บทที่ 10 – โรสกับลิลิซ (4)
ชั้น.. โรส คือชั้นกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย!! เห็นเด็กน่าสงสารที่เป็นทาสและมีแผลในจิตใจเลยอดที่จะปลอบประโลมเธอไม่ได้เลยแฮะ ถึงจะเป็นหญิงแต่ข้างในก็เป็นผู้ชายอยู่สินะ.. การเห็นผู้หญิงร้องไห้แบบนี้มันเลยกระตุ้นความเป็นลูกผู้ชายละมั้ง
ถึงชั้นจะชอบแต่หนังสือ แต่ก็บอกไปแล้วว่าไม่ใช่พวกไร้อารมณ์ การที่เห็นเด็กร้องไห้แบบนี้เลยทนไม่ไหว ให้ตายสิชั้นนี่อ่อนต่อโลกจริงๆ นะ
แล้วชีวิตอันสงบสุขของชั้นจะเป็นยังไงต่อล่ะเนี่ย ชีวิตที่ตามล่าอ่านหนังสือของชั้น เฮ้อ~
ไม่สิ ตอนนี้ชั้นคือสาวน้อยบริสุทธิ์เห็นคนอื่นโศกเศร้าก็เป็นเรื่องธรรมดาละมั้งนะ.. ใช่ๆ นั่นแหละเป็นแบบนั้นแน่มันเป็นเรื่องปกติที่จะช่วยคนอื่นนะ ถึงแม้จะต้องแลกกับความสงบสุขก็ตาม.. ไม่ไหวอ่ะ
ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ก็คิดว่าไม่คุ้มค่าอยู่ดี แรกเริ่มเดิมทีมันก็ผิดตั้งแต่พวกสี่หน่อนั่นมาบุกแล้ว ก็ดีใจอยู่หรอกที่หาทางออก..แต่ดันนำตัวปัญหามาด้วยนี่สิ จะทำไงดี..ทำไงดี..
ฆ่าเธอทิ้งซะ.. จะบ้าเหรอ ทำแบบนั้นได้ไง ชั้นมองลิลิซที่กำลังกอดชั้นพลางร้องไห้ เฮือก ใครมันจะไปทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นลงฟร่ะ ถ้าให้ชั้นเลือกระหว่างหนังสือสำคัญกับคนที่ไม่รู้จักชั้นก็เลือกหนังสือที่สำคัญ
แต่ถ้าให้ชั้นเลือกหนังสือสำคัญกับคนสำคัญชั้นก็คงต้องเลือกคนสำคัญอยู่แล้วแต่เธอคนนี้ไม่ใช่คนสำคัญสักหน่อย.. พอคิดแบบนั้นชั้นจ้องไปที่หน้าไร้เดียงสาของเธอ
เข้าใจและ ชั้นยอมแพ้ เอาเป็นว่าชั้นอยากช่วยเธอก็ได้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับเธอนะ.. ชั้นคิดว่ามีโอกาสที่เธอจะขอติดตามชั้น 50-50 เลยล่ะ ว่าแต่ชื่อชั้นเธอก็ยังไม่รู้เลยไม่ใช่เรอะ
หลังจากนั้น..
หลังจากเธอเลิกร้องไห้แล้วเสื้อผ้าชั้นเลยเปื้อนคราบน้ำตา แย่จริงๆ ยิ่งมีชุดเดียวอยู่ด้วยนะ ชุดที่ชั้นใส่คือชุดโกธิคโลลิต้า ความจริงมีสองชุด อีกชุดคือยุคกลาง แต่เป็นชุดของชั้นในเวอร์ชั่นร่างผู้ใหญ่นะ
อ่อ อย่าเข้าใจผิดคิดว่าชั้นไม่ซักเสื้อตลอดสองพันปีล่ะ.. ชั้นใช้เวทน้ำและลมก็สะอาดแล้วสะดวกมากเลยใช่ไหมล่ะ
“เอ่อ.. ขอโทษนะคะ”
“อ๊ะ.. อ๊า.. ไม่เป็นไร ชั้นก็ไม่คิดว่าจะมีคนที่พึ่งเจอกันแต่มาร้องไห้ใส่แบบเธอเหมือนกัน”
เธอก้มหัวขอโทษชั้นเลยพูดออกไปแบบนั้นใบหน้าเธอแดงขึ้นมาในทันที ถ้าเป็นพวกผู้ชายปกติเห็นนี่คงหลงรักเธอแน่ๆ แต่ชั้นมองดูว่ามันน่ารักมากกว่านะ จะเรียกว่ารักได้ไหมไม่รู้
“ข..ขอโทษจริงๆ ค่ะ ขอโทษจริงๆ ค่ะ!”
เธอหน้าแดงก้มหัวซ้ำไปซ้ำมาอย่างน่าสงสาร ชั้นเลยหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ไม่คิดว่ามนุษย์ก็ทำให้ชั้นหัวเราะได้เหมือนกัน เธอจ้องเขม็งมาที่ชั้น ชั้นจึงหัวเราะแห้งๆ แล้วแกล้งถาม
“เอ่อ แล้วเธอเป็นใคร ชื่ออะไรมาทำอะไรที่นี่?”
ชั้นถามกลบเกลื่อนเป้าหมายที่แท้จริงของชั้นคือรู้สถานะความเป็นอยู่ของโลกนี้ในปัจจุบันเพื่อที่จะออกไปตามล่าหาหนังสือใหม่ๆ อ่านนักตรวจสอบอย่างเธอคนนี้เป็นตู้ข้อมูลดีๆ นี่เอง
เธอไม่ตอบชั้นทันที แย่ล่ะ เหมือนเธอจะรู้เจตนาของชั้นแฮะผู้หญิงน่ากลัวจังเลย
“ชั้นชื่อ ลิลิซ ค่ะ อย่างที่เห็นชั้นเป็นทาส..”
พอเธอพูดว่าตัวเองเป็นทาสเธอก็หน้าสลดลงอีกรอบ เข้าใจยากจริงๆ แฮะพวกผู้หญิงเนี่ยสรุปชั้นถามอะไรไม่ได้เลยสินะ เธอจับปลอกคอแล้วก็เริ่มเล่าความเป็นมาของเธอ..
“หยุดก่อน..”
“อะไรเหรอคะ?”
“…”
เธอทำหน้าใสสื่อเหมือนไม่รู้เรื่องขั้นนี่ปวดหัวเลย จะเรื่องเวทมนตร์ วิทยาศาสตร์ หรืออะไรก็มาเถอะ แต่มีแค่จิตวิทยาของผู้หญิงนี่ล่ะที่ยากกว่าอะไรไหนๆ ถึงตอนนี้ชั้นจะเป็นผู้หญิงแล้วก็เถอะ
“เธออยากจะพูดอะไร?”
อันที่จริงชั้นก็รู้เป้าหมายอยู่แล้วล่ะแต่ถามตามบทบาทเท่านั้นแหละ..
“ได้โปรดให้ชั้นติดตามเธอด้วยเถอะนะ!!”
นั่นไงว่าแล้ว เธอก้มหัวลงให้ชั้นแต่ยังไงก็ตามชั้นไม่ใช่คนดีที่จะช่วยเหลือคนอื่นจนต้องทำให้คัวเองเหนื่อยอย่างที่บอกไปตอนแรก ถ้าให้เลือกระหว่างหนังสือสำคัญกับผู้หญิงที่ไม่รู้จัก
ชั้นก็ต้องเลือกหนังสือ
“ขอปฏิเสธ!”
“ท..ทำไมละคะ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว เธอยังไม่รู้จักกระทั่งชื่อชั้น ไม่รู้จักกระทั่งชั้นเป็นใคร แถมยังพึ่งพบหน้ากันไม่ถึงหนึ่งวัน แล้วที่สำคัญเธอเป็นทาส ทาสก็ต้องมีเจ้านาย ชั้นจำได้ว่ากฎเรื่องทาสค่อนข้างเคร่งคัด!”
ถึงจะตำราจากสองพันปีก่อนแต่ชั้นเชื่อว่ากฎเรื่องทาสยังคงเคร่งครัดเหมือนเดิมอยู่ดี เพราะทาสมันเหมือนกับคอนเซปท์ที่เทพบังคับ.. เพราะว่ามีปลอกคอคอยบังคับก็เหมือนมีเทพสังหารติดไว้ที่คอนั่นล่ะ
“เอ่อ… แต่ว่าเจ้านายของชั้นตายไปแล้วนะ.. ตอนนี้เลยไม่มีเจ้านายอีกอย่างถึงจะพึ่งพบหน้าแต่ชั้นคิดว่ามันคือโชคชะตาค่ะ!”
“….”
งมงายเกินไปแล้ว!! โชคชะตาบ้าอะไรล่ะแม่คุณ… แต่พอนึกถึงสภาพของเธอก่อนหน้านี้ยังสั่นกลัวชั้นอยู่เลยแถมยังสะบักสะบอมทั้งจิตใจต้องพังทลายแน่ๆ แต่ทำไมเธอถึงหายได้ล่ะ..
ชั้นเริ่มคิดถึงผลได้ผลเสียถ้าหากปล่อยเธอไปมีโอกาสที่ข่าวตัวเองจะแพร่กระจายจนดึงดูดความสนใจด้วยสิ ถึงจะไม่มั่นใจ แต่กันไว้ดีกว่าแก้.. แต่ถ้าหากให้เธอติดตามไปด้วย เธอเป็นนักตรวจสอบต้องรู้อะไรหลายๆ อย่างแน่ แถมยังสามารถนำทางได้แน่ๆ
ชั้นลองคิดถึงผลได้ผลเสีย ถ้ามาลองคิดดูแค่พาเธอไปด้วย เป้าหมายของชั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนนี่น่า ก็ไม่ได้มีผลเสียอะไรหนิ อ่านหนังสือต้องการความสงบก็จริง แต่ไม่จำเป็นต้องหาคนเดียวก็ได้
“เข้าใจล่ะ ส่วนเรื่องชื่อ เรียกชั้นว่า โรส ก็พอแล้ว”
“เอ๊ะ?”
พอชั้นพูดแบบนั้นเธอที่หน้าสลดอยู่หันมามองชั้นด้วยสีหน้ามึนงงทันที ชั้นเลยพูดไปว่า
“เอ๊ะ อะไรเล่า ชั้นบอกว่าให้เธอติดตามไปด้วยก็ได้ไงล่ะ! แต่มีกฎอยู่นะ หนึ่งคือห้ามก่อเรื่อง สองคือช่วยชั้นหาหนังสือ สามต้องฟังคำสั่งชั้น!”
“เข้าใจแล้วค่ะ!”
กฎการเดินทางชั้นโคตรเอาแต่ใจเลยแฮะ แต่ช่างมันเถอะ แถมเธอไม่ปฏิเสธด้วยคงไม่เป็นไร..
“แต่ก่อนอื่น..”
ชั้นมองไปที่ปลอกคอทาสของเธอทำให้เธอถามว่า “อะไรเหรอคะ?” ชั้นใช้สกิลนัยน์ตาเทพระบบตรวจสอบดูมันเป็นปลอกคอทาสระดับต่ำไม่มีระบบป้องกันซับซ้อนอะไรมากมาย
ชั้นเลยยื่นมือสองข้างไปจับปลอกคอพร้อมกับกระชากมันออกอย่างรวดเร็วและปาออกไปด้านข้างก่อนที่มันจะระเบิด “ตู้มมมม!” มันเกิดขึ้นรวดเร็วแม้แต่ลิลิซยังไม่ตอบสนองแต่ยืนงงไปซะแบบนั้น
“…”
“แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว”
ชั้นพูด ลิลิซยื่นมือไปสัมผัสหาปลอกคอแต่ก็ไม่เจอเธอสัมผัสถูกเนื้อหนังช่วงคอที่เป็นรอยแดงช้ำจากการรัดของปลอกคอเป็นเวลานาน.. ชั้นมองดูเงียบๆ ไม่พูดอะไรชั้นพอจะเข้าใจความรู้สึกเธอนะ
“ป.. ปลอกคอ.. ออกไปแล้ว”
เธอมองหน้าชั้นด้วยสีหน้าสับสนชั้นจึงยิ้มตอบกลับพร้อมพนักหน้า “อื้ม..” เธอก็ร้องไห้ออกมาอีกรอบ.. เธอจะเจ้าน้ำตาไปไหนเนี่ย
“ปลอกคอที่อยู่กับชั้นมาแปดปี..มันออกแล้ว”
“อื้ม…”
“ปลอกคอที่แม่แท้ๆ ชั้นสวมให้ มันออกแล้ว”
“อื้ม…”
เธอร้องไห้ออกมา ดูเหมือนเธอจะผ่านเจอเรื่องมาเยอะจริงๆ สินะ น่าสงสารจริงๆ
……..