกับผู้หญิงที่น่าเบื่อคนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตระกูลเจียงและตระกูลซุนทะเลาะกันมาถึงทางตันแล้ว และที่นี่คือดินแดนของตระกูลซุน เธอยังคงมีความพะว้าพะวังอยู่ในใจ
แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่โจวแยเวยพูด ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เป็นความจริงที่ว่าตระกูลซุนได้ซื้อบริษัทฉีแยมาก่อน ในเวลานี้เมื่อเห็นโจวแยเวยดูภาคภูมิใจมาก เธอก็เดาได้ว่าบริษัทฉีแยมาอยู่ในมือของเธอแล้ว!
สิ่งนี้ทำให้เจียงเยว่ถงรู้สึกหดหู่ บริษัทฉีแยได้เผาผลาญแรงกายแรงใจของเธออย่างมาก เดิมทียังคิดว่าต่อให้ถูกเจียงเฉิงเย่ขายไปแล้ว ก็ยังสามารถหาเจ้าของที่ดีได้ แต่ไม่คาดคิดว่าคนที่มารับช่วงต่อจะเป็นผู้หญิงอย่างโจวแยเวย
ใต้โต๊ะ ฉินเฟยยื่นมือไปจับมือของเจียงเยว่ถงไว้เบาๆ เพื่อบอกเป็นนัยว่าอย่าโกรธ
เจียงเยว่ถงเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ แต่ฉินเฟยยังคงจับจ้องไปที่โจวแยเวยที่มีท่าทีหยิ่งยโสตรงหน้าตลอดเวลา
ฉินเฟยอดรู้สึกขอบคุณในใจไม่ได้
ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะโชคดี
แกะอ้วนมาแล้ว!
ไม่ใช่!
พูดให้ถูก ต้องเป็นคนเลี้ยงแกะ!
เจียงเยว่ถงรู้สึกถึงความอบอุ่นจากมือใหญ่ของฉินเฟย เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ บังคับตัวเองให้สงบลง แล้วพูดอย่างเฉยเมย “ประธานซุนก็อยู่ในโรงแรมด้วยหรือเปล่าคะ?”
ตอนนี้เจียงเยว่ถงไม่กล้าที่จะทำให้โจวแยเวยผิดใจ เพราะเมื่อเริ่มฟาดฟันกันขึ้นมา ฉินเฟยจะไม่สามารถทนดูเธอถูกรังแกได้
ถ้าอย่างนั้นฉินเฟยจะตกอยู่ในอันตราย!
ความจริงมีไม่กี่ตระกูลที่มีประวัติอันยาวนานในซงไห่ ตระกูลซูก็เป็นตัวแทนหนึ่งในนั้น
อย่างไรก็ตาม ในหลายสิบปีที่ผ่านมา หลังจากการปฏิรูปและเปิดเมือง เมืองต่างๆ ในประเทศได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว กิจการของตระกูลจำนวนมากใช้ประโยชน์จากกระแสนิยมนี้เติบโตขึ้นจากศูนย์!
ในเวลานั้นขอเพียงมีสมอง มีเงินทุนอยู่บ้าง ทนลำบากได้ กล้าต่อสู้ ก็จะประสบความสำเร็จได้
ตระกูลซุนเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอิทธิพลโดยมีรากฐานของตระกูลมามากกว่าสามสิบปี
ในเวลานั้นซุนเย่าเหวินมีอายุเพียงยี่สิบต้นๆ ทำธุรกิจรื้อถอนกับซุนเย่าฉวนซึ่งเป็นพี่ชายคนโต ในตอนนั้นเรียกได้ว่าอยู่ในช่วงลูกผีลูกคน ต่อมาเขาได้ดึงคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาร่วมก่อตั้งบริษัทลู่เจี้ยน ส่วนใหญ่จะทำงานก่อสร้างสะพานและถนน ล้างตัวขึ้นฝั่งได้สำเร็จ เขาเป็นคนกล้าได้กล้าเสียยึดมั่นในสัจจะ
ตระกูลซุนยังก่อตั้งขึ้นเพราะลู่เจี้ยน กรุ๊ป ในเวลาสามปีที่ผ่านมาตระกูลซุนได้เบียดเข้ามาอยู่ในกลุ่มตระกูลใหญ่ในซงไห่
และปัจจุบันนี้ลู่เจี้ยน กรุ๊ปก็ยังคงเป็นกิจการหลักของตระกูลซุน!
ที่เขาว่ากันว่าสะพานเป็นทองถนนเป็นเงิน ทำกิจการอสังหาริมทรัพย์นั้นแย่กว่านี้มาก!
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมืองต่างๆ จำเป็นต้องมีการพัฒนา ก้าวแรกคือต้องมีการจราจรเชื่อมต่อระหว่างเมืองต่างๆ!
ซ่อมสะพานปูถนนได้กำไรสูงมาก ทางด่วนและรถไฟความเร็วสูงหลายสายจากซงไห่เชื่อมต่อไปยังเซี่ยงไฮ้และเมืองอื่นๆ มากมายมาจากการรับเหมาของลู่เจี้ยน กรุ๊ปและเงินที่จัดสรรจากประเทศ!
ปัจจุบันในบรรดามหาเศรษฐีสิบอันดับแรกในซงไห่ ซุนเย่าเหวินอยู่ในอันดับที่สาม มีทรัพย์สินประมาณแปดหมื่นล้าน
ในขณะเดียวกัน ซุนเย่าเหวินก็ยังเป็นรองประธานของสโมสรการคค้าซงไห่อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ซุนเย่าเหวินนั้นขึ้นชื่อเรื่องรักภรรยามาก!
อันที่จริง เจียงเยว่ถงไม่เคยเข้าใจว่าทำไมซุนเย่าเหวินชายผู้กล้าได้กล้าเสียถึงมาแต่งงานกับคนโง่แบบนี้?
หรือว่าเป็นเพราะเธอมีลูกให้เขาแล้ว?
“สามีของฉันอยู่ข้างล่าง รอแขกอยู่ เดี๋ยวก็มาแล้ว” โจวแยเวยพูดพลางหันไปหาฉินเฟย แล้วพูดเยาะเย้ย “อ้าว คุณหนูเจียง นี่คือสามีของคุณใช่ไหม?”
คนที่สนิทกับเจียงเยว่ถงจะไม่ถามตรงๆ แบบนี้ แต่โจวแยเวยนั้นมาหาเรื่อง
“ค่ะ” เจียงเยว่ถงตอบรับ
“เป็นอย่างที่ร่ำลือกัน เป็นไอ้ขี้แพ้จริงๆ!” โจวแยเวยมองไปที่ฉินเฟยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เกินจริง
“ฮ่าฮ่า แม้แต่บริษัทของตัวเองยังรักษาไว้ไม่ได้เลย แค่สามล้านก็ขายแล้ว ว่ากันว่าคุณหนูเจียงมีพรสวรรค์ทางธุรกิจ ฉันว่าไม่เห็นดีสมคำร่ำลือ ก็เป็นขี้แพ้เหมือนกัน ขี้แพ้อย่างพวกคุณสองคนหากันจนเจอจริงๆ ฮ่าฮ่า…”
“ฉันยังได้ยินมาว่าคุณให้ความสำคัญกับบริษัทฉีแยของคุณมากเหรอ? เมื่อคืนตอนที่ฉันไปรับช่วงต่อ ยังมีพนักงานกว่ายี่สิบคนในนั้น คุณรู้ไหมว่าฉันทำยังไง? ฉันขอให้พวกเขารวมตัวกัน สั่งสอนพวกเขาไปกว่าครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ไล่พวกเขาออกไป!”
“เป็นลูกน้องของเจ้านายขี้แพ้ ทั้งหมดคือพวกขี้แพ้ คุณว่าถูกไหม?”
โจวแยเวยไม่ลดเสียงลงเลย ตรงกันข้ามกลับดังขึ้นอย่างจงใจ แม้ว่าคนที่สามารถกินข้าวที่นี่ได้จะไม่ใช่เจ้านายทุกคน แต่ก็มีสถานะของตัวเอง โดยธรรมชาติแล้วย่อมใส่ใจกับภาพลักษณ์ ไม่ส่งเสียงดังมากเกินไป ทำให้เสียงของเธอได้ยินไปทั่วร้านอาหาร
เธอจงใจทำให้เจียงเยว่ถงทนไม่ได้!
นอกจากนี้เธอยังเป็นภรรยาของซุนเย่าเหวิน แม้ว่าเสียงของเธอจะดัง คำพูดใจดำอำมหิต แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
ฉินเฟยรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามือเล็กๆ ของเจียงเยว่ถงกำแน่นและสั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าพยายามข่มความโกรธอย่างเต็มที่
เจียงเยว่ถงอ่อนโยนใจดี สุภาพนุ่มนวล แต่นั่นก็สำหรับคนที่มีมารยาทหรือสนิทสนมกัน
อันที่จริงอารมณ์ของเธอก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่โจวแยเวยพูดนั้นเกินจะทนฟัง
ในเวลาอาหารกลางวันวันนี้ เจียงเยว่ถงประกาศกับพนักงานของบริษัทฉีแยว่า บริษัทจะเปลี่ยนเจ้าของ
หลังจากประกาศออกไป พนักงานเกือบครึ่งหนึ่งในบริษัทก็ประกาศเช่นกันว่าจะลาออก พวกเขาจะติดตามเจียงเยว่ถงไปทุกที่ ทำให้เจียงเยว่ถงซาบซึ้งใจมาก
แน่นอนว่าครึ่งหนึ่งเลือกที่จะอยู่ในบริษัทฉีแยต่อ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความกล้าหาญเช่นนี้ โดยเฉพาะบางคนที่แต่งงานแล้ว ต้องการเงินเดือนที่มั่นคงเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว พวกเขาจำเป็นต้องทำงาน ต้องการเงินเพื่ออยู่รอดในเมืองนี้
ดังนั้นเจียงเยว่ถงจึงไม่ตำหนิพวกเขาเลย
แต่ตอนนี้โจวแยเวยกลับบอกว่า ไม่ใช่แค่ตำหนิพวกเขากว่าครึ่งชั่วโมง ด่าพวกเขาว่าไร้ประโยชน์ แต่ยังไล่พวกเขาทั้งหมดออกด้วย!
หัวใจของเจียงเยว่ถงเต็มไปด้วยความขมขื่น ไม่รู้ว่าฉินเฟยคิดอะไรที่ไม่เข้าท่าออกมา ดึงดันจะมาที่นี่เพื่อกินข้าว บังเอิญได้พบกับโจวแยเวย เรื่องที่หล่อนพูดทำให้เธอโกรธแทบอกแตกตาย!
เจียงเยว่ถงพยายามข่มความโกรธอย่างเต็มที่ ในขณะที่ฉินเฟยสงบลงมาก
แต่เขากลัวจริงๆ ว่าเจียงเยว่ถงจะทนไม่ไหวทะเลาะกับโจวแยเวยขึ้นมา ซุนเย่าเหวินขึ้นชื่อเรื่องรักภรรยามาก รังแกภรรยาของเขาก็เท่ากับรังแกเขา มันขัดกับเจตจำนงในการมาครั้งนี้ของฉินเฟย
ยิ่งกว่านั้น ถ้าจะรังแกโจวแยเวย ต้องเป็นเขาที่เป็นคนรังแก!
ก่อนที่เจียงเยว่ถงจะได้พูดอะไร ฉินเฟยก็ชิงพูดขึ้นอย่างราบเรียบ “คุณกรีดเปลือกตาจนตัดโดนเส้นประสาทสมองหรือเปล่า? สมองเพี้ยนไปกันใหญ่แล้วเหรอ? อย่ามาทำตัวเหมือนหญิงปากร้ายที่นี่ให้อายคนอื่นเขา”
“ไอ้เด็กเวร แกว่าอะไรนะ!” โจวแยเวยหันขวับไปมองฉินเฟย