บทที่ 28 – อเล็กเซีย
ภายในห้องโถงขนาดใหญ่มีพลังงานความมืดน่าหวาดกลัวสั่นเป็นระลอกๆ ทำให้ผู้คนสั่นไหวเมื่ออยู่ในห้องแห่งนี้
ภายในห้องมีร่างร่างหนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์มีเขาสีดำเป็นชั้นๆ งอกออกมาจากหัวทั้งสองข้างผมสีแดงเพลิงยาว สวมชุดสีดำปกคลุมไปทั่วร่าง
ไม่มีหน้าอก ไม่สิ.. จะพูดให้ถูกคือแบนราบ แถมตัวเล็กๆ พอๆ กับโรสเลยกระมังมีดวงตาสีแดงน่าหวาดกลัว
………
เรามีนามว่า อเล็กเซีย ลู ซานเดอร์ เป็นจอมมารคนปัจจุบันหรือปกครองเผ่าปีศาจในตอนนี้ แม้มนุษย์จะโง่เขลาเบาปัญญาอายุขัยแสนสั้น
แต่พวกมันนับว่ามีฝีมือ.. โดยเฉพาะพวกศาสนจักรที่ชั่วร้ายนั่น.. มันฆ่าล้างบางครอบครัวของเราจนไปหมดทั้งท่านพี่และท่านพ่อท่านแม่
พวกมันเพียงกล่าวแค่ว่าพวกเราคือสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าไม่พึ่งประสงค์ให้กำเนิดใช้ข้ออ้างนี้ชักจูงมวลมนุษยชาติที่แสนจะโง่เขลาให้เข้าร่วม ยังไม่เพียงพอ
พวกมันต่างเป็นพวกริเริ่มเพียงเพราะว่าพวกเราเป็นเผ่าที่แตกต่าง.. หากเราจำไม่ผิดมีในช่วงหนึ่งพวกมันไล่เข่นฆ่ามนุษย์เพศสตรีด้วยกันเองโดยกล่าวว่าถูกปีศาจสิงสู่
กลายเป็นแม่มดทำให้เราขยะแขยงเกลียดชังมนุษย์ขึ้นมามากยิ่งขึ้น จนกระทั่งเราได้พบกับเรื่องเล่า ที่เล่าสืบต่อกันมาถึงอาวุธทั้งห้า
เราใช้เวลาเสาะหามานานแสนนานเกือบร้อยปีจนพบชิ้นแรกนั่นคือหอกวารีพิชิตสวรรค์ที่กำลังจะตกในมือของเรา
พวกเราชาวปีศาจมีพลังเวทอันแกร่งกร้าวเหนือกว่ามนุษย์อย่างยิ่ง ดังนั้นหากอาวุธพิชิตสวรรค์มันไม่โง่เขลาย่อมเลือกที่จะเป็นลูกน้องของเผ่าปีศาจ…
นั่นคือสิ่งที่เราคิด.. แต่ว่า…
“เพล้ง!!”
ทันทีที่เราได้ยินว่าหอกได้ถูกมนุษย์ช่วงชิงไปแก้วในมือเราก็แตกกระจายเราที่นั่งอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่เบื้องหน้ามีชายก้มหัวอย่างหวาดผวาให้กับเราอยู่
“เมื่อเจ้าว่าอย่างไรนะ?”
เรากล่าวถามซ้ำ แต่เราเห็นตัวเจ้าชายเบื้องหน้าสั่นเต็มที่
“ฝ่าบาทฟังมิผิด… กระหม่อมเกือบถูกมันสังหารหอกวารีพิชิตสวรรค์มันยอมรับปุถุชนคนหนึ่งจริงๆ!”
มันกล่าวด้วยเสียงสั่น.. เรารู้สึกร่างกายเดือดจัดเป็นความโกรธที่ไม่อาจบอกบรรยายอย่างยิ่ง ในเวลาเดียวกันพลังของเราก็ระเบิดออกจากร่าง
เป็นพลังแห่งความมืดที่น่าหวาดกลัว.. เราไม่มีทางปล่อยมันไปแน่ๆ หอกวารีพิชิตสวรรค์มันต้องเป็นของเรา!
“ยัง..ยังมี…”
มันกล่าวขึ้นอีกเรากำลังคิดว่าจะสังหารมันทิ้งที่ทำงานผิดพลาดแต่เหมือนจะต้องการพูดบางอย่าง เราจึงรับฟังอย่างไม่ใส่ใจ
“มีอะไร?”
“ตอนก่อนที่กระหม่อมจะถูกพาออกมากระหม่อมเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง.. น่าจะเป็นเผ่ามังกรเพราะว่ากระหม่อมเห็นแขนของนางกลายเป็นเกล็ดมังกร”
“เด็กเผ่ามังกร เจ้ากำลังกล่าวตลกอันใดกับเรา?”
แน่นอนว่าเราย่อมไม่เชื่อ เด็กเผ่ามังกรนั้นไม่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้มีเพียงอายุครบหนึ่งร้อยปีถึงจะหลุดพ้นวัยเด็กเป็นผู้ใหญ่ถึงจะกลายร่างเป็นมนุษย์ได้
และต่อให้กลายร่างเป็นมนุษย์ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแค่แขนกลายเป็นมังกรได้ เหมือนกับอีกฝ่ายกำลังจะเล่นตลกกับเราจริงๆ
“กระหม่อมไม่ได้พูดเท็จ! ทั้งเด็กหญิงคนนั้นมีผมสีทองดวงตาสองสียังต่อสู้กับผู้ใช้หอกวารีพิชิตสวรรค์ด้วยมือข้างเดียว..”
“ไปกล่าวต่อในนรกเถอะ!”
เราไม่สนใจมันต่อให้เป็นมังกรเมื่ออยู่ต่อหน้าหอกวารีก็เป็นได้เพียงแค่จิ้งจกเท่านั่นแหละ มันทำงานไม่สำเร็จไม่พอยังกล่าววาจาเท็จหวังจะยืดชีวิตอีก
เราไม่ต้องการคนขลาดเขลาเราเพียงโบกมือหนึ่งครั้งพลังของเรากดทับร่างของมันจึงแตกหักพังทลายลงในชั่วพริบตา
“เอาล่ะ… กองกำลังเจ็ดขุนพลปีศาจ!!”
เสียงของเราดังกังวานไปทั่วสารทิศในดินแดนแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยนภาสีแดงเนื่องเพราะเป็นแดนปีศาจที่ถูกคำสาปธิดาเทพเมื่อสองพันปีก่อน
ไม่นานคนเจ็ดคนก็ปรากฏตัวขึ้นแต่ละคนล้วนมีรัศมีแข็งแกร่ง นี่คือขุนพลที่แข็งแกร่งที่สุดที่สามารถต่อต้านกับพวกศาสนจักรได้
แต่แน่นอนว่าเราไม่คิดจะเอาแค่เจ็ดคนนี้
“สามขุนศึกเทพมาร!”
เรากล่าวคำสิ้นเสียงก็มีเงาร่างสามเงาปรากฏขึ้นข้างหลังเรา สามคนนี้คือสุดยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นรองเพียงแค่เราเท่านั้น
“ไปอาณาจักรฟิโอน่า!”
เรากล่าวคำทันทีที่สิ้นเสียงของเราพวกมันทั้งสิบล้วนยกยิ้ม.. ใช่แล้วที่ถูกขึ้นชื่อว่าเป็นขุนพลและขุนศึก.. พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นเทพสังหาร!
หากสู้กับผู้ใช้หอกวารีพิชิตสวรรค์คงต้องทุ่มสุดตัวกันหน่อย เพราะเราจะฆ่ามันทิ้งและช่วงชิงมาซะ
……