เซียวฉางควนได้ยินถึงตรงนี้ ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหันในทันที ถามขึ้นด้วยอาการตัวสั่นไม่หยุดว่า “อะไรนะ?!แจ…แจกันสองหู?!ลายมังกรสมัยราชวงศ์หยวน!”
หงห้าพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ครับคุณเซียว คือแจกันสองหูลายมังกรของสมัยราชวงศ์หยวนคู่หนึ่งจริงๆ!”
“คุณพระ!”
เซียวฉางควนชื่นชอบสิ่งของตั้งโชว์สมัยโบราณมาโดยตลอด แม้จะบอกว่าซื้อของมักจะหลงกลถูกตบตา แต่เส้นทางของโบราณก็ยังคงมีความเข้าใจเป็นอย่างมาก
แจกันสมัยราชวงศ์หยวนเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องลายครามที่แพงที่สุดแล้ว
แค่จานลายครามอะไรก็ได้สมัยราชวงศ์หยวน ก็สามารถขายได้ถึงหลักล้าน
หากเป็นเครื่องลายครามชิ้นใหญ่สมัยราชวงศ์หยวน เช่นเครื่องโถกุ๋ยกู่จื่อออกโรงที่โด่งดัง ราคาประมูลเมื่อสิบกว่าปีก่อน ก็ได้เกินร้อยกว่าล้านหยวน ตอนนี้หากนำออกมาอีกล่ะก็ อย่างน้อยที่สุดก็อยู่ที่ห้าร้อยล้านขึ้นไป
แจกันสองหูลายมังกรสมัยราชวงศ์หยวน เซียวฉางควนเคยได้ยินมาก่อน
ในคู่มือการวินิจฉัยและชื่นชมงานศิลปะจำนวนมากที่Christie‘s Sotheby’sเขียน ล้วนบันทึกแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนที่คล้ายคลึงกันเอาไว้
ประมาณการแบบเหลือที่เอาไว้ ก็ต้องอยู่ในหลักสามถึงห้าสิบล้าน!
เวลานี้ เฉินเสี่ยวจาวได้เป็นฝ่ายเปิดกล่องของขวัญไม้มะฮอกกานีที่วิจิตรบรรจงขึ้น บุซับในกล่อง วัสดุที่ใช้คือผ้าไหมซาตินสีทอง
และแจกันลายครามที่มีรูปร่างวิจิตรงดงามสองใบ ก็กำลังนอนเอนกายอยู่ภานในซับในที่ใช้ไหมซาตินถักทอ
ดวงตาของเซียวฉางควนแทบจะมองจนหลุดออกมาแล้ว!
นี่เป็นถึงเครื่องลายครามสมัยราชวงศ์หยวนเลยนะ!
ของสะสมชั้นยอดของผู้ชื่นชอบวัตถุโบราณ!
มีเครื่องลายครามสมัยราชวงศ์หยวนชิ้นหนึ่ง ส่วนใหญ่ก็หมายถึงว่า เรื่องเก็บสะสมนี้ได้เดินมาถึงจุดสูงสุดแล้ว!
เซียวฉางควนในเวลานี้ แทบจะอดใจไม่ไหวอยากจะเข้าไปหยิบแจกันหนึ่งในนั้นเอามาถือเล่นไว้ในมืออย่างละเอียดสักรอบ
แต่ว่า พอเขาคิดถึงในตอนแรกที่จี๋ชิ่งถัง ตนเองพลั้งมือทำขวดพอร์ซเลนอวี้หูสมัยราชวงศ์ถังหล่น ในใจก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
ต้องรู้ว่า แจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบนี้ ราคาต่อใบ คือหลายต่อหลายเท่าของขวดพอร์ซเลนอวี้หูเลยนะ!
เย่เฉินดูออกว่าพ่อตามีความชอบเป็นอย่างมากต่อแจกันใบนี้ ก็เลยหัวเราะพร้อมกับเอ่ยกับซือเทียนฉีว่า “หมอเทพซือ ขอบคุณสำหรับของขวัญของคุณ พ่อตาของผมชอบวัตถุโบราณมากที่สุดในชีวิต ผมให้เขาเข้าไปชื่นชมระยะใกล้หน่อย”
ซือเทียนฉีรีบเอ่ย “อาจารย์เย่ตามสบายครับ!”
เย่เฉินเดินมาถึงด้านหน้าของเฉินเสี่ยวจาว นำแจกันสองหูหนึ่งในนั้นออกมา จากนั้นยื่นไปที่ด้านหน้าของเซียวฉางควน หัวเราะพร้อมกับเอ่ยว่า “พ่อ พ่อไม่ใช่ชอบวัตถุโบราณหรอครับ? แจกันคู่นี้ ผมก็ยืมดอกไม้ถวายพระ ส่งต่อให้พ่อแล้ว”
เซียวฉางควนพอฟังคำพูดนี้ ก็ตื่นเต้นจนตัวสั่น ในใจตื่นเต้นดีใจจนถึงขีดสุดไปตั้งนานแล้ว บนใบหน้ากลับเอ่ยขึ้นอย่างได้รับความโปรดปรานจนน่าตกใจว่า “นี่…นี่จะได้ยังไงกัน…นี่…นี่…นี่ก็ล้ำค่าเกินไปหน่อยแล้วล่ะมั้ง…”
หม่าหลันก็เริ่มอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย
เธอแม้ไม่รู้ว่าแจกันสองหูลายมังกรสมัยราชวงศ์หยวนคู่นี้มูลค่าเท่าไรกันแน่ แต่เธอรู้ว่าเครื่องลายครามสมัยราชวงศ์หยวนต่างก็ไม่ใช่ถูกๆ คาดว่าแจกันคู่นี้อย่างน้อยที่สุดก็ต้องหลักสิบล้าน
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงแอบประเมินในใจด้วยความอิจฉาว่า “เย่เฉินให้ฉันให้แค่เครื่องสำอางค์ไม่กี่แสนกับกระเป๋าราคาแสนกว่ม ให้ไอ้แก่เซียวฉางควนนี่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเครื่องลายครามหลักสิบล้าน ไอ้แก่นี่มีสิทธิ์อะไรกัน?”
ในตอนที่ในใจอิจฉาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนี้เอง เย่เฉินก็หัวเราะพร้อมเอ่ยกับเซียวฉางควนว่า “นี่เป็นน้ำใจของหมอเทพซือ ขอเพียงแค่พ่อรักษาดูแลให้ดี เห็นมันเป็นของสะสมภายในบ้าน อย่านำออกไปขายก็พอ!”
เซียวฉางควนรีบตบอกเอ่ยขึ้นในทันทีว่า “ลูกเขยที่ดี แกวางใจ ต่อให้ฉันเอาตัวเองขายไปแล้ว ก็จะไม่ขายแจกันคู่นี่โดยเด็ดขาด!”
พูดจบ เขาก็รับแจกันสองหูลายมังกรสมัยราชวงศ์หยวนใบนั้น มาจากในมือของเย่เฉินด้วยสองมืออย่างระมัดระวัง มองดูการแสดงสีและการเคลือบอย่างสมบูรณ์แบบที่อยู่ด้านบนแล้ว เขาก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อนๆเอ่อล้นที่รอบดวงตา
หม่าหลันในเวลานี้ถึงได้โล่งอก ในใจคิดว่า “ฉันก็นึกว่าเซียวฉางควนไอ้แก่นี่ ได้รับของล้ำค่าขนาดนี้คู่หนึ่งที่เย่เฉินมอบให้จริงๆเสียอีก!ที่แท้ก็ได้แต่เก็บสะสมขายไม่ได้!งั้นนี่ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรแล้ว”