ผมแค่อยากอ่านหนังสือ แต่ดันกลายเป็นหญิงในต่างโลกซะงั้น – ตอนที่ 31

​บทที่ 31 – โรสกับอาร์ติแฟ็คง่ายๆ

 

หลังจากนั้นชั้นกับคนอื่นๆก็แบ่งสันกันอ่านหนังสือ น่าเสียดายที่พวกเธออ่านหนังสือของชั้นไม่ออกเลยไม่ได้อ่าน ก็แหงล่ะนั่นเป็นภาษาเมื่อสองพันปีก่อนเชียวนะ

ชั้นจึงเข้าใจระบบกลไกเวทมนตร์ได้ดีขึ้น ชั้นจะอธิบายให้ฟังถึงระบบกลไกที่ว่านี้แล้วกัน เวทมนตร์เป็นพลังงานมานาที่อยู่ในร่างของมนุษย์

ไม่สิ.. สิ่งมีชีวิตทุกชนิดเลยก็ถูกแต่ในที่นี้ เวทมนตร์ยังมีอยู่ตามอากาศในรูปแบบของมวลชนิดหนึ่งเหมือนโมเลกุลสสารทั่วไปที่อยู่ตามพื้นที่

และไม่ว่าจะเป็นเหล็ก กระดาษ ไม้ หญ้า ดิน อุปกรณ์ทุกอย่างล้วนมีเวทมนตร์ที่เบาบางไหลเวียนอยู่ แต่มันเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์มาก

เนื่องจากเป็นพลังงานในรูปแบบที่ไร้ประโยชน์จะพูดให้ถูกคือ พลังงานที่ขาดแรงกระตุ้นนั่นเองและแม้จะกระตุ้นมัน มันก็ไม่มีผลอะไรอยู่ดี

นี่คือความรู้ใหม่ที่ในสองสหัสวรรษผู้คนได้ศึกษามันจนเข้าใจมากขึ้น อย่างเช่นเมื่อครู่ที่ริมเธอสร้างตัวเธอจากหุ่นกล เป็นการนำพลังเวทของร่างส่งลงในรูน

รูนที่เขียนขึ้นเป็นรูนที่ริมคิดค้นด้วยตัวเองมันจะปรับเปลี่ยนและแปรสภาพพลังงานของพลังเวทให้เหมาะสม ต่อการจำแรงร่างของริมเอง แน่นอนว่าเมื่อทำเช่นนั้น

หุ่นกลก็จะตอบสนองด้วยวงเวทที่ถูกกระตุ้นจนแปรสภาพหุ่นกลเป็นสิ่งมีชีวิต.. นี่ทำให้ชั้นสนใจมันอย่างมาก ก็แหม..มันเป็นความรู้นะ ความรู้น่ะใครก็ต้องแส่หาความรู้สิถูกไหม?

ด้วยกระบวนการทำงานของพลังเวทนี้สมองชั้นเหมือนได้รับการเติมเต็มทำให้ไอเดียดีๆ ในการสร้างเวทมนตร์พุ่งเข้ามาในหัวชั้น

แบบนี้สิ.. ใช่!! ถ้าทำแบบนี้ได้มันคงจะน่าสนุกไม่น้อยเลยนะเนี่ย ฮ่าๆ ชั้นรู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งแต่ปัญหาเพียงอย่างเดียวของชั้นในตอนนี้คือ เวทมนตร์ไม่มี

ไม่สิ.. จะพูดก็คือพลังเวทในร่างน้อยยิ่งกว่าน้อยสิ จะใช้เวทมนตร์หรือสร้างเวทมนตร์มันเป็นไปไม่ได้เลย!

“ท่านโรเสะ นี่มันคืออะไรคะ..?”

ในตอนที่ชั้นกำลังเพ้อฝัน ก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้น ชั้นจึงหันไปตามสัญชาตญาณเธอคนนี้มีชื่อ เลมิเลีย ..

เธอมีผมสีเงินยาวสลวย ดวงตาสุกใสราวกับดวงดาวบนท้องฟ้านามราตรี เธอก็สวยนั่นล่ะ จริงสิ.. ความจริงคือคนพวกนี้ล้วนเป็นคนดังทั้งนั้น

อย่างริม แม้เธอจะไม่ได้โอ้อวดแต่คนอื่นก็บอกว่าเธอถูกเรียกว่สเป็นสุดยอดปราชญ์ ผู้คิดค้นอาร์ติแฟ็คหุ่นกลโดยซึมซับเวทมนตร์ตามธรรมชาติ

เลมิเลียเป็นนักบุญผู้ที่เคยช่วยชีวิตของคนใกล้ตายด้วยวงเวทแปลกประหลาด ถือกำเนิดเวทธาตุแสงครั้งแรกในศตวรรษ

วิลเล็ท ผู้หญิงผมสีแดงสั้น เป็นนักตีดาบของเขตนี้กินบริเวณหลายอาณาจักรรอบๆ นี้เคยสร้างดาบที่ฟันเกล็ดมังกรเข้าเกือบเทียบเคียงกับดาบศักดิ์สิทธิ์

แต่ชั้นมองว่ามันโกงกว่าดาบศักดิ์สิทธิ์เลยนะ.. เพราะดาบศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ขี้โม้เอาทั้งนั้น ชั้นปรายตามองยังมองออกว่ามันตัดแต่งเรื่องใหม่ให้ดูเว่อร์วัง

เรนนี่ เธอเป็นเกย์ … ชั้นหมายถึงสาวดุ้นตั้งหากเธอมีผมสีเหมือนกับชั้นตอนเป็นโรสยาวเหมือนผู้หญิงตัวเล็กสูงไม่เกิน 160 เซนติเมตร

หน้าอกราบ.. แน่ล่ะก็เป็นชายนิ.. แต่ชั้นจะเรียกว่าเธอแล้วกันเพราะว่าทุกอย่างทั้งเสียงคำพูดคำจาหลอกลวงชั้นได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์

ถ้าเลมิเลียไม่บอกชั้น ชั้นคงคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงแน่ๆ และเธอก็เป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่ม.. อ๊ะอ๊า อย่าสงสัยว่าทำไมไม่มีผู้ชาย

ผู้ชายส่วนใหญ่สมองมีแต่กล้ามและถึงแม้จะชอบอ่านหนังสือ แต่ก็อ่านหนังสือเพื่อสนับสนุนการใช้ชีวิตเท่านั้น เช่นคนอ่านหนังสือไปใช้ในการต่อสู้

แต่พวกเขาเหล่านี้อ่านหนังสือเป็นอาชีพ.. รู้สึกว่าแปลกๆ แฮะพวกเอาแต่อ่านหนังสือเนี่ย… (ไม่มองตัวเองเหรอย้ะ หล่อน) นอกจากนี้ยังมีคนอื่นอีกนะ

ที่เธอถามชั้นคือแบบแปลงที่ชั้นร่างลงกระดาษ

“นี่คือสิ่งที่ใช้ติดต่อระยะไกล!” ชั้นยิ้มตอบ

“ติดต่อระยะไกล? ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอคะ?” ไม่ใช่เลมิเลียแต่เป็นวิลเล็ท

“มันคือการโทรจิต!” ชั้นตอบ

“โทรจิต!!” ทุกคนหันมามองชั้นด้วยสายตาตกใจ

เอ่อ.. ถูกแล้วเมื่อชั้นได้รับความรู้เวทมนตร์ขั้นก็คิดค้นเครื่องโทรจิต ใช้หลักการเดียวกับโทรศัพท์รับส่งสัญญาณ

แต่ดัดแปลงเป็นส่งความคิดโดยใช้เครื่องในแบบแปลงเป็นตัวนำสัญญาณที่จะพูดก็คือเหมือนใช้เครื่องที่ชั้นสร้างเป็นเสาส่งสัญญาณความคิดนั่นล่ะ

และการจะสร้างมันค่อนข้างจะยาก แล้วถึงจะบอกว่าหลักการเดียวกันกับโทรศัพท์ แต่มันก็แค่การรับส่งคลื่นเสียงโทรจิต ต้องใช้ทั้งอักษรรูนที่สร้างเอง

แน่นอนว่า คิดไว้แล้วเช่นกัน .. รวมถึงการปรับแต่งอุปกรณ์ที่ใช้สร้างเครื่องตามแบบแปลงปรับแต่งรูปแบบพลังเวทในนั้น และที่สำคัญต้องสร้างขึ้นมาเพื่อใครเพื่อมัน

ในความจริงที่ว่าการโทรจิตคือส่งความคิดเข้าสมอง แต่ถ้าชั้นแบบนี้ที่มีค่าพลังเวทสูงส่งความคิดเข้าไปในหัวพวกเขา .. หัวระเบิดตายแน่ๆ

เนื่องเพราะสมองของคนมันต่างกันชั้นจึงต้องสร้างแบบของใครของมัน ส่วนแบบแพร่หลายใครๆ ก็ใช้ได้ ชั้นไม่คิดจะสร้างมันเพราะหากมีการขโมยเกิดขึ้นข้อมูลจะรั่วไหลโดยที่ชั้นไม่รู้ตัวได้

นี่ชั้นคิดค้นมาเพื่อลัทธิหนังสือสดๆ ร้อนๆ เลยนะ…

“ท่านโรเสะจะบอกว่ากำลังคิดจะสร้างอาร์ติแฟ็คโทรจิต!?” (ริม)

“อืม.. จะเรียกแบบนั้นก็ได้ละมั้ง” (Artifact คือไรพิมพ์ลงค้นกูลดู)

“เป็นไปได้ด้วยเหรอคะ โดยทั่วไปทักษะโทรจิตนี้เป็นทักษะเฉพาะที่มีบางคนเท่านั้นสำคัญสำหรับปาร์ตี้อย่างมาก แต่การที่จะสร้างอาร์ติแฟ็คโทรจิตนี่มัน..” (เลมิเลีย)

“ตามหลักการก็… ชั้นจะสร้างเครื่องรับส่งสัญญาณขึ้นมาในลักษณะของแท่งดินสอเพียงแค่ติดมันไว้กับตัวแท่งนี้มันจะปรับแต่งกระบวนการพลังเวทด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อส่งถ่ายพลังเข้าไปเพียงแค่คิดความคิดจะถูกส่งลงไปในแท่งที่กล่าวแล้วส่งแยกไปยังแท่งอื่นๆ หากใครนำติดตัวอยู่ความคิดจะเข้าสู่สมองโดยตรงและด้วยชั้นใส่อักษรรูนชนิดพิเศษเหมือนเป็นแม่เหล็กดึงดูด ความคิดที่ส่งเข้ายังแท่งนั้นด้วยความเร็วราวๆ 0.01 วินาที โดยอาศัยอากาศที่มีเวทมนตร์ส่งเสริม และปรับแต่งอุปกรณ์นั้นที่มีพลังเวทจะทำให้ส่งความคิดได้ด้วยความเร็วดั่งกล่าวไป แน่นอนว่าชั้นได้คิดไว้แล้วถึงขนาดความคิดตึงปรับแต่งด้วยอักษรรูนและวงเวทขึ้นมาเองโดยการควบคุมความคิดเมื่อส่งเข้าถึงแท่งนั้นๆ ก่อนจะเข้าหัวให้มีขนาดพอเข้ากับสมองของคนคยนั้น และเมื่อมีคนอื่นนอกกลุ่มพยายามจะใช้เมื่อทำการส่งความคิดแท่งดังกล่าวจะไม่ปรับความคิดให้เท่ากับคนคนนั้นสมองก็จะระเบิดออกจากจำนวนความคิดที่มากกว่าและตายไป”

“…..”

เอ่อ.. เงียบกันทำไมกันละเนี่ยชั้นอธิบายให้งงงั้นเหรอ.. อะไรกันชั้นอุตส่าห์คิดเลยนะถึงจะไม่คิดว่ามันลำบากอะไรมากก็เถอะ

“เอ่อ..”

“ท่านโรเสะบอกว่าสร้างอักษรรูนสองชนิด และปรับแต่งวงเวท พร้อมกับปรับแต่งเวทมนตร์ในอุปกรณ์นั้นๆ?” (ริม)

“อืมก็ใช่.. มันแปลกตรงไหนงั้นเหรอ?”

“ก็แปลกสิคะ! ใครมันจะไปคิดค้นอักษรรูนแบบนั้นได้กัน!” (ริม)

“เอ๊ะ.. ก็ไม่ยากนี่น่า”

“….”

“ไม่เชื่อเหรอ หลักการเพียงแค่นำความคิดควบคุมด้วยเวทมนตร์พิเศษโดยอ้างจากทักษะแปรธาตุอัดความคิดเป็นพลังงาน..”

“พอๆ .. พอเลยค่ะ หลักการอักษรรูนแต่ใช้การเล่นแร่แปรธาตุช่วยนี่แค่ช่วงต้นนะ.. เชื่อเขาเลยค่ะ” (ริม)

คนที่โต้ตอบกับชั้นไม่ใช่ใครนอกจากริม เธอมองชั้นด้วยสายตาแปลกๆ อย่ามองชั้นแบบนี้สิ นี่มันเรื่องง่ายๆ นะ …

“มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก..”

“ให้นักปราชญ์แห่งศตวรรษมาพูดว่าจะสร้างรูนง่ายๆ แบบนั้น ก็คงไม่มีใครกล้าพูดค่ะ!” (ริม)

“เอ๋.. งั้นเหรอ..”

“เฮ้อ.. ไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะ.. แล้วท่านโรเสะเริ่มคิดค้นอักษรรูนตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” (ริม)

“เมื่อกี้…”

“ห๊ะ…?” (ทุกคน)

“ก็ชั้นพึ่งจะอ่านข้อมูลเกี่ยวกับหลักการเมื่อไม่กี่นาทีก่อนแน่นอนว่าก็ต้องพึ่งคิดสดๆ ร้อนๆ สิ..”

“จะ.. จะ.. จะบอกว่าพึ่งอ่านเรื่องราวของวิทยาเวทไปเมื่อสิบนาทีก่อนแล้วคิดสร้างอาร์ติแฟ็กและอักษรรูนเสร็จในเวลาไม่ถึงสิบนาทีคิดค้น..?”

คนที่ตกตะลึงกล่าวติดๆ ขัดๆ คือวิลเล็ทนักตีดาบ ชั้นก็พยักหน้าเพราะมันเป็นความจริงชั้นไม่อยากโกหกพรรคพวกด้วย

“กะ… โกหกหรือเปล่าคะเนี่ย เป็นไปได้ด้วยเหรอคะแบบนั้น!!” เลเมิเลียอุทานเสียงดัง

“เอ๋.. ขนาดริมยังคิดอักษรรูนได้ชั้นคิดได้มันน่าแปลกตรงไหนละเนี่ย..”

“เอ่อ.. ท่านโรเสะคะ.. ขั้นใช้เวลาครึ่งชีวิตในการคิดค้นอักษรรูนหนึ่งตัว.. ตีเฉลี่ยกว่าสิบกว่าปีค่ะ”

“…..”

 

 

…….

ผมแค่อยากอ่านหนังสือ แต่ดันกลายเป็นหญิงในต่างโลกซะงั้น

ผมแค่อยากอ่านหนังสือ แต่ดันกลายเป็นหญิงในต่างโลกซะงั้น

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ผมแค่อยากอ่านหนังสือ แต่ดันกลายเป็นหญิงในต่างโลกซะงั้นชั้นชื่อ เลกซ์ เป็นแค่คนธรรมดาสามัญประจำบทตัวประกอบละนะ ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ตอนนี้ก็เป็นตัวเอกอยู่ ชั้นอายุ 38 ปี ถึงจะมีอายุขนาดนี้แต่ก็ไม่ได้มีสิ่งที่น่าจดจำในการใช้ชีวิตหรอกนะ ไม่ใช่ว่าชั้นไม่มีอะไรเลยนะ เพราะที่น่าจดจำที่สุดของชั้นคือเนื้อหาในหนังสือที่บอกเล่าเรื่องราว สมัยมัธยมต้นมัธยมปลายชั้นเป็นถึงบรรณารักษ์ห้องสมุดถึงตลอดเลยล่ะ ถึงจะดูโม้ไปหน่อยแต่เรื่องไหนที่ชั้นอ่านผ่านตาและคิดที่จะจดจำมันก็บันทึกลงแบบไม่มีทางลืมเลย สุดยอดใช่ไหมล่ะ.. นี่แค่เบาะๆนะ ชั้นจบป.เอก แต่มีงานหาเช้ากินค่ำเท่านั้นคงจะสงสัยว่าทำไมละสิ .. แน่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset