บทที่ 71 ภรรยาสุดสวย(ตอนที่ 1)
บทที่ 73 ภรรยาสาวสวยที่ดีที่สุด(ตอนที่3)
“เป็นอะไรครับ”ทันใดนั้นฉินเฟยก็ปรากฏตัวขึ้น ที่ประตุห้องครัวอย่างกังวล
“ฉัน……”ภายในห้องครัว เจียงเยว่ถงมองไปที่ฉินเฟยด้วยใบหน้าซีด แล้วหันหลังกลับไป ใบหน้าเรียวเล็กของเธอเหลือบมองไปที่ปลายนิ้วของตัวเอง ตอนนี้ชี้ขาวสะอาดของเธอมีเลือดไหลออกมา“ฉันไม่ระวังโดนมีดบาดนิ้วน่ะ”
น้ำเสียงของเจียงเยว่ถงเต็มไปด้วยความตกใจ เธอมองไปที่เลือดบนนิ้วมือด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ไม่กล้าแตะ……
ฉินเฟยถอนหายใจยาว ด้วยความโล่งอก หลังจากวันที่เขาพาเจียงเยว่ถงไปหาซุนเย่าเหวินที่หมู่บ้านเทียนฝูสติสัมปชัญญะของเขาก็ตึงเครียดตลอด ประกอบกับเสียงกรีดร้องของเจียงเยว่ถงทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกกลัว คิดไม่ถึงว่าจะโดนบาดแค่นิ้ว เมื่อมองเห็นเจียงเยว่ถงจ้องมองนิ้วที่โดนบาดด้วยความตกตะลึง แต่กลับไม่มีทีท่าใดๆ ฉินเฟยก็พูดอย่างแปลกใจว่า“ทำไมคุณไม่ห้ามเลือดล่ะ?”
“ห้ะ?ห้ามเลือดยังไง?”เจียงเยว่ถงพูดด้วยสีหน้างุนงง ตั้งแต่เล็กจนโตเธอผู้ซึ่งได้เกียรติบัตรนักเรียนดีเด่นมาตลอด แน่นอนเธอรู้ว่าสถานการณ์แบบนี้จะต้องรีบห้ามเลือด แต่ประเด็นคือไม่รู้ว่าจะห้ามเลือดอย่างไร!
ฉินเฟยอ้าปากค้าง ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
ฉินเฟยที่ได้ยินคำพูดของเจียงเยว่ถงถึงกับไปไม่ถูก อีกทั้งเขาก็รู้สึกด้วยว่า สามีปีมานี้ตนรู้จักเจียงเยว่ถงน้อยไป!
ไม่รู้ว่าห้ามเลือดอย่างไร?
เขาพึ่งเคยเห็นผู้หญิงที่บื้อขนาดนี้เป็นครั้งแรก
ตอนนี้เขาไม่มีเวลาสนใจว่าเจียงเยว่ถงจะเย็นชาใส่ตนเอง เขารีบเดินเข้าไป แล้วจีบมือเล็กของเจียงเยว่ถงที่เลือดไหลไม่หยุด
“นะ นายจะทำอะไรน่ะ?”เจียงเยว่ถงเหมือนกับกระต่ายตื่นตูม ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ
“จะทำอะไรได้ล่ะ แน่นอนว่าช่วยคุณห้ามเลือดน่ะสิ หรือคุณจะรอให้เลือดไหลหมดตัวก่อน”เขาไม่สนใจเจียงเยว่ถงการดิ้นขัดขืนของเจียงเยว่ถงแม้แต่น้อย นานทีปีหนฉินเฟยจะเผด็จการใส่เจียงเยว่ถง เขาจับมือเล็กของเธอวางไว้ที่ด้านล่างของก๊อกน้ำ แล้วชำระล้างคราวเลือดออก พลางเงยหน้าขึ้นมาถามว่า“กล่องปฐมพยาบาลของบ้านเราอยู่ไหน?”
เจียงเยว่ถงมองไปที่ฉินเฟยด้วยความแปลกใจ และงุนงงในขณะเดียวกัน เธอถามอย่างสงสัย“กล่องปฐมพยาบาลอะไร?”
ฉินเฟยมุมปากกระตุกทันที แล้วพูดอย่างหน่ายใจ“ผมรู้ว่าในบ้านไม่มีกล่องปฐมพยาบาล มีแต่ในทำงานไม่งั้นก็ห้องนอนของคุณแล้วล่ะที่มี”
ช่วยไม่ได้ ทั้งสองสถานที่เป็นสถานที่ต้องห้ามสำหรับฉินเฟย เขาเข้าไปไม่ได้
เจียงเยว่ถงส่ายหัวไปมา ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความงุนงง เธอมองไปที่ฉินเฟยแล้วถามว่า“ฉันไม่รู้อ่ะ กล่องปฐมพยาบาลหน้าตาเป็นยังไง?”
ฉินเฟยหมดคำพูดทันที เขารู้สึกว่าเสียแรงเปล่า ช่วยไม่ได้เขาจับมือเล็กของเจียงเยว่ถง แล้วอ้าปากงับแผลที่ปลายนิ้วที่ได้รับบาดเจ็บเข้าไปในปาก ไม่มีกล่องปฐมพยาบาล นี่จึงเป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุด และมีผลที่สุด พูดในใจว่าคงไม่ได้จงใจเอาเปรียบแต๊ะอั๋งเธอหรอกนะ
เจียงเยว่ถงเบิกตากว้าง ปากเล็กๆอ้าออก ทันใดนั้นเธอก็ลืมแม้กระทั่งหายใจ เธอมองไปยังฉินเฟยที่กำลังงับปลายนิ้วของเธออยู่ด้วยความตกตะลึง สมองของเธอดังวิ้งๆ วุ่นวายสับสนไปหมด
ใช้เวลาหนึ่งนาทีเต็ม ก่อนที่ฉินเฟยจะปล่อยปากของเขา และอธิบายให้เจียงเยว่ถงซึ่งกำลังตกตะลึง“ผมไม่ได้ตั้งใจแต๊ะอั๋งคุณนะ คุณหากล่องปฐมพยาบาลไม่เจอ ผมทำได้แค่เลือกวิธีที่ง่ายที่สุด ไม่อย่างงั้นถ้าเกิดแผลติดเชื้อขึ้นมาจะแย่เอานะ ดูสิ ตอนนี้ไม่มีเลือดไหลแล้ว”
เจียงเยว่ถงพยักหน้าอย่างเหม่อลอย ไม่ได้พูดอะไร มองดูท่าทีจริงจังของฉินเฟย แล้วก้มหน้ามองดูปลายนิ้วมือของตัวเองที่เลือดหยุดไหลไปแล้ว ทันใดนั้นในสมอง ของเธอก็จำได้ว่าครูพูดอย่างนั้นจริงๆ น้ำลายของมนุษย์สามารถฆ่าเชื้อโรคได้
แต่เธอมักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เธอไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“คุณกำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”ในที่สุดฉินเฟยก็มีเวลามองดูเจียงเยว่ถงที่ทำเสียงดัง‘กีองแก๊ง’ในครัวเป็นเวลานานตกลงเธอกำลังทำอะไรกันแน่ เขาถามเธอย่างรู้สึกสงสัย
“คือฉัน ตอนแรกฉันอยากทำปลาสักตัวเพื่อบำรุง……”ใบหน้าเล็กของเจียงเยว่ถงแดงก่ำ แต่น่าเสียดายฉินเฟยในเวลานี้รู้สึกทึ่งกับฉากในครัว
เขาตกใจยิ่งกว่าเห็นเจียงเยว่ถงเหม่อลอยอีก ไม่สังเกตเห็นสีหน้าของเจียงเยว่ถงด้วยซ้ำ
“ขะ ของพวกนี้คุณซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตหรอ?”เสียงของฉินเฟยสั่นเครือ ห้องครัวที่อยู่ตรงหน้าจะเรียกว่าห้องครัวต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ถ้าบอกว่าเป็นตลาดสดขนาดย่อมน่าจะมีคนเชื่อ มีอาหารทะเล ผัก หมู เห็ด เป็ด ไก่และผลไม้นานาชนิดเต็มห้องครัวไปหมด ไม่พูดถึงว่าแต่ละชนิดมีมากเท่าไร ลำพังแค่จำนวนของประเภทอาหารที่ซื้อมามากกว่าสามสิบชนิดขึ้นไป!
ฉินเฟยมองไปที่เจียงเยว่ถงด้วยความแปลกใจ ผู้หญิงคนนี้จะทำอะไรกันแน่ อยากเปิดตลาดสดในบ้านของตัวเองรึไงกัน?
“ฉันโทรหาคุณถามว่าคุณอยากจะกินอะไร คุณก็ไม่พูด ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าควรจะซื้ออะไรบ้าง ดังนั้นเลยซื้อมาอย่างละนิดอย่างละหน่อย แต่พวกผักกับเนื้อสัตว์มันเยอะเกินไป ฉันเอามาด้วยไม่หมด ทำได้แค่ซื้อมานิดหน่อย ขากลับฉันวิ่งหอบของกลับบ้านอยู่หลายเที่ยว ทำไมหรอ หรือในนี้ไม่มีของที่คุณอยากกิน?”เจียงเยว่ถงอธิบาย
“ซื้อแบบนี้โชคดีนะ”ฉินเฟยพูดบ่นอย่างเหนื่อยใจ จากนั้นหันกลับไปมองที่เขียง มีตำราอาหารที่อยู่ข้างๆเขียง และเขากำลังพลิกหน้าปลาไนตุ๋นน้ำแดง ปลาไนตัวใหญ่ที่มีน้ำหนักมากกว่าปลาสลิดสิบตัวยังถูกสับเป็นชิ้นขนาดต่างๆ ตัวเล็กๆถูกสับละเอียด ส่วนตัวใหญ่ถูกสับชิ้นละประมาณครึ่งกิโล เขาไม่รู้ว่าไนตัวนี้เป็นบาปเป็นกรรมอะไรของมัน ถึงได้ไปตกอยู่ในมือของผู้หญิงซื่อบื้อคนนี้
เห็นได้ชัดว่า ขณะที่เจียงเยว่ถงกำลังจัดการกับปลาไนตัวนี้เธอก็บาดโดนนิ้วของตัวเองเข้า และเสียง‘ก๊องแก๊ง’ที่ดังออกมาจากห้องครัวก่อนหน้านี้ก็คือเสียงที่กำลังจัดการเจ้าปลาไนตัวนี้นี่เอง แต่สิ่งที่ล้มเหลวที่สุดก็คือเธอจัดการอยู่ตั้งนานสองนานแต่กลับทำไม่สำเร็จ สุดท้ายยังเอามือของตัวของเข้าไปเสี่ยงด้วย
“เสียดายอะไร?ในนี้ต้องมีของที่นายชอบกินบ้างแหละ?”เจียงเยว่ถงรีบซักไซ้
นี่เป็นการซื้อผักในครั้งแรกของเธอ ตอนนั้นเดินเข้าเดินออกในซูเปอร์มาร์เก็ตสองครั้งติดถึงสามารถยัดของใส่รถจนเต็ม เอจำได้ว่าตอนนั้นรปภ.ที่เฝ้าหน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมองเธอด้วยสายตาประหลาด ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าซื้อของมาเยอะขนาดนี้แต่กลับไม่มีของที่ฉินเฟยชอบกิน จึงรู้สึกผิดหวังในใจเล็กน้อย ตอนนี้พอได้ยินว่าฉินเฟยบอกโชคดีนะ เธอจึงรู้สึกดีใจมาก และคิดในใจว่าซื้อมาถูกแล้ว
เธอไม่ยอมรับว่าฉินเฟยเป็นสามีของเธอ เพราะก่อนหน้านี้ตกลงกันไว้แล้ว ตอนนี้พวกเขาอย่างมากก็อยู่ในช่วงศึกษาดูใจ แต่สามปีมานี้ ถึงแม้ว่าฉินเฟยจะทำให้ตัวเองรู้สึกไม่พอใจ แต่ในขณะที่อยู่บ้านก็ถือว่าอดทนต่อความยากลำบากและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะช่วงนี้ทำให้เธอต้องมองเขาใหม่ ซึ่งเปลี่ยนแปลงมุมมองพอสมควร ในใจของเธออยากลองยอมรับตัวตนของฉินเฟยดูสักครั้ง
ในฐานะที่ฉินเฟยเป็นสามีเขาทำอะไรมามากมาย และเธอก็คิดว่าตัวเองในฐานะที่เป็นภรรยา ก็ควรจะทำอะไรบางอย่าง
อีกทั้งนี่เป็นการซื้อผักในซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอ ในชีวิตนี้เลี่ยงได้ที่จะทำเรื่องครั้งแรกในชีวิตหวังว่าคนอื่นจะชื่นชมและยอมรับ เจียงเยว่ถงก็ไม่ต่างกัน
“ไม่มีอะไร จริงสิ มือของคุณได้รับบาดเจ็บแล้ว ไม่ต้องอยู่ห้องครัวแล้ว ไปดูโทรทัศน์เถอะ หรือกลับห้องไปนอนพักผ่อนซะ อาหารค่ำของวันนี้ผมจะทำเอง เดี๋ยวผมทำเสร็จแล้วจะไปเรียกคุณครับ”ฉินเฟยรู้สึกสับสนในใจมาก แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร
ความหมายคำว่าโชคดีนะก็คือโชคดีที่เจียงเยว่ถงมีรถ ถ้าเป็นรถแทรกเตอร์ เธอคงเหมาหมดมาทั้งตลาดอย่างแน่นอน?เธอคงจะเปิดตลาดสดที่บ้านจริงๆแล้วล่ะ
หลังจากที่เจียงเยว่ถงได้ยินฉินเฟยพูดจบ ก็เผยให้เห็นสีหน้าแปลกใจ“คุณทำเมนูปลาเป็นด้วยหรอ?”
แน่นอนว่าเธอรู้ว่าฉินเฟยทำอาหารเป็น แต่ส่วนมากทำแค่ผัดผักธรรมดาๆเท่านั้น เนื่องจากเธอจะต้องดูแลรูปร่าง ในอาหารเย็นทุกมื้อเธอไม่เคยให้ฉินเฟยทำอาหารที่มีคอลเลสเตอรัลเลย สำหรับอาหารเช้าก็จะเป็นเมนูง่ายๆ
เธอคิดว่า ฉินเฟยทำอาหารเป็นแค่เมนูง่ายๆ แต่สำหรับเมนูปลาเขาทำไม่ค่อยเป็น
“พอได้ครับ เมื่อก่อนผมเคยทำ” ฉินเฟยพยักหน้า
“นี่เป็นปลาไนเชียวนะ เวลาตุ๋นจะต้องควบคุมไฟให้นะ ฉันเตรียมวัตถุดิบไว้หมดแล้ว ถ้านายทำไม่ได้ก็ดูตามหนังสือแล้วกัน นายทำเป็นจริงๆใช่ไหม?”
ฉินเฟยโบกมือไปมา ไม่พูดอะไร เจียงเยว่ถงที่จู้จี้ขี้บ่นเหมือนป้าข้างบ้านถูกไล่ออกจากห้องครัวทันที
เขาดูออกแล้ว และไม่จำเป็นต้องถามอะไรมากมาย ภรรยาสาวสวยของเขาคนนี้ทำอาหารไม่เป็นด้วยซ้ำ ถึงว่าล่ะสามปีมานี้ไม่เคยเห็นเธอเข้าครัวมาก่อนเลย
ตอนแรกคิดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ จะไม่ทำอาหารง่ายๆ ที่แท้ก็ทำไม่เป็นนี่เอง!
แม่เจ้าโว้ย เสียดายที่ก่อนหน้านี้เขาคาดหวังมาก รู้สึกมีความสุขมาก
แต่งงานกับภรรยาสุดสวยที่เรียบร้อยเป็นกุลสตรี ตัวเองช่างมีความสุขจริงๆ!
หลังจากที่ไล่หญิงสาวที่หมูเขาจะหามเอาคานเข้าไปสอดแล้ว ฉินเฟยก็มองไปยังห้องที่เต็มไปด้วยพืชผักด้วยสีหน้าครุ่นคิด ของเยอะขนาดนี้ เกรงว่าใช้เวลากินหนึ่งเดือนก็คงกินไม่หมด
แม่งเอ้ย ยัยผู้หญิงสุรุ่ยสุร่าย ใช้เงินไปเท่าไรเนี่ย!
ฉินเฟยเก็บข้าวของไปด้วยจัดไปด้วย เสียเวลาไปสิบกว่านาทีในที่สุดก็เก็บและแยกประเภทอาหารจัดเรียงเข้าไปในตู้เย็นและตู้ทั้งหมดสำเร็จ
เมื่อมองไปที่เตาอีกครั้ง เอาล่ะ วัตถุทุกอย่างเตรียมเสร็จแล้วจริงๆ ขิงซอยหนึ่งชาม กระเทียมฝานหนึ่งชาม พริกแดงแห้งหนึ่งชาม และชามใส่ของดำๆ ซึ่งน่าจะเป็นซีอิ๊วหมัก และซอสถั่วเหลืองหมักปลา ฉินเฟยไม่มีแรงบ่นอะไรอีกแล้ว เธอคงคิดว่าคนที่ต้องล้างถ้วยจานชามไม่ใช่เธอ! เขาพูดในใจว่าโชคดีที่ยัยบื้อคนนี้ โดนมีดบาด ถ้าเธอยังทำแบบนี้ต่อไป พรุ่งนี้ตื่นเช้ามาได้กินอาหารค่ำมื้อนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
หลังจากที่จัดการเสร็จเรียบร้อย เจียงเยว่ถงที่อยู่แง้มเปิดประตูออกมาก็ต้องตกตะลึงกับภาพอาหารค่ำที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า ปลาไนตุ๋นน้ำแดงที่เจียงเยว่ถงใช้เวลาทำมาค่อนวัน แน่นอนว่าต้องทำให้เสร็จ แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถกินปลาไนห้ากิโลให้หมดได้ อย่างมากที่สุดก็ปรุงได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
นอกจากนี้ ฉินเฟยยังทำอาหารมังสวิรัติง่ายๆ สองจาน นั่นก็คือเห็ดขึ้นฉ่ายฝรั่งและมันฝรั่งหั่นฝอยผัดเผ็ด และยังหุงข้าวหม้อเล็กอีกหนึ่งหม้อ เคลื่อนไหวอย่างช่ำชอง สะอาดและเรียบร้อย ทำเสร็จภายในครั้งเดียว ทำให้เจียวเยว่ถงที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูเบิกตากว้าง ปากก็ยังเป็นในลักษณะรูปตัว‘โอ’……
หลังจากที่เจียงเยว่ถงถูกไล่ออกจากห้องครัวเดิมทีเธอรู้สึกโกรธเล็กน้อย ในมุมมองของเธอ ตัวเองฉลาดขนาดนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรเธอเรียนรู้เร็วเสมอ ถึงเมื่อก่อนจะไม่เคยเข้าครัว ขอแค่ตนมีตำราอาหาร ไม่ว่าเมนูไหนเธอก็สามารถทำมันออกมาหอมอร่อย
แต่เมื่อเธอกำลังจะทำอย่างจริงๆจังๆ กลับพบว่าความจริงแล้วมันไม่ได้ง่ายเหมือนที่เธอจินตนาการไว้เลย ยกตัวอย่างเช่นการซอยขิงหั่นกระเทียมเป็นแว่น อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กๆ แต่กลับทำให้เธอเสียเวลาไปเยอะมากพอสมควร สุดท้ายสิ่งที่ได้มามีทั้งหนาและบาง ซึ่งมันน่าเกลียดมากๆ และการจัดเตรียมอุปกรณ์ทำครัวก็ทำให้เธอวุ่นวายมาก ฉินเฟยอาบน้ำเสร็จแล้ว แต่เธอพึ่งเตรียมวัตถุดิบเสร็จ หลังจากนั้นก็มาวุ่นวายกับการจัดการปลา จนบาดโดนนิ้วของเธอ
แต่ว่าฉินเฟยที่อยู่ในห้องครัวกลับไม่เหมือนกัน ในตอนที่เธอเห็นฉินเฟยใช้อุปกรณ์ในครัวอย่างคล่องแคล่ว โดยเฉพาะตอนที่เห็นเขาหั่นมันฝรั่ง ที่ไม่ดูเลยแม้แต่น้อย มีดเหมือนกับนิ้วมือของเขายังไงอย่างงั้น หั่นได้ทั้งเร็วและมีมาตรฐาน มองดูจนเธออึ้งตะลึงตาค้าง
เป็นความจริงที่ว่า ฉินเฟยอยู่กับครัวมาสามปี แต่เธอไม่เคยเห็นมุมนี้มาก่อน คิดเพียงแค่ว่าเคล็ดลับเล็กๆน้อยเหล่านี้ เธอสามารถเรียนรู้มันได้อย่างรวดเร็ว!แต่ตอนนี้เธอพึ่งรู้ว่าเธอคิดง่ายเกินไป ที่แท้การทำอาหารก็เหมือนกับการทำธุรกิจ และเหมือนกับคำถามของนักศึกษา……