ผมแค่อยากอ่านหนังสือ แต่ดันกลายเป็นหญิงในต่างโลกซะงั้น – ตอนที่ 25

บทที่ 25 – โรสกับการเล่นแร่แปรธาตุ

 

ชั้นถือหอกทลายสวรรค์ขึ้นมาส่องมองดูอย่างใกล้ชิดและศึกษาอย่างละเอียด.. ห้านาทีต่อมา ชั้นก็เข้าใจทั้งหมดของมัน

มันสร้างขึ้นจากแร่ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเรียกว่า มิธรีล ผสมกับ แร่อุกกาบาต ทำให้มันมีความทนทานมากกว่าทุกอย่างในโลกนี่.. เอาเถอะแต่แค่ชั้นออกแรงนิดหน่อยก็หักมันได้แล้ว

พูดแล้วหดหู่เลยแฮะ.. กลับมาเรื่องเดิม หอกนี้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้แกนอสูรของปีศาจชั้นสูงที่เรียกว่า เลเวียธาน (Leviathan) ที่เป็นราชันแห่งท้องทะเล

ถึงจะบอกว่าเป็นปีศาจแต่ก็เหมือนมอนสเตอร์มากกว่านะ แต่สติปัญญาอยู่เหนือกว่ามนุษย์ เรียกได้ว่าเป็นขั้วตรงข้ามกับตำนานเทพโพไซดอนเลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้มันจึงมีพลังธาตุวารีที่แข็งแกร่งและยังมีจิตสำนึกโดยตัวเองด้วย ด้วยความแข็งแกร่งของมัน มันเลยหยิ่งผยองพอตัว

ถึงแม้มันจะอยู่ในโหมดปกติตอนอยู่ในมือชั้นแล้ว มันยังสั่นกึกๆ พยายามหาเรื่องชั้นอยู่เลย เจ้าปีศาจนี่ไม่มีอารมณ์สบายๆ บ้างเลยหรือไง

แต่ที่สำคัญมันมาอยู่ที่นี่ได้ไง แล้วไหงถึงให้ยัยลิลิซถือครองละเนี่ย สติมันยังดีหรือเปล่านะเจ้าหอกนี่ไปเอาคนอย่างลิลิซ …. ชั้นมองลิลิซในความทรงจำ

เธอก็ไม่ได้แย่อะไรหรอกนะ.. ชั้นโยนหอกไว้ข้างๆ ลิลิซแล้วมันก็กลายเป็นลูกแสงหายเข้าไปในร่างเธอเลย “ว้าว..” นั่นคือสิ่งที่ชั้นอุทานขึ้น

ที่มันไม่กลายเป็นลูกแสงตอนอยู่ในมือเพราะอะไรกันหว่า? คงไม่ใช่เพราะโดนชั้นข่มไว้หรอกนะ..

ชั้นตัดสินใจเดินเข้าไปในถ้ำเหมือนเดิม เพราะสงสัยเกี่ยวกับที่นั่นแล้วยังมีอะไรบางอย่างน่าสนใจด้วย อย่างวงเวทแปลกๆ ที่เรือนแสงสีแดงนั่น

ชั้นเดินผ่านเข้าไปจนเจอห้องเดิม ว่าแล้วถ้าจำไม่ผิดมีปีศาจโดนจับขึงอยู่บนไม้นั่นไม่ใช่เรอะ แต่ตอนนี้มันไม่มีแล้วอ่ะ หรือว่ามีพวกมารับกลับ

หรือโดนเสียงชั้นทำให้สลายกลายเป็นเศษเนื้อ. ว่าไปนั้นมันจะทำแบบนั้นได้ไงละเนอะ แถมเสียงคำรามขู่ของชั้นอย่างมากก็คงทำให้สลบเท่านั้น

นอกจากจะอยู่ใกล้จริงๆ คงไม่หัวระเบิดหรอกน่า ใช่ๆ .. ชั้นปลอบตัวเองเดินไปใกล้ๆ วงเวทนั่น วงเวทนี่เกิดจากการสลักพื้นให้เป็นรูปร่าง

มันคือวิชาผนึกของการแปรธาตุแน่ๆ ถ้าเป็นวงเวทแบบนี้ ตามร่องวงเวทมันมีเลือดของคนหลายคนไหลอยู่ภายในนั้น

ชั้นเดินวนดูวงเวท อยู่สักพัก.. หืม.. วงเวทนี่มันคงจะเป็น ‘ตราผนึกปราชญ์’ เป็นวิชาเล่นแร่แปรธาตุโดยเอาไว้ใช้ผนึกศิลานักปราชญ์

ไม่คิดว่าจะมีคนเอามาผนึกอาวุธแบบนี้นะเนี่ย ว่าแต่มันใช้ผนึกหอกได้ด้วยเรอะ บทบรรยายเกี่ยวกับศาสตราวุธทั้งห้าบรรยายไว้ซะโหดขึงขังนะ

ผนึกที่ไว้ใช้ผนึกศิลานักปราชญ์นี่ผนึกได้เรอะ มานึกๆ ดูพิธีกรรมการปลดผนึก คือการสังเวยเส้นเลือดของมนุษย์สามสิบสองชีวิต

เส้นเลือดก็คือ เอาเลือดจากมนุษย์ที่ยังไม่ตายมาแล้วสังเวยพอสังเวยเสร็จก็ต้องสังหารมนุษย์ที่เอาเลือดมาสังเวยเพื่อให้วงเวททำปฏิกิริยากับเส้นเลือดสังเวยได้สะดวก

โดยคนที่สามสิบสองคนสุดท้ายจะใช้เข็ม 7 เล่ม ดึงเอาเลือดจาก เท้า ต้นขา ท้องน้อย หน้าอก และคอ ในการสังเวยเลือด แล้วเผาร่างของเจ้าของเลือดทั้งเป็น

เหมือนเหตุการณ์ล่าแม่มด เพื่อปลดตราเวทผนึกปราชญ์ แต่ว่าถ้าลิลิซยังไม่ตายนี่เหมือนวงเวทจะยังไม่ถูกปลดผนึก

ชั้นคิดแบบนั้นก็นั่งลงถ่ายพลังเวทใส่วงเวท มันก็ส่องแสงสว่างออกมาอย่างคาดไม่ถึง ว่าแล้วผนึกยังไม่ถูกทำลาย.. เดี๋ยวนะ.. ถ้าไม่ถูกทำลาย

“ตู้ม!!”

ชั้นตอบสนองทันทีร่างของลิลิซพุ่งมาจากด้านนอกก่อนที่จะไปอยู่ตรงกลางของวงเวททั้งหมด และในตอนนั้นเองมีเส้นพลังงานสีดำขึ้นมารัดร่างของลิลิซ

ก่อนที่จะยึดมันลงกับพื้นอย่างแน่นหนา.. เอาแล้วไงปัญหาน่ารำคาญอีกแล้ว ให้ตายสิ! จะขออธิบายแล้วกันว่าเกิดอะไรขึ้น

ตราผนึกปราชญ์มันแม้จะอ่อนแอกว่าหอกวารีพิชิตสวรรค์ก็จริง แต่มันก็เรียกได้ว่าน่ารำคาญมาก พลังของหอกวารีพิชิตสวรรค์ในตอนนี้นั้นน่าจะอ่อนแอมาก

ไม่ถึงครึ่งของในอดีตเลย จึงถูกผนึกกากๆ นี่ผนึกไว้ได้แต่ตอนที่มันเปลี่ยนเป็น ‘หอกทลายสวรรค์’ ทำให้พลังมันพลุ่งพล่านขึ้นมาจนเหนือกว่าตราผนึกปราชญ์

และทำลายตราผนึกปราชญ์ออกมาได้ แต่ว่าทำลายกับปลดผนึกไม่เหมือนกัน ตรานี่เป็นเหมือนแมลงสาบ หากไม่ปลดผนึกตามขั้นวิธีการดีๆ ก็ไม่สามารถเอาของออกไปได้

และด้วยความที่ว่ามันไว้ใช้ผนึกศิลานักปราชญ์ ที่ไม่ได้มีพลังต่อสู้เหมือนหอกการจะหลุดออกจากตราผนึกจึงไม่แปลก แต่ถ้าจะเอาออกไปไม่ถูกวิธีก็ไม่สามารถทำได้

และหอกตอนนี้มันอยู่ในร่างลิลิซแล้ว หรือเป็นส่วนหนึ่งไปแล้ว ถ้าให้ชั้นเดาจากความสามารถต่างๆ ของหอก น่าจะทำสัญญาจากเลือดที่ปีศาจเอาออกมาจากร่างลิลิซ

จึงทำให้เป็นหนึ่งเดียวกัน .. แต่จะว่านะพวกปีศาจมันรู้วิธีปลดผนึกได้ยังไงกันหว่า… ว่ากันตามตรงถ้านับข้อมูลจริงๆ ตราผนึกปราชญ์ไม่น่าจะมีคนรู้จักเลย

ต่อให้เป็นปีศาจที่อายุยืนกว่ามนุษย์ก็เถอะนะ การจะสืบทอดวิธีปลดผนึกมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์นี่ก็เกินไป ยุคนี้การเล่นแร่แปรธาตุเหมือนจะไม่มีแล้วนะ

จากที่ถามลิลิซน่ะนะ เธอไม่รู้จักด้วยซ้ำ… ช่างเรื่องนั้นมันปะไรไม่เกี่ยวกับชั้นสักหน่อย ชั้นแค่ต้องการหาหนังสืออ่านหรอกนะ

แล้วยัยลิลิซก็ถูกผนึกแล้ว ชั้นใช้โอกาสนี้หนีจากยัยนี่ที่น่าจะเป็นตัวปัญหาเลยดีกว่าไหมนะ.. อืม.. ใช่ๆ ทิ้งเธอไว้แบบนี้แหละ

ชั้นเดินออกจากห้องไป ก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่หรอกนะ ชั้นผิดส่วนหนึ่งด้วยล่ะที่ไปกระตุ้นวงเวทให้มันกลับมาทำงาน (ความจริงแล้วพอผ่านไปสักพักมันก็จะผนึกลิลิซอยู่ดี แค่ข้ออ้าง)

เอาเป็นว่าชั้นแค่ช่วยสักหน่อยเท่านั้นนะ! แถมเธอเป็นเบ๊ชั้นด้วยจะปล่อยทิ้งแบบนี้ก็ไม่ได้ ใช่! ชั้นช่วยเธอเพราะเธอเป็นเบ๊หาซื้อหนังสือให้ชั้น!

แล้วชั้นแก้ตัวกับใครละเนี่ย! ช่างเถอะ ถือว่าได้ลองเวทแปรธาตุไปด้วยเลยแล้วกัน (ข้ออ้าง–)

“ฟังไว้นะ ลิลิซ ชั้นไม่ได้ช่วยเธอเพราะสงสารหรืออะไรหรอกนะ! ชั้นแค่คิดว่าเธอเป็นเบ๊ให้ชั้นเท่านั้น!”

ชั้นพูดแบบนั้นก็เดินไปเก็บหินมาหกก้อน วางคนละมุมรอบวงเวท จริงอยู่ที่มันมีวิธีปลดผนึกที่ชั่วร้ายแบบนั้น

แต่วิธีปลดผนึกอีกอันนั้นง่ายมาก แค่ใช้การเล่นแร่แปรธาตุปะทะซะก็สิ้นเรื่องสิ! ชั้นถ่ายพลังลงบนหินก้อนหนึ่ง

ก่อนที่จะมีแสงสีเขียวส่องออกมาจากหินก้อนนั้น และมีเส้นสีเขียวยืดออกมาไปสัมผัสกับหินสองก้อนที่อยู่ด้านขวาและซ้าย

ก่อนจะส่องไปจนครบหกก้อนวงล้อมรอบตราผนึกปราชญ์นี่ และในตอนนั้นเองเส้นแสงสีเขียวจากทั้งหกก็เดินทางผ่านตรงกลางเข้าหากัน

มานาในตัวชั้นลดเหมือนกับบ่อน้ำแตกเลยแฮะ ใช้พลังมานาเยอะจริงๆ ให้ตายสิ ก็นะระดับหนึ่งดันสร้างวงแหวนแปรธาตุซะนี่

พอเส้นแสงสีเขียวเชื่อมต่อกันเสร็จก็กลายเป็นวงแหวนเวทสีเขียววงหนึ่งทับบนวงแหวนเวทสีแดง เอาล่ะนะ

ชั้นกระตุ้นพลังเวทใส่มันอีกทีมันส่องแสงวาววับไปทั่วพื้นที่ หึๆ ถึงพลังเวทชั้นน้อยแต่อานุภาพของมันเรียกได้ว่าตราเวทกระจอกๆ นี่ทนไม่ได้เลยล่ะ

“เปรี๊ยงงง!!”

เสียงนี้ดังขึ้นพลังเวทสีแดงแตกสลายหายไปเส้นสีดำที่รัดร่างของลิลิซก็สลายหายไป.. เรียบร้อยแล้ว ถึงพลังเวทชั้นจะน้อย แต่ค่าสเตตัสเวทมนตร์ของชั้นคือ 99,999 นะเอ่อ

ต่อให้เป็นตราผนึกอะไรก็เถอะก็หยุดยั้งพลังเวทชั้นไม่ได้หรอก.. พูดแล้วก็เจ็บแฮะ.. ตัวชั้นนี่มัน…

“เฮ้อ…”

ชั้นถอนหายใจออกมา.. เอ๊ะ.. รู้สึกวิงเวียนศีรษะจังแฮะ เพราะใช้มานาจนหมดหรือเปล่าน่ะต้องน่าจะใช่แน่ๆ ให้ตายสิ..

พูดพึมพำแบบนั้นชั้นก็สลบท่ามกลางศพที่น่ากลัวไปซะอย่างนั้นแหละ..

 

………

 

[เวทมนตร์ กับ ทักษะ(สกิล) ค่อนข้างจะต่างกันนะครับเผื่อคนงง ทักษะคือทักษะพิเศษที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดอย่างที่บอกไป แต่เวทมนตร์คือสิ่งที่ต้องเรียนรู้เอาเอง.. เหมือนเล่นแร่แปรธาตุที่หนูโรสทำ ใช้ความรู้และพลังมานาเท่านั้นๆ ๆ ๆ]

ผมแค่อยากอ่านหนังสือ แต่ดันกลายเป็นหญิงในต่างโลกซะงั้น

ผมแค่อยากอ่านหนังสือ แต่ดันกลายเป็นหญิงในต่างโลกซะงั้น

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ผมแค่อยากอ่านหนังสือ แต่ดันกลายเป็นหญิงในต่างโลกซะงั้นชั้นชื่อ เลกซ์ เป็นแค่คนธรรมดาสามัญประจำบทตัวประกอบละนะ ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ตอนนี้ก็เป็นตัวเอกอยู่ ชั้นอายุ 38 ปี ถึงจะมีอายุขนาดนี้แต่ก็ไม่ได้มีสิ่งที่น่าจดจำในการใช้ชีวิตหรอกนะ ไม่ใช่ว่าชั้นไม่มีอะไรเลยนะ เพราะที่น่าจดจำที่สุดของชั้นคือเนื้อหาในหนังสือที่บอกเล่าเรื่องราว สมัยมัธยมต้นมัธยมปลายชั้นเป็นถึงบรรณารักษ์ห้องสมุดถึงตลอดเลยล่ะ ถึงจะดูโม้ไปหน่อยแต่เรื่องไหนที่ชั้นอ่านผ่านตาและคิดที่จะจดจำมันก็บันทึกลงแบบไม่มีทางลืมเลย สุดยอดใช่ไหมล่ะ.. นี่แค่เบาะๆนะ ชั้นจบป.เอก แต่มีงานหาเช้ากินค่ำเท่านั้นคงจะสงสัยว่าทำไมละสิ .. แน่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset