บทที่ 20 – โรสกับงูพฤกษาที่โง่เขลา
ชั้นกับเชลก้าเดินออกจากเมืองมาทางทิศตะวันตกในขณะที่กำลังเดินอยู่ในทุ่งหญ้าสีเขียวขจีรอบเมืองชั้นคิดว่าเป็นบรรยากาศที่ดีจริงๆ นะ
ถึงชั้นจะชอบที่เงียบสงบแบบใต้ดินมากกว่าก็เถอะนะ แต่น่าแปลกใจว่าแถวเมืองนี้ไม่มีมอนสเตอร์เลยนะ
มอนสเตอร์คืออะไร พวกคุณกำลังสงสัยสินะ มอนสเตอร์จากที่ชั้นอ่านหนังสือมามันเป็นสัตว์ประเภทหนึ่งคล้ายอมนุษย์อย่างพวก ก็อปลิน ออร์ค ลิซาร์ดแมน
อะไรทำนองนั้นล่ะ แต่ทว่ามันกำเนิดขึ้นจากเวทมนตร์ที่ไม่สมดุลปะทะเข้ากับปฐพีทำให้พวกมันเกิดขึ้นมาจากพื้นดิน เวทมนตร์ที่ไม่สมดุลมีอยู่ทุกที่นั่นล่ะ
ความจริงโลกใบนี้นอกจาก ก๊าซต่างๆ ที่รู้จักแล้วยังมีพลังงานรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่าพลังเวทมนตร์ เวทมนตร์ก็เหมือนลูกหยินหยาง ต้องมีสีดำและสีขาว
หากทว่าถ้าเวทมนตร์มีเพียงสีเดียวมากหรือน้อยเกินไปจะทำให้เกิดอากาศมลพิษ แต่ทว่าเนื่องจากมีพลังปฐพี ที่เป็นพื้นฐานของดวงดาวซึมซับเอาพลังที่ไม่สมดุลนี้
จึงก่อกำเนิดเป็นมอนสเตอร์ขึ้นมา แน่นอนว่ามีแบ่งระดับด้วย อ๋อ แล้วอย่าเหมารวมพวกอมนุษย์เป็นมอนสเตอร์ละ.. เพราะอมนุษย์แม้จะโง่เขลากว่ามนุษย์แต่ก็มีทางการดำรงอยู่ของพวกมันเอง
เช่นก็อปลินอยู่ในหมู่บ้านพวกมันเอง.. แล้วพวกมันไม่กระจอกด้วยนะก็อปลินที่บัญชาการกองทัพยังมี มีกระทั่งสไลม์ที่บัญชาก็อปลินด้วย.. เอ๊ย ไม่ใช่
นั่นละก็ประมาณนั้น แน่นอนว่ามีพวกมังกรอะไรแบบนั้นด้วยนะแต่ชั้นไม่อยากยุ่งนักหรอก อ๋อ อมนุษย์นั้นมีมาในตอนช่วงยุคมืดที่มีสงครามระหว่างปีศาจและกึ่งมนุษย์
ส่วนมอนสเตอร์มีมานานตั้งแต่โลกกำเนิดแล้วล่ะ เอ่อ.. แน่นอนว่าพลังเวทมนตร์ในร่างกายของมนุษย์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพลังเวทที่เป็นเหมือนอากาศที่มองไม่เห็นเลยนะ
ถ้าถามว่ามีมันทำไม ก็มีเพราะหากมีสิ่งมีชีวิตกำเนิดขึ้นบนโลกแห่งนี้แหล่งพลังเวทจะถูกดูดเข้าไปทำให้มีชีวิตอยู่และจะทำให้มีพลังเวท แน่นอนแค่ดูดเข้ามาตั้งแต่ตอนเกิดเท่านั้น
“จริงสิ.. แล้วแถวนี้ไม่มีมอนสเตอร์เหรอ คุณเชลก้า”
“เรียกดิชั้นว่า เชล ก็ได้ค่ะ…”
“เข้าใจแล้ว เชลก้า”
ชั้นก็ไม่ปฏิเสธแต่ชั้นไม่มีทางเรียก ‘เชล’ เฉยๆ แน่.. แต่เมื่อชั้นพูดออกไปแบบนั้นเธอก็มองชั้นด้วยสายตาไม่ชอบใจ
จะทำแบบนั้นชั้นก็ไม่สนอยู่ดี ก็แหม ไม่ได้สนิทกันอะไรขนาดนั้นสักหน่อยความสัมพันธ์มันต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปสิ.. ในหนังสือเขาว่ามางั้นนะ..
ดังนั้นชั้นจึงปฏิเสธหัวชนฝา เธอเลยพูดขึ้นมา
“ถ้าไม่เรียกดิชั้นก็ไม่บอกข้อมูลของเมืองฟิโอน่าแห่งนี้ค่ะ..”
“…”
เอาแต่ใจเกินไปแล้ว ไหงเปลี่ยนจากฝ่ามือเป็นหลังมือจากเมื่อกี้เลยเนี่ย.. แต่ลองมาชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียดูนะ
ความรู้ใหม่ กับ ความสัมพันธ์ กับคนคนหนึ่ง.. อันไหนสำคัญกว่าไม่ต้องบอกนะมันต้องเป็นความรู้ใหม่แน่นอนอยู่แล้ว กำไรทั้งนั้นกำไรทั้งนั้น
จะว่าไปชั้นก็ไม่ได้สนใจจะมีความสัมพันธ์อยู่แล้วนี่น่า เพราะมันน่ารำคาญออก แสดงว่านี่มีแต่กำไร ชั้นนี่มันโชคหล่นทับจริงๆ
“ก็ได้ๆ เชล”
“ใช่แล้วค่ะ! ความจริงคือภายในเมืองฟิโอน่ามีเขตแดนควบคุมพลังเวทอยู่ค่ะ ไม่เพียงแค่นั้นมันยังควบคุมให้พลังเวทมีความสมดุลที่มากกว่าพื้นที่ทั่วไป จนถึงระดับที่มอนสเตอร์ไม่เข้าใกล้ หึๆ เห็นแบบนี้เมืองฟิโอน่าก็ล้ำหน้าไม่เบานะคะ!?”
เธอทำหน้าภาคภูมิใจซะงั้น.. งั้นหมายความว่าเมืองอื่นไม่มีแบบนี้น่ะสิ ไม่สิบางทีอาจจะมีเหมือนกันแต่รูปแบบแตกต่างกันสินะ.. น่าจะใช่ประมาณนั้น
ไม่นานชั้นกับเชลก้าก็เดินมาถึงป่าแล้วเป็นป่าที่ไม่ทึบมากนักแถมเงียบสงบดีด้วย แล้วเชลก้าก็เริ่มแนะนำขึ้นมา
“นี่คือป่าแฟร์รี่ค่ะ เป็นป่าที่ใหญ่พอสมควรเลยล่ะค่ะ”
เธอพูดแบบนั้นก่อนจะมากระซิบที่หูชั้นแล้วพูดต่อ “อันที่จริงมีข่าวลือแปลกๆ ด้วยค่ะ ว่าบางครั้งก็มีคนพบเจอกับเผ่าปีศาจแถวนี้ ก็เลยเกิดเป็นข่าวลือที่บอกประมาณว่าพวกปีศาจแอบมาตั้งพื้นฐานอยู่ตรงนี้… แต่อย่าคิดมากนะคะ มันแค่ข่าวลือเท่านั้นล่ะ”
เธอพูดเสร็จก็ยิ้มเบิกบานออกมา แต่ว่านะชั้นรู้สึกแปลกๆ กับรอยยิ้มนั้นนะ.. จริงๆนะ ไม่ได้คิดไปเองจริงๆ นะ.. ชั้นเห็นเหมือนกับเธอปรารถนาให้มันมางั้นแหละ
หรือชั้นอาจจะคิดไปเองก็ได้นะ.. หวังว่าเธอคงไม่ใช่พวกเกลียดปีศาจอะไรทำนองนั้นหรอกนะประมาณว่ามีปมด้อยในจิตใจอะไรแบบนั้น ก็แหมถ้าแบบนี้ต้องดึงเข้าดราม่าแน่ๆ ใช่ไหมล่ะ
มันน่ารำคาญออก.. ชั้นทำเป็นไม่สนใจแล้วพูดว่า
“แล้วลิลิซอยู่ทางไหนของป่า”
“ตามมาเลยค่ะ”
เธอออกตัวเดินนำหน้าชั้นเข้าไปในป่า ชั้นก็เดินตามแต่พอจะเข้าไปในป่าเธอก็หยุดลงกะทันหัน เธอตบหัวตัวเองจนเกิดเสียงดัง
เฮ้ย.. เป็นอะไรหรือเปล่านั่น.. เหมือนเธอกำลังรีแอคชั่นแบบว่า ‘จริงสิ ยังมีวิธีนั้นอยู่ไม่ใช่หรือไง ลืมไปได้ยังกันนะตัวชั้น!’ อะไรทำนองนี้เลย
“มีอะไรเหรอ..”
“เอ่อ.. คุณหนูโรสเคยเข้าป่าหรือเปล่าคะ?”
“หือ.. ไม่นะ..”
ก็แหงละถึงจะเคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับป่าวิธีการเดินป่า จนเรียกได้ว่าแม้จะเข้าป่าครั้งแรกก็ไม่ตายแน่ๆ ได้เลยก็ตาม แต่ความจริงชั้นไม่เคยเดินป่าหรอกนะตลอดชีวิตสองพันปี.. ชั้นแค่อ่านหนังสือ
“แบบนั้นไม่ได้นะคะ ในป่ามีสัตว์ร้ายที่แฝงตัวตามหญ้านะคะ เช่นงูพฤกษา พิษของมันร้ายแรงมากแต่มันปลอมตัวเป็นพฤกษาติดดินแล้วลอบกัดนักผจญภัย ดิชั้นก็ไม่ได้พูดเกินจริงแต่ภายในหนึ่งปีมีคนล้มตายเพราะโดนเจ้างูตัวนี้กัดมากกว่าห้าพันคนต่อปีเลยนะคะ”
ห้าพันคนต่อปีเหรอก็เยอะนะ เดี๋ยวนะ มีของน่ากลัวแบบนั้นจริงดิ.. ในหนังสือมอนสเตอร์ไม่เห็นมีบอก.. หรือว่าสัตว์ที่พึ่งกลายพันธ์มา.. เป็นไปได้ที่งูจะไปทำอะไรกับต้นไม้จนตั้งท้องหรือเปล่านะ.. อ๊ะ จะว่าไปตอนมาเมืองฟิโอน่าตอนนั้นผ่านป่าแห่งหนึ่งด้วยนี่น่า..
ย้อนกลับไปก่อนหน้า
“เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย ลิลิซ!”
“อีกไม่ไกลหรอกค่ะ! โรสก็ไม่ได้เหนื่อยไม่ใช่เหรอคะ จะบ่นทำไม!”
“ก็มันน่าเบื่ออ่ะ อยากอ่านหนังสือแล้ว จะลงแดงแล้ว”
“คงมีแค่โรสคนเดียวนั่นแหละค่ะ ที่ลงแดงเพราะไม่ได้อ่านหนังสือ”
ลิลิซมองชั้นด้วยสายตาขอไปที ในตอนนี้กำลังเดินป่า ตอนแรกลิลิซบอกให้ไม่ผ่านป่า แต่เดินไปอีกทางแต่มันไกลเลยตัดสินใจเดินผ่านป่านั่นล่ะ
ชั้นเดินตามหลังลิลิซอยู่ประมาณสิบก้าวได้ก็คนมันขี้เกียจ ทำไงได้อ่ะ.. ในตอนนั้นชั้นก็เหลือบไปเห็นกิ่งไม้สองอันที่อยู่ใต้เท้า
ด้วยความที่ว่างชั้นเลยก้มลงไปหยิบกิ่งไม้อันหนึ่งขึ้นมา แต่ในตอนนั้นเองกิ่งไม้อีกกิ่งก็ขยับเหมือนมีชีวิตชนกับขาของชั้นอย่างรุนแรง
“อ๊ะ..”
ชั้นตกใจหันไปมองขาตนเองแต่ไม่มีริ้วรอยอะไรเลยมองเห็นกิ่งไม้ที่แน่นิ่งไป ห๊ะ.. นี่มันเกิดอะไรขึ้น ชั้นก้มลงไปจับเอากิ่งไม้กิ่งนั้น
และพบว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกิ่งไม้.. พระเจ้าช่วย น่าตกใจแฮะ เหมือนจะเป็นสัตว์ประเภทแอบทำร้ายสินะ แต่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยแฮะ
มอนสเตอร์ที่ปลอมตัวได้แบบนี้ทั้งขนาดเล็กแบบรี้ด้วย อสรพิษสีเขียว ก็มีความสามารถแบบนี้อยู่หรอกแต่ขนาดของมันเรียกได้ว่าใหญ่กว่าคนอีกแต่นี่มันเล็กเกินไป
ชั้นมองไปที่ฟันของมัน ว่าแล้วเชียวเป็นงูจริงๆ ด้วยแต่เหมือนจะไม่มีพิษอะไรนะ แถมฟันก็ไม่มีด้วย.. น่าสงสารจัง งูที่น่าสงสาร
กลับมาปัจจุบัน
อย่าบอกนะว่าไอ้นั่นคืองูที่ว่านั่นน่ะ.. ไม่น่าจะใช่มั้ง ก็ไอ้ตัวนั้นไม่มีทั้งพิษและฟันก็ไม่มีด้วยสิ ใช่ๆ ต้องคนละตัวแน่ๆ งูโหดๆ แบบนั้นต่อให้ชั้นสเตตัสสูงถ้าโดนกัดก็ต้องเข้าแหละน่า
“อ๊ะ.. นั่นไงคะ.. งูพฤกษา”
จู่ๆ เชลก้าก็ชี้ไปใกล้ๆ ต้นไม้เป็นกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง “…” ชั้นพูดไม่ออก พอเห็นชั้นพูดไม่ออกเธอคงคิดว่าชั้นกำลังแปลกใจเพราะยังไงมันก็กิ่งไม้
เธอเลยพูดว่า “ถึงจะคล้ายกิ่งไม้แต่มันเป็นงูพิษสุดอันตรายนะคะ” เธอหยิบเอาหินขึ้นมาก่อนจะปาใส่มันก็เคลื่อนไหวหลบหนีทันที
ตัวเดียวกันจริงด้วยอ่ะ.. แต่ไหงตัวนั้นฟันมันถึงไม่มีพิษก็ไม่มีด้วย ชั้นเลยถามแบบงงๆ ออกไปว่า
“ฟันของมันแข็งขนาดไหนกัน พิษของมันมีโอกาสที่จะหมดฤทธิ์หรือเปล่า”
พอชั้นถามแบบนั้น เธอทำหน้าแปลกใจก็ตอบกลับมาว่า “ฟันของมันไม่มีทางหักค่ะ พิษของมันไม่มีหมดฤทธิ์ค่ะ”
“….”
แบบนี้มัน ชั้นลองนึกไปดูตอนนั้นจำได้ว่าใกล้ๆ ศพงูกิ่งไม้มีบางอย่างเล็กๆ สีขาวอยู่ใกล้ๆ มันดูเหมือนฟันแถมเหมือนพึ่งหักไปเพราะมีพิษอาบอยู่
เอ่อ.. หมายความว่ามันจะกัดชั้น.. แต่ร่างกายชั้นไม่ธรรมดามันเลยฟันหลุดแล้วตาย.. พิษก็ไม่เข้าร่างชั้น.. สรุปแล้ว… ชั้น… ชั้นเป็นตัวอะไรไปแล้วเนี่ย!!
………..