บทที่ 23 – หอกวารีพิชิตสวรรค์พิโรธ
ชั้นลิลิซ ตอนที่ชั้นกำลังทำภารกิจชั้นดันเจอกีบปีศาจเข้าแน่นอนว่าชั้นไม่ได้คิดว่าตัวเองต่อกรกับปีศาจได้ชั้นจึงตัดสินใจที่จะหนีทันที
แต่ชั้นคิดผิด ปีศาจตนนั้นมันคือปีศาจระดับขุนพล มันไม่ฆ่าชั้นแต่มันกลับเล่นค่อยๆ กดดันชั้น ชั้นรู้ว่าปีศาจระดับขุนพลนั้นเก่งระดับเดียวกับพวกที่โดนโรสจังฆ่า
ก็นะ ในความจริงชั้นไม่กล้าเรียกโรสจังว่า ‘โรสจัง’ หรอกไม่งั้นโดนหักคอแน่ๆ แต่เธออ่านใจไม่ได้สักหน่อยชั้นจึงแอบเรียกในใจอย่างเมามัน แค่คิดก็สนุก
กลับมาที่ปัจจุบัน ชั้นก็ยังกับการกระทำของมันทว่าขณะที่มันกดดันชั้นมันก็เผลอพูดบางอย่างออกมาอย่างเช่น ทำให้ชั้นเป็นภาชนะของอาวุธสยบสวรรค์ทั้งห้า
ชั้นก็ไม่รู้จักหรอกว่ามันคืออะไร แต่จากที่มันพูดคือมันต้องการจะใช้ชั้นเป็นภาชนะบรรจุพลังอะไรสักอย่าง ก่อนที่มันจะทำให้ชั้นสลบไป…
ชั้นรู้สึกเกลียดพวกมัน.. ทั้งปีศาจ.. ทั้งมนุษย์.. ทุกสิ่งทุกอย่างพวกมันทำเหมือนกับชั้นเป็นของเล่น แม้จะเห็นว่าชั้นเป็นคนที่ไม่สนใจแต่ก็เป็นเพราะโรสจัง
ความเกลียดชังต่อพวกชั้นไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อยยิ่งเจอเหตุการณ์แบบนี้ชั้นยิ่งเต็มไปด้วยความเกลียดและความแค่นคุกรุ่นในจิตใจ
ได้แต่หวังว่าโรสจังจะมาช่วย แต่ว่าหากคิดถึงตรรกะของโรสจังแล้วตอนนี้เธอคงหาเงินเอาเป็นเอาตายเพื่อไปหาหนังสืออ่านแน่ๆ เธอคงไม่มีเวลามาตามหาชั้นหรอก
พอชั้นคิดแบบนั้นชั้นก็ได้แต่หัวเราะเยาะให้ความอ่อนแอของตัวเอง.. ชั้นฟื้นขึ้นมาจากภวังค์ก็รู้ตัวว่าตัวเองอยู่ในห้องหินขนาดใหญ่ ไม่สิน่าจะเป็นโพลงถ้ำมากกว่า
ชั้นถูกตรึงอยู่บนไม้มัดติดไม้ มองดูแล้วเหมือนภาพโศกนาฏกรรมในตอนศตวรรษเวทที่ 19 ยังไงยังงั้นตรงหน้าชั้นมีหอกสีฟ้าครามปักอยู่ บนพื้นมีวงเวทขนาดใหญ่สีแดงสว่างเลือนราง
“ที่นี่มัน…”
ชั้นพึมพำอย่างแผ่วเบารู้สึกว่าร่างกายอ่อนแอมาก แถมยังรู้สึกหายใจขัดข้องอีกด้วย.. ปีศาจมันหัวเราะออกมาแล้วพูดกับชั้น
“ในที่สุดก็ฟื้นสักทีนะ พิธีกรรมจะได้เริ่มสักที หากไม่มีสติคงใช้เป็นภาชนะบรรจุเวทที่แข็งแกร่งของผนึกเทพได้ ฮ่าๆ”
“กะ.. แกคิดจะทำอะไร?!”
ชั้นกัดฟันกรอด ถามด้วยเสียงแข็งดูเหมือนมันต้องการจะทำบางอย่างกับชั้น และไม่น่าจะใช่เรื่องดี ชั้นไม่ได้หัวดีเหมือนโรสจังขนาดนั้น
ถึงจะบอกว่ามีข้อมูลหลายๆ อย่าง แต่หอกสีฟ้าครามหรือวงเวทนี้ชั้นไม่รู้เลย อย่าว่าแต่ไม่รู้ ไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ ชั้นมีอาชีพอะไรคงรู้กันเพราะงั้นความรู้ชั้นมีมากอยู่แล้ว
ถึงจะไม่เท่าโรสจัง แต่วงเวทเบื้องหน้าชั้นไม่เคยเห็นยิ่งไม่ต้องพูดถึงหอกสีฟ้าครามที่มีพลังเวทมหาศาลหมุนวนทำเอาชั้นขนลุกไปหมดเลย
“นั่นสินะ พวกแกคงไม่รู้จักหรอก ฮ่าๆ”
“หมายความว่าไง…!”
“มนุษย์อย่างพวกแกมีอายุที่สั้น เป็นธรรมดาที่จะลืมเรื่องในประวัติศาสตร์ที่แท้จริงไปหมด แต่ก็เป็นเรื่องดีจริงๆ ที่พวกมันโง่ไม่รู้ว่ามีสมบัติอยู่ในที่แบบนี้ ฮ่าๆ อีกอย่างทั้งๆ ที่พวกมันสังเกตเห็นกองทัพก็อปลินและออร์กรวมตัวกันยังเลือกที่จะไม่สนใจ สมกับเป็นพวกที่ไร้สมองจริงๆ”
“….”
“งั้นข้าจะบอกอะไรก่อนที่จะตายให้แล้วกัน นี่คือ ‘หอกวารีพิชิตสวรรค์’ หนึ่งในห้าสมบัติสยบสวรรค์”
“หอกวารีพิชิตสวรรค์?”
“ข้อมูลที่จะมอบให้คนตายมีแค่นั้น”
……….
มันพูดแบบนั้นก็พูดต่อว่า “เริ่มเลย!” คนที่อยู่รอบๆ วงเวทนี้แปดคนเริ่มใส่พลังเวทลงไปในวงเวทสีแดงล้อมรอบหอก
เจ้าขุนพลปีศาจนั่นเดินมายังลิลิซด้วยสายตาที่เย็นชา ทำให้ลิลิซตกใจ ก่อนที่มันจะดึงเข็มขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางที่เล็กมา แต่มีขนาดความยาวราวๆ 30 เซนติเมตร
ปักลงไปที่เท้าขวาของลิลิซ และเท้าซ้ายแทงจนทะลุไปถึงไม้ด้านหลัง
“อ๊าาาาาาาาาาา!”
เสียงกรีดร้องของลิลิซดังสนั่นไปทั่วห้องทว่ารอยยิ้มชอบใจผุดบนใบหน้าของขุนพลปีศาจนั้นอย่างโหดเหี้ยม มันเอาเข็มออกมาอีกสองอัน แทงใส่ต้นขาของลิลิซทั้งสองข้าง
“อ๊าาาาาา.. แก.. แก..”
ถึงลิลิซจะเคยรับความเจ็บปวดมากกว่านี้มาแล้วแต่ทว่าเข็มนี้มันแทงทะลุร่างของเธอ ทั้งยังมีความแสบร้อนเหมือนถูกรนด้วยไฟที่มีความร้อนหลายร้อยองศาจากเข็ม
มันไม่สนใจ หยิบเอาเข็มออกมาอีก แทงไปที่ท้องน้อยใต้สะดือของลิลิซทว่าคราวนี้ไม่ได้แทงทะลุ แต่แทงไปแค่ประมาณ สองนิ้วเท่านั้น
“แก.. .แก… แก.. อ๊ากกกก”
ลิลิซกรีดร้องอย่างเจ็บปวดทรมาน มันหยิบเข็มออกมาอีกเล่มก่อนที่จะแทงใส่หน้าอกของลิลิซ พร้อมกับเสียงกรีดร้องของลิลิซ
มันหยิบขึ้นมาอีกแทงไปยังคอของลิลิซอย่างเหี้ยมโหด ทว่าไม่มีเลือดไหล.. ความเจ็บปวดราวกับถูกฟ้าผ่า… เสียงหายไปดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ทว่ามันกลับไม่พรากชีวิตนางอย่างน่าตะลึง
ขุนพลปีศาจมันถอยออกมา ทั้งอย่างนั้นปล่อยเข็มแทงข้างไว้ นี่คือพิธีกรรมขั้นสุดท้าย ก่อนหน้ามันเคยเอานักผจญภัยคนอื่นมาเช่นกัน
และคนสุดท้าย คนที่จะเป็นภาชนะคือลิลิซนี่เอง นับว่าเป็นโชคร้ายที่สุดเพราะคนอื่นๆ แต่ถูกฆ่าให้ตายแล้วเอาแค่เลือดเท่านั้น
แต่ลิลิซกลับโดนทรมานอย่างเหี้ยมโหด.. แต่ก็ไม่ถูกฆ่าในทันที … ขุนพลปีศาจมันปล่อยไฟออกจากฝ่ามือโยนไปใส่กองไม้พิเศษที่อยู่ใต้เท้าลิลิซ
เหมือนกำลังจะเผาเธอทั้งเป็น เวลาเดียวกันเข็มทั้ง 7 เล่มก็ส่องแสงออกมาความร้อนเหมือนถูกแผดเผาด้วยเพลิงนรกแผดเผาไปทั่วร่างลิลิซ
“……..!!”
ลิลิซเจ็บปวดแต่ไม่สามารถเปล่งเสียงได้.. ในใจเต็มไปด้วยความโกรธและเกลียด.. เลือดลิลิซไหลออกมาตามเข็มจนสุดปลายเข็ม
และเพลิงที่ใต้เท้าก็ลุกไหม้แรงขึ้นเลือดที่ไหลมาปลายเข็มก็หยดลงไปในวงเวทเบื้องหน้า.. มันทำให้วงเวทพลันเปล่งแสงสีแดงว้าบขึ้นมา
“อ๊าาาา.. อาวุธ.. อาวุธแห่งนายท่านข้า… จงตื่นขึ้นมา! ฮ่าๆ!”
ทว่าในตอนนั้นเอง.. หอกสีฟ้าครามพลันสั่นสะเทือนฉับพลันทำให้พลังเวทรอบๆ หมุนตลบราวกับว่าจะแปรเปลี่ยนนภาอากาศรอบๆ ให้กลายเป็นคลื่นพลังเวท
และพริบตาต่อมาเลือดของลิลิซที่หยดลงวงเวทก็แปรเปลี่ยนจากหยดลงพื้นตามแรงโน้มถ่วง มันกลับพุ่งไปหาหอกราวกับว่าหอกเรียกหา
ดวงตาของลิลิซพร่ามัวอยู่ แต่พริบตาที่เลือดสัมผัสกับหอกมันทำให้หัวใจเธอเต้นรัวขึ้นฉับพลัน.. ความต้องการความโหยหาอย่างแปลกประหลาด
“ตู้ม!!!!”
หอกสีฟ้าครามแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิตฉับพลันราวกับว่ามันพิโรธฉับพลันหลังจากตื่นขึ้นมาเห็นภาพที่ลิลิซโดนตรึง หอกสีฟ้าครามที่เป็นตัวแทนวารีอันอ่อนโยน
แปรเปลี่ยนเป็นหอกแห่งการทำลายล้างแปรเปลี่ยนเป็น ‘หอกทลายสวรรค์!’ ลมกรรโชกทำเอาปีศาจทุกตนกระอักเลือดกระเด็นเพราะแรงลม
“เกิดอะไรขึ้น!?”
ขุนพลปีศาจตกใจขวัญหนีดีฝ่อ.. ทว่าในเวลานั้นเองร่างกายมันพลันราวกับถูกดึงผ่านมิติรู้สึกเจ็บแสบไปทั่วร่างฉับพลัน ร่างมันพลันหายวับไปจากจุดเดิมและไปอยู่บนไม้ตรึงแทนที่ลิลิซ
และไฟก็ดับจากแรงลมไปแล้ว ลิลิซยืนแทนที่มันด้วยดวงตาตกใจ ทว่าพริบตานั้นเองหอกสีแดงลอยหมุนขว้างมาหาลิลิซฉับพลัน
ลิลิซคว้าเอาไว้อย่างไม่ตั้งใจ เหมือนกับว่าร่างกายขยับไปเอง และในทันทีที่มือลิลิซคว้าจับนั่นเอง ความแค้นโกรธเกลียดทุกอย่างของเธอพยายามจะผนึกไว้ในจิตใจ
ราวกับถูกปลดผนึก ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับว่าบ้าคลั่ง พลังเวทจากหอกแทรกซึมเข้าร่างกายลิลิซและระเบิดออกมา
“ตู้ม!!!”
เข็มทุกอย่างที่อยู่บนตัวลิลิซกระเด็นออกไปคนละทิศ ก่อนที่จะมีเส้นสีแดงเหมือนวารีสีเลือดลอยผ่านและรักษาบาดแผลทุกอย่างหายกลับดังเดิมทันที
แม้จะไม่ระดับเดียวกับโรส แต่ก็นับว่าเกินขีดจำกัดสิ่งมีชีวิตทั้งมวลไปหมดสิ้น.. และตอนนี้ลิลิซไม่ใช่ลิลิซอีกต่อไป แต่เป็นความดำมืดในจิตใจ
หากก่อนหน้าลิลิซคือสีขาวพยายามซ่อนสีดำไว้ในจิตใจ ตอนนี้คงเป็นตอนที่สีขาวถูกลบให้หายมีแต่สีดำครอบงำร่าง
ลิลิซควงหอกราวกับผู้เชี่ยวชาญศาสตราวุธประเภทนี้.. ไม่สิ.. เหมือนกับสุดยอดปรมาจารย์หอกโดยแท้
การเหวี่ยงหนึ่งครั้งหอกวารีพิชิสวรรค์.. ไม่สิ.. ตอนนี้คือ หอกทลายสวรรค์ที่บ้าคลั่งฆ่าชีวิตของปีศาจไปอย่างง่ายดายต้องบอกไว้ก่อนปีศาจเหล่านี้คือพวกหัวกะทิของกองทัพปีศาจ
ที่จอมมารได้ให้การยอมรับและเชื่อใจถึงได้ให้ทำงานสำคัญแบบนี้ และเจ้าขุนพลปีศาจแม้จะไม่แกร่งที่สุด แต่ก็มีฝีมือมากในหมู่ขุนพล
แต่ทว่าการสังหารของลิลิซนั้นเริ่มขึ้นตั้งแต่มันไม่ตั้งตัวและจบลงตั้งแต่มันยังไม่ตั้งตัว. เมื่อรู้สึกตัวอีกที.. ที่แห่งนี้ก็กลายเป็นการฆาตกรรมฝ่ายเดียว
อย่างโหดเหี้ยม บ้างก็หัวขาดบ้างก็อวัยวะภายในหลุดออกมาอย่าสยดสยอง แม้แต่ปีศาจอย่างมันยังรู้สึกอาเจียน ฆ่าหัวกะทิทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา!
มันมองไปยัง ‘มนุษย์’ เบื้องหน้าที่น่ากลัวยิ่งกว่าจอมมาร.. และสายตาของมนุษย์คนนี้จ้องมาที่มันด้วยสายตาเย็นชาทำให้มันรู้สึกกลัวขึ้นมา.. ทว่าเวลานั้นเองก็มีคนวิ่งเข้ามา
มันคิดว่าต้องเป็นกำลังเสริมแน่ๆ เพราะมันแจ้งข่าวไปแล้วว่าวันนี้จะปลดผนึกหอกวารีพิชิตสวรรค์ และนอกจากกำลังเสริมพวกก็อบลินหรือออร์กไม่อนุญาตให้เข้ามา
แต่มันก็แปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมถึงไม่ใช้ ‘GATE’ มาเลยถึงแม้จะเสียพลังเวทมากในการเปิดใช้งาน ‘สมบัติโบราณ’ แต่เรื่องที่ว่าปลดผนึกของหอกวารีพิชิสวรรค์นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย
…………