บทที่ 26 – เรื่องเล่าฟ้า (โลลิ) พิโรธ
คนที่ตื่นมาก่อนใครแน่นอนว่าต้องเป็น เชลก้าที่ไม่ได้บาดเจ็บอะไร เธออยู่นอกถ้ำก็ตกใจว่าทำไมตัวเองมาอยู่ที่นี่
“จะว่าไป…”
เธอนึกกลับไปถึงก่อนหน้านี้ ใช่จำไม่ผิดคือโศกนาฏกรรมของปีศาจ เธอมั่นใจว่าน่าจะเป็นฝีมือลิลิซที่ทำแบบนั้น เพราะคนที่อยู่ในนั้นมีแค่ลิลิซ
แล้วลิลิซก็พุ่งมาทำร้ายคุณหนูตัวเล็ก… แล้วแขนคุณหนูตัวเล็กก็มีกลายเป็นกรงเล็บคล้ายมังกร ถึงเธอจะไม่เคยเห็นแต่มั่นใจว่ามันคล้ายมังกรจริงๆ
แล้วก็ต่อกรกับลิลิซที่ใช้หอกได้อย่างน่าตะลึง เธอคิดว่าแม้แต่ตัวเธอเองยังไม่สามารถต้านทานได้.. แต่คุณหนูตัวเล็กรับสบายๆ
“เอ๋.. นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ยยย!”
เธอคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเด็กคนหนึ่งจะทำแบบนั้นได้.. พอนึกไปถึงท่าทางการต่อสู้อีกรอบ ในตอนแรกเธอคิดว่าคนที่เป็นพี่เลี้ยงคือลิลิซ
แต่ภาพในหัวคนที่เป็นพี่เลี้ยงก็คือคุณหนูตัวเล็กมากกว่านะ!
“ว่าแต่ที่นี่มัน…”
เธอมองรอบๆ ไม่เห็นใคร เงียบแม้แต่เสียงสัตว์ป่าก็ยังไม่มีใครเลย แม้แต่คุณหนูตัวเล็กทำให้เธอตกใจ เธอโยนเรื่องว่าคุณหนูตัวเล็กคือใครทิ้งไปทันที
“คุณหนูโรส!!!”
เธอตะโกนออกมา แต่ไร้เสียงเธอจึงตัดสินใจกลับไปในถ้ำเพราะก่อนหน้านี้เธออยู่ในถ้ำ หลังจากนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
พอเดินเข้ามาถึงก็เห็นคุณหนูตัวเล็กนอนอยู่มีเลือดนองเต็มพื้น (ลิลิซเองก็เหมือนกัน) แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เลือดของคุณหนูตัวเล็ก
แต่เชลก้านั้น เธอคิดไปแล้วว่าเป็นเลือดของคุณหนูตัวเล็กเธอรีบวิ่งไปหาทันที (เมินลิลิซโดยสิ้นเชิง)
“คุณหนูโรส!!”
เธออุ้มคุณหนูตัวเล็กขึ้นมา ทั้งๆ ที่คุณหนูตัวเล็กมีเลือดเปื้อนเต็มตัวทำให้หน้าของเธอเผือดสีลงทันที ก่อนที่จะอุ้มคุณหนูตัวเล็กขึ้นโดยไม่ตรวจสอบใดๆ เลย
“ต้องไปหาหมอในเมือง!!”
เธอตัดสินใจแบบนั้นก็วิ่งออกจากถ้ำไปเลย.. แต่ทว่า
“จะว่าไปแล้ว.. ลิลิซ อ่าว.. ลิลิซอยู่นี่ด้วยเหรอ”
เธอมองไปเห็นลิลิซที่นอนอยู่ตรงกลางวงเวทที่ไร้ซึ่งพลังใดๆ แล้ว มันทั้งเด่นสะดุดตาและเป็นใจกลางห้อง แต่เธอดันมองเห็นคุณหนูตัวเล็กก่อนมองเห็นลิลิซซะอีก
เห็นได้ชัดว่าเครื่องตรวจจับคุณหนูตัวเล็กของเธอนั้นยอดเยี่ยมกว่าสายตาตัวเองซะอีก เธอกัดฟันอุ้มลิลิซขึ้นมาและรีบกลับเมืองทันที
ตามป่ามีสัตว์หรือมอนสเตอร์ที่หัวแบะอยู่ บางทีก็เห็นคนที่นั่งกอดเขาตัวสั่นหงึกๆ เหมือนเห็นอะไรที่น่ากลัวมาอย่างงั้นแหละ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!”
เชลก้าพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จึงเร่งฝีเท้ากลับไปภายในเมือง.. ภายในเมืองเห็นได้ชัดว่าวุ่นวายสุดๆ เธอรีบเดินไปหายามหน้าประตูเมือง
“เกิดอะไรขึ้น!?”
“ทะ.. ท่านเชลก้า ท่านไม่ได้อยู่กับองค์หญิงหรือ?”
“เปล่า ข้าพักงานเป็นองครักษ์มาสองเดือนแล้วนะ ที่สำคัญในเมืองเกิดอะไรขึ้น!”
“ค.. ครับ! ความจริงเมื่อไม่นานมานี่มี ‘สัตว์ประหลาด’ โผล่มาละแวกนี้ คาดว่าน่าจะเหนือกว่ามังกร”
“ว่าอะไรนะ? มันโจมตีเหรอ?”
“ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น เพราะได้ยินแค่เสียงคำรามของมันอาจจะมีคนยั่วยุมันก็ได้”
“เสียงคำราม?”
“ใช่.. ถึงจะดูน่าเหลือเชื่อ.. แต่เป็นแบบนั้นจริงๆ ครับ”
“เป็นไปไม่ได้… ที่นี่น่าจะมีบาเรียป้องกัน….”
เสียงของเชลก้าเบาลงเรื่อยๆ จนถึงไร้เสียงเธอหันไปหายามหน้าประตู “อย่าบอกนะว่า…”
“ใช่ครับ.. นี่แค่พลังส่วนหนึ่งที่เล็ดลอดจากการป้องกันดังเข้าไปในเมือง.. คนที่เสียสติ หรือบ้าไปเลยก็มี คนสลบไปกว่าครึ่งเมือง มีเหตุไฟไหม้หรืออุบัติเหตุต่างๆ อีกด้วยครับ..”
“….”
เธอไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า ‘สัตว์ประหลาด’ นั่นจะแข็งแกร่งขนาดไหนเพียงเสียงคำรามก็สร้างผลลัพธ์ขนาดนี้
พอนึกถึงพวกสัตว์ที่อยู่ในป่าแฟร์รี่หรือนักผจญภัยเหล่านั้น ทำให้เธอแสดงสีหน้าปั้นยาก หากไม่ใช่เมืองฟิโอน่าละก็ มันอาจจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมฆ่าชีวิตคนไปหลายพันคนแน่
ภาพ ‘สัตว์ประหลาด’ ที่น่าหวาดกลัวนั้นอย่างน้อยน่าจะมีความใหญ่ราวมังกร แต่ไม่น่าจะใช่มังกรเพราะคำรามของมังกรไม่มีทางรุนแรงขนาดนี้อย่างแน่นอน
และต้องมีระดับ (เลเวล) เกินหนึ่งร้อยอย่างแน่นอน แค่นึกก็เหงื่อกาฬไหลออกมาจากใบหน้า นี่แค่เสียงคำรามขู่ขวัญ ถ้าหากมันโจมตีจริงๆ คงต้องร่วมมือกำจัดมันทุกอาณาจักรไปแน่ๆ
แต่ก็ไม่มีใครอยากจะต่อต้านสิ่งมีชีวิตแบบนั้น ถ้ามันไม่คิดจะมาโจมตีพวกเขาละก็นะ ..
ความจริงอันว่า โลลิสุดน่ารักที่ใครๆ ก็หลงรักตัวเล็กไม่ใหญ่ มีระดับแค่เลขหนึ่งเลขเดียว เป็นต้นเหตุทั้งหมด ต่อให้พระราชาพูดก็มีแต่คนหัวเราะแน่ๆ แต่ความจริงมันเป็นฝีมือคุณหนูตัวเล็ก
ความผิดทั้งหมดมันเป็นของคุณหนูที่อยู่บนไหล่ของเธอนั่นล่ะ ซึ่งเธอไม่ทราบเลย.. และต่อให้บอกก็ไม่มีคนเชื่อ..
และเหตุการณ์นี้ถูกเรียกว่า “ฟ้าพิโรธ” ในเวลาถัดไปเพราะนับเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติจาก ‘สัตว์ประหลาด’ สุดแกร่ง…
“เอ่อ… แล้วนั่นคือ..”
“อ๊ะ จริงด้วยชั้นขอตัวก่อนนะ!”
เธอรีบวิ่งหายลับไปในเมืองทันที ทหารยามคนนั้นเกาหัวหงึกๆ พึมพำว่า “นั่นมันเด็กที่พึ่งเข้าเมืองมาวันนี้ไม่ใช่เหรอ.. ไหงไปอยู่กับท่านเชลก้าละนั่น”
“ระ.. หรือว่า ลักพาตัว!! แบบนี้ไม่ได้ต้อง.. ต้องไปแจ้งความ! ถึงจะเป็นท่านเชลก้าก็เถอะ.. แต่ลักพาตัวแบบนี้ไม่ถูก!”
ทหารยามคนนั้นไม่รู้ทำไมถึงมีความคิดที่จะไปแจ้งความซะงั้น ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอิจฉาที่เชลก้าได้อุ้มคุณหนูตัวเล็ก หรือเพราะคิดว่าเชลก้าลักพาตัวจริงๆ
อันที่จริง.. เธอก็ไม่ได้มีประวัติไม่ดีอะไร แต่เป็นทหารยามที่จู่ๆ ก็ทึกทักขึ้นไปเองตั้งหาก… ขณะที่เขาตัดสินใจจะไปแจ้งความ
ก็นึกได้ว่า ไม่มีทางที่เชลก้าจะทำแบบนั้น แต่พอนึกแบบนั้นดันโกรธตัวเองซะแบบนั้น เลยกัดฟันกรอดๆ ด้วยความโกรธไม่รู้ว่าจู่ๆ ก็โกรธอะไร
“อืม.. แล้วพวกเจ้าหนูนั่นจะเป็นอะไรไหมนะ.. เหมือนจะอยู่ในป่าด้วยนี่”
เชลก้านึกถึงพวกกลุ่มผู้กล้าที่อยู่ในป่าความจริงเธอรู้จักพวกนั้น.. อันที่จริงก็เธอนั่นแหละที่เป็นคนสอนพวกนั้น ถึงจะเห็นเธอเป็นพนักงานกิลด์
แต่แค่พนักงานชั่วคราวเท่านั้น เพราะเธอพักงานเป็นองครักษ์ขององค์หญิงไว้เลยไปเป็นพนักงานกิลด์ชั่วคราว ด้วยชื่อเสียงความสามารถของเธอนั้น ในเมืองนี้แทบไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเธอ
แต่คนที่รู้ว่าพนักงานกิลด์เชลก้า คือคนเดียวกับเชลก้าที่แข็งแกร่งนั้นมีไม่มากหรอก กลับมาเรื่องเดิมเธออดห่วงพวกผู้กล้าไม่ได้
ถ้าพูดถึงเจ้าพวกนั้นต้องเข้าไปในถ้ำแน่ๆ แต่เหมือนจะไม่มี อาจจะออกมาแล้วละมั้ง เธอคิดแบบนั้น ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าพวกเขาถูกส่งลอยข้ามเขตไปแล้ว
เธอตัดสินใจไปในวัง เพราะมีหมอหลวงที่ฝีมือเก่งๆ ในการรักษา .. และนั่นคือประตูนรกสำหรับคุณหนูตัวเล็กหรือโรส..
เพราะในนั้นมีองค์หญิงบ้ากามอยู่!
……