ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) บทที่62 ไร้ยางอายมากๆ
“ที่รัก ในที่สุดเธอก็ยอมรับผมเป็นสามีแล้วใช่ไหม?”น้ำเสียงของฉินเฟยสั่นเครือ เขามองเธอที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความตื่นเต้นดีใจ และรีบเอ่ยปากพูด:”ก่อนหน้านี้ คุณพ่อบอกให้พวกเรารีบๆมีลูกกันได้แล้ว”
มันเป็นอย่างที่จางฉองหย่วนพูดจริงๆ อายุของฉินเฟยในตอนนี้ เขาต้องการผู้หญิงมากๆ โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับภรรยาที่แต่งงานกันมาสามปีแล้ว แต่เธอยังไม่เคยมีอะไรกับภรรยาของตัวเองเลย เขาคิดมาโดยตลอด ถ้าถอดเสื้อผ้าทั้งหมดของเจียงเยว่ถงออกมา และกอดร่างกายอันสวยงามของเธอเอาไว้ เพราะเขาอยากจะสัมผัสร่างกายทุกส่วนของเธอ
“มีลูกอะไร? เธอกำลังคิดอะไรอยู่?”เจียงเยว่ถงจ้องเขม็งฉินเฟยด้วยใบหน้าแดงก่ำ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ก็ทำให้เธอตกใจมากๆ เพราะเมื่อสักครู่เธอดีใจจนเกินไป เธอก็เลยจูบใบหน้าของฉินเฟยเพื่อเป็นรางวัลให้เขาเท่านั้น
เจียงเยว่ถงมองเห็นสายตาของฉินเฟยที่มองตัวเองด้วยความตื่นเต้นดีใจ เธอกลัวว่าฉินเฟยจะบ้าคลั่งจนคุมตัวเองไม่ได้และรังแกตัวเอง ถ้าตอนนั้นเธอควรจะทำยังไงดี
ดังนั้นเธอก็เลยรีบดึงผ้าห่มมาปิดร่างกายของตัวเองเอาไว้
“อ้อๆ ฮ่าๆๆ ผมคิดไปเองจริงๆ”ฉินเฟยพยักหน้าด้วยความเขินอายและรู้สึกผิดหวัง
สายตาอันผิดหวังของฉินเฟย เจียงเยว่ถงมองเห็นอย่างชัดเจน ทำให้เธอรู้สึกเสียใจ เพราะคำพูดของเธอเมื่อสักครู่มันรุนแรงเกินไป
นิสัยของเธอเหมือนกับคุณพ่อมากๆ รู้จักตอบแทนผู้มีพระคุณ ฉินเฟยช่วยเหลือครอบครัวของเธอมากๆ เขาเคยเอาชีวิตของตัวเองไปเดิมพันด้วย ถ้ามีผู้ชายคนหนึ่งสามารถเดิมพันชีวิตของตัวเองเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นคงเป็นคนที่มีความสุขมากๆ
แน่นอนว่าเจียงเยว่ถงเป็นคนที่มีหลักการและเหตุผลมากๆ ความซาบซึ้งและความรักนั้น เธอแยกแยะได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ฉินเฟยในตอนนี้ทำให้เธอเปลี่ยนความคิดไปอย่างมาก เธอลังเลชั่วครู่และเอ่ยปากพูด:”เรื่องคลอดลูกเอาไว้พูดกันทีหลัง ตอนนี้ผมกำลังทดสอบคุณอยู่ ตอน……ตอนนี้ถือว่าพวกเราอยู่ในช่วงคบหาดูใจ”
“คบหาดูใจอยู่เหรอ?”ฉินเฟยเบิกตากว้าง เพราะเขากำลังคบหาดูใจกับภรรยาที่แต่งงานกันมาสามปีเหรอ?
แต่เมื่อคิดดูอีกครั้ง ถึงแม้พวกเขาแต่งงานกันมาสามปีแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้มีความรักต่อกันเลย สิ่งที่ฉินเฟยต้องการก็คือ ทำให้เจียงเยว่ถงยอมเป็นผู้หญิงของตัวเองด้วยความสมัครใจ
“โอเค งั้นก็คบหาดูใจกันก่อน หลังจากนี้เธอก็คือแฟนสาวของผมแล้ว”ฉินเฟยพยักหน้าด้วยความดีใจ
เจียงเยว่ถงใบหน้าแดงก่ำ และซ่อนตัวในผ้าห่ม เธอพูดด้วยความเขินอาย:”คุณออกไปก่อน ฉันอยากจะนอนแล้ว”
“รับทราบครับภรรยา พูดผิด แฟนสาวต่างหาก”
เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู เจียงเยว่ถงรู้สึกว่าเมื่อสักครู่ตัวเองพูดจาโอเวอร์เกินไป สามีภรรยาที่แต่งงานกันมาสามปี แต่ตอนนี้กลายเป็นแฟนกัน เรื่องนี้มันแปลกประหลาดมากๆ แต่เธอรู้สึกอิ่มเอมใจมากๆ
เมื่อกลับมาถึงห้องนอนของตัวเอง ฉินเฟยนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้เขาตื่นเต้นจนเหงื่อไหลเต็มตัว
แน่นอนว่า เหตุผลหลักได้อยู่ที่พลังและอำนาจของตัวเองอ่อนจนเกินไป ถึงแม้ครั้งนี้จะจัดการปัญหาของตระกูลซุนกับตระกูลเจียงได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เรื่องนี้ก็ทำให้ฐานะของเขาถูกเปิดเผยเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
อันที่จริง ตอนแรกฉินเฟยไม่ได้กลัวว่าฐานะของตัวเองจะถูกเปิดเผย ถึงแม้คนของตระกูลอั่วจะรู้เรื่องนี้ พวกเขาก็ไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะฉินเฟยเป็นแค่เศษสวะ ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้อยู่แล้ว
แต่ว่าตอนนี้ ถ้าฐานะประธานว่านเซียงมูวีของเขาถูกเปิดเผย และเมื่อรู้ว่าเขามีความสัมพันธ์กับจางฉองหย่วนกับซุนเย่าเหวิน เรื่องนี้สามารถส่งผลกระทบต่อตระกูลอั่ว และวันนั้นก็ใกล้จะมาถึงแล้ว
ฐานะของตัวเองที่เป็นประธานว่านเซียงมูวีนั้น คนของตระกูลอั่วน่าจะรู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว พวกเขาเป็นผู้มีอำนาจที่สุดในซงไห่ ถ้าพวกเขาอยากจะตรวจสอบฐานะของตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องยากลำบากอยู่แล้ว
เวลายิ่งอยู่ก็ยิ่งใกล้เข้ามาแล้ว
ฉินเฟยก้มลงไปหยิบกลองยาวที่อยู่ใต้เตียง เมื่อเปิดกล่องออกมาดู ก็เห็นดาบเสวี่ยอิ่นที่เขาได้มาด้วยความบังเอิญวางอยู่ด้านในกล่อง
“อืม?”ฉินเฟยหยิบผ้าสีขาวออก และทำให้เขาตกใจทันที
ตอนนี้ดาบเสวี่ยอิ่นได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่มีแต่รังสีฆ่าฟัน ตอนนี้ดาบเสวี่ยอิ่นดูธรรมดามากๆ พลังของมันเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี แม้แต่ลวดลายที่อยู่บนดาบก็ไม่ค่อยชัดเจนแล้ว
มีคนแอบมาเปลี่ยนมันไปเหรอ?
ฉินเฟยตกใจมากๆและรีบหยิบมันขึ้นมา แต่ก็เกิดเรื่องที่ทำให้เขาตกใจอีกครั้ง
ทำไมมันถึงหนักขนาดนี้?
สีหน้าของฉินเฟยมีแต่ความตกใจ เขาใช้มือทั้งสองข้างถึงสามารถยกดาบที่ดูธรรมดามากๆเล่มนี้ขึ้นมาได้
เจียงเยว่ถงสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบแปดเซนติเมตร เมื่อบวกกับร่างกายอวบๆของเธอ เธอน่าจะหนักประมาณห้าสิบเจ็ดกิโลกรัม และดาบที่อยู่ในมือของเขาหนักพอๆกับเธอเลย
ดาบนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงเหรอ? มันวิวัฒนาการเหรอ?
ฉินเฟยรู้สึกสงสัยมากๆ เขาใช้สองมือจับดาบไว้อย่างแน่นและหลับตายอย่างช้าๆ
เนื่องจากดาบเสวี่ยอิ่นยอมรับเขาเป็นเจ้านาย ทำให้ฉินเฟยกับภูตดาบเสวี่ยอิ่นสามารถสื่อสารทางจิตได้ เมื่อลืมตาขึ้นมา ทำให้ฉินเฟยดีใจมากๆ เพราะดาบเล่มนี้วิวัฒนาการแล้ว……
แต่ว่ามันวิวัฒนาการได้ยังไง?
ดาบหนักขนาดนี้ มันจะใช้ต่อสู้ได้ยังไง?
ฉินเฟยเอาดาบเสวี่ยอิ่นเก็บไว้ใต้เตียง เขานอนอยู่บนเตียงด้วยความเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้เวลาดึกมาแล้ว เขาเหนื่อยมากๆจนหลับไป
ตอนที่เขาใกล้จะหลับนั้น เขากำลังคิดอยู่ พรุ่งนี้จะต้องเอาดาบเล่มนี้ไปถามไอ้เฒ่าที่พูดว่าตัวเองเป็นผู้อาวุโสของสำนักเอ๋อเหมย บางทีอาจจะได้คำตอบจากอีกฝ่ายก็ได้……
……
วันรุ่งขึ้น เมื่อเจียงเยว่ถงทานอาหารเช้าเสร็จ เธอก็แต่งตัวอย่างดีและสวยงามมากๆ เพราะเมื่อคืนฉินเฟยพูดไว้แล้ว วันนี้ตอนเช้าเธอสามารถไปเอาบริษัทฉีแยคืนมา
เดิมทีเจียงเยว่ถงเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ เมื่อเธอแต่งตัวดูดีก็ยิ่งดึงดูดสายตามากๆ ทำให้ฉินเฟยที่นั่งกินข้าวอยู่ข้างหน้าเกือบจะน้ำลายไหลลงถ้วยอาหารแล้ว
“อีกหนึ่งชั่วโมงครึ่งก็จะถึงเวลาแปดโมงครึ่ง คุณมีเวลาพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน”เจียงเยว่ถงเงยหน้ามองฉินเฟย ใบหน้าอันสวยงามของเธอมีแต่ความสงสัย
ฉินเฟยจนปัญญาจริงๆ ถึงแม้เจียงเยว่ถงจะไม่ใช่ผู้หญิงที่อยากรู้ไปสักทุกเรื่อง แต่เขารู้ตัวดี เรื่องนี้เจียงเยว่ถงจะต้องถามเขาอย่างแน่นอนและจะถามเขาอย่างละเอียดด้วย
ฉินเฟยหยิบมือถือขึ้นมา นี่คือข้อความที่เขาส่งให้ซุนเย่าเหวินก่อนหน้านี้ เขาส่งให้เจียงเยว่ถงทันที:”พูดสองสามประโยคไม่เข้าใจอยู่แล้ว เธอดูข้อความก่อนก็แล้วกัน”
เจียงเยว่ถงได้ยินเสียงข้อความจากมือถือ เธอมองหน้าฉินเฟยด้วยความสงสัย จากนั้นก็รีบเปิดอ่าน
ทำให้บรรยากาศในห้องเงียบสงัดทันที ดวงตาอันสวยของเจียงเยว่ถงเปิดกว้าง จากนั้นก็หันมามองฉินเฟย สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป
ลูกชายของซุนเย่าเหวิน ไม่ได้เป็นลูกในไส้ของเขา ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป คงกลายเป็นข่าวใหญ่ที่สั่นสะเทือนไปทั่วซงไห่อย่างแน่นอน
และอาจจะส่งผลกระทบต่อหุ้นของลู่เจี้ยนกรุ๊ปด้วย
ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้ ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านเทียนฝู ตัวเองถามฉินเฟยไปสองรอบ แต่ฉินเฟยไม่กล้าพูดออกมา เพราะเรื่องนี้มันส่งผลกระทบร้ายแรงนี่เอง
เจียงเยว่ถงรู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ห้ามแพร่ออกไปจากปากของเธอโดยเด็ดขาด เรื่องนี้ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
“ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อคืนประธานซุนทำร้ายร่างกายโจวแยเวยอย่างหนัก ตอนนั้นประธานซุนคงโกรธจนใกล้จะเป็นบ้าแล้วมั้ง?”เจียงเยว่ถงบ่นพึมพำ เธออึ้งไปเลยและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่
ผ่านไปสักพัก เธอนึกถึงเรื่องสำคัญและพูด:”อย่างไรก็ตาม เพราะเรื่องนี้เหรอ ถึงทำให้ประธานซุนซาบซึ้งในน้ำใจของคุณ และ……”
เจียงเยว่ถงคิดไม่ออกจริงๆ เพราะเธอจำได้เป็นอย่างดี เมื่อคืนตอนที่ฉินเฟยกับซุนเย่าเหวินออกมาจากห้องอาหารส่วนตัว สีหน้าของซุนเย่าเหวินดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้
ถึงแม้ฉินเฟยได้บอกความลับอันใหญ่ให้เขารับรู้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีอยู่แล้ว
“ผมพยายามทำเรื่องนี้จนสำเร็จ เธอคิดว่าผมควรได้รับรางวัลไหม ?”ฉินเฟยพูดด้วยความภาคภูมิใจ
“คุณต้องการอะไร?”สายตาของเจียงเยว่ถงเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
“ผมไม่ได้ต้องการอะไรมากนัก ผมแค่ต้องการได้ยินเธอเรียกผมว่าที่รัก”ฉินเฟยเผยรอยยิ้มออกมา:”ถ้าพูดว่าที่รักเก่งมากๆเลย ผมคงจะรู้สึกดีใจมากๆ”
ใบหน้าของเจียงเยว่ถงแดงก่ำ ดวงตาอันงดงามของเธอจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของฉินเฟยที่นั่งอยู่ข้างหน้า
ไร้ยางอายมากๆ!
อย่างไรก็ตาม ความต้องการของฉินเฟยไม่ได้ยากเลย เพราะเขาเป็นสามีของเจียงเยว่ถงอยู่แล้ว แต่สามปีที่ผ่านมา เจียงเยว่ถงไม่เคยเรียกเขาแบบนี้มาก่อน
แต่ถ้าให้เจียงเยว่ถงเรียกเขาว่าที่รัก เรื่องนี้เธอยังรับไม่ได้ในตอนนี้
“ช่างมันเถอะ ฉันไม่อยากจะรู้เรื่องนี้อีกแล้ว”เจียงเยว่ถงเปล่งเสียงเย็นชาออกมา
“อ้อ”ฉินเฟยจนปัญญาจริงๆ เขาหยิบถ้วยขึ้นมาและทานโจ๊กอย่างช้าๆ
เจียงเยว่ถงจ้องเขม็งไปที่ฉินเฟย เมื่อฟังเขาเล่ามาถึงตอนนี้ แต่เธอก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ ไม่รู้จริงๆว่าฉินเฟยใช้วิธีอะไรถึงทำให้ซุนเย่าเหวินตื่นเต้นดีใจได้
“ที่รัก!”เจียงเยว่ถงหลับตาและพูดคำนี้ออกมา
“อ๊าก?”ฉินเฟยที่กำลังทานโจ๊กอยู่เกือบจะพ่นมันออกมา เขาเงยหน้าด้วยความตกใจและมองเห็นใบหน้าอันแดงก่ำของเจียงเยว่ถง ตอนนี้เธอกำลังจ้องมองตัวเองด้วยความไม่พอใจ
“เธอทำให้เข้าตกใจมากๆ เมื่อกี้เธอพูดอะไรนะ? ผมไม่ค่อยได้ยิน”
เจียงเยว่ถงกัดฟันตัวเอง
……
เมื่อขับรถยนต์ออกมาจากหมู่บ้านเทียนหลัน เจียงเยว่ถงมองฉินเฟยที่ขับจักรยานไฟฟ้าอยู่ เธออยากจะชนไอ้สารเลวคนนี้ให้ไปอยู่สวนดอกไม้เลย
เมื่อสักครู่ตอนที่อยู่ในบ้าน เธอเรียกฉินเฟยว่าที่รักไปสองครั้ง เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกเขินอายมากๆ
แต่เรื่องที่ทำให้เธอตกใจมากๆก็คือข้อมูลที่ฉินเฟยพูดออกมา ซุนเย่าเหวินไม่ได้ไร้ผู้สืบทอด เขายังมีลูกสาวแท้ๆอยู่หนึ่งคน นี่ก็คือเหตุผลหลักที่ทำให้สีหน้าของซุนเย่าเหวินค่อยๆดีขึ้น
แต่เรื่องที่ทำให้เธอสงสัยมากๆก็คือ ฉินเฟยรู้ความลับพวกนี้มาได้ยังไง?
แต่ฉินเฟยไม่ได้บอกเรื่องเหล่านี้ให้เธอรู้ นี่ก็คือเหตุผลที่เธออยากจะชนไอ้สารเลวคนนี้ไปอยู่ในสวนดอกไม้ริมถนน
อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้ไม่ช้าก็เร็ว เธอต้องรู้อย่างแน่นอน ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือไปเอาบริษัทฉีแยกลับมา
ฉินเฟยไม่ได้ไปที่บริษัท แต่เขาไปที่โรงน้ำชาปั้นเยี่ยที่อยู่ในถนนเหยียนซี
เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ในโรงน้ำชาไม่มีลูกค้าแม้แต่คนเดียวและเงียบมากๆ ทำให้ฉินเฟยอดไม่ได้และอยากจะสอนเซียวเฟิ่งกางทำการค้าขาย!
“เด็กหนุ่ม ……อืม?”ฉินเฟยเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เซียวเฟิ่งกางกำลังนั่งกินอาหารเช้าอยู่บนโต๊ะน้ำชา เมื่อเขากำลังจะพูดก็มองเห็นฉินเฟยถือกล่องยาวที่ใช้ผ้าดำปิดอยู่และเดินเข้ามาอย่างยากลำบาก ของชิ้นนี้ต้องหนักมากๆอย่างแน่นอน
“ท่านเซียว ผมมีข้อสงสัยเรื่องหนึ่งและอยากจะได้คำตอบจากท่าน”ฉินเฟยรีบเดินเข้ามา จากนั้นก็วางกล่องไม้ไว้บนโต๊ะน้ำชา ทำให้โต๊ะน้ำชาเกือบจะถล่ม
“มันคืออะไรเหรอ?”เซียวเฟิ่งกางวางซาลาเปาไส้หมูลงและถามด้วยความสงสัย
“ท่านเปิดดูก็จะรู้เอง”ฉินเฟยพูดและรีบเปิดกล่องทันที
“อาวุธเหรอ?”เซียวเฟิ่งกางมองเห็นกลองไม้และคาดเดาทันที
“ใช่แล้ว ท่านลองดูหน่อย อาวุธอันนี้ไม่ธรรมดาเลย ท่านอย่าจับมันส่งเดชละ เพราะอาจจะได้รับบาดเจ็บ”ฉินเฟยพยักหน้าและเปิดกล่องไม้อย่างช้าๆ
เซียวเฟิ่งกางได้ยินและรู้สึกไม่พอใจทันที มันทำให้ตัวเองบาดเจ็บได้จริงๆเหรอ?
สีหน้าของฉินเฟยเคร่งขรึมทันที เขาลังเลชั่วครู่และรีบไปปิดประตู จากนั้นก็หันหน้ากลับมา เขาก็มองเห็นเซียวเฟิ่งกางดึงผ้าสีขาวที่อยู่ด้านในออกมาแล้ว เซียวเฟิ่งกางมองสิ่งของที่อยู่ด้านในด้วยความตื่นเต้นและสงสัย เขามองเห็นดาบเสวี่ยอิ่นที่อยู่ด้านในกล่องไม้