เมื่อซูรั่วหลีได้ยินว่าแม่กับคุณตาจะมา เธอจึงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
และเมื่อได้ยินว่าคุณตาบุกทะลวงเส้นลมปราณเส้นที่สี่สำเร็จ กลายเป็นนักบู๊สี่ดาวแล้ว เธอจึงยิ่งตื้นตันจนน้ำตาคลอเบ้า
เธอมองดูเย่เฉิน แล้วพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า“บุกทะลวงเส้นลมปราณที่สี่สำเร็จ กลายเป็นนักบู๊สี่ดาว เป็นความหวังสูงสุดของคุณตามาตลอดทั้งชีวิต หลังจากที่เขาอายุหกสิบ ก็รู้แล้วว่าชีวิตนี้ของตัวเองไม่มีหวังที่จะบุกทะลวงได้ ดังนั้นจึงเอาเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่เขาเสียใจมาตลอดชีวิต……”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอก็กล่าวด้วยใบหน้าซาบซึ้ง“คุณชายเย่คะ ทุกอย่างต้องขอบคุณโอกาสที่คุณหยิบยื่นให้ ถ้าไม่เป็นเพราะยาของคุณ คุณตาต้องไม่มีโอกาสนี้อย่างแน่นอน ขอบคุณนะคะ!”
เย่เฉินยิ้มเบาๆ“คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมในทุกเรื่องหรอก ได้ร่วมงานกับตระกูลเหอของพวกคุณ ถึงแม้ว่าจะเห็นแก่หน้าของคุณ แต่การร่วมงานนี้เราก็เท่าเทียมกัน ไม่ใช่การกุศลจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง”
“อีกทั้ง จากนี้ไปผมอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากคนของตระกูลเหอ ขอแค่คนของตระกูลเหอตั้งใจทำงานกับผมอย่างแน่วแน่ ผมก็จะเพิ่มโอกาสให้ตระกูลเหอแน่นอน”
“โอกาสแบบนี้ไม่เพียงแต่เป็นเงินทองและยา กระทั่งอาจจะยังรวมถึงวิชาป้องกันตัวกังฟูภายในและวิชากังฟูภายในต่างๆ”
เย่เฉินพูดถึงตรงนี้ ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยถามว่า“จากการสังเกตของผม การฝึกฝนวิชาป้องกันตัวกังฟูภายในของตระกูลเหอของพวกคุณ น่าจะเป็นส่วนเล็กส่วนน้อย ไม่ทราบว่าผมพูดผิดตรงไหนรึเปล่าครับ?”
ซูรั่วหลีรีบกล่าวขึ้นมาว่า“คุณชายเย่มีพลังเหนือธรรมชาติจริงๆ แม้แต่เรื่องนี้ยังดูออก……”
พูดจบ เธอก็อธิบายว่า“ความจริงแล้ว ตระกูลเหอมีการสืบทอดวิชาป้องกันตัวกังฟูภายในตระกูลมานานหลายศตวรรษแล้ว ไม่ได้ถูกสร้างมาจากบรรพบุรุษตระกูลเหอ แต่ได้มาโดยบังเอิญจากบรรพบุรุษของตระกูลเหอ”
“อันที่จริงตอนที่ได้มันมาในครั้งแรกนั้น มันเป็นหนังสือตำราที่ไม่สมบูรณ์ เนื้อหาในนั้นขาดหายไปเยอะมากพอสมควร……”
“ดังนั้นในตอนที่ตระกูลเหอกำลังฝึกฝนวิชาป้องกันตัวกังฟูมวยในตระกูลนั้น มีข้อจำกัดเยอะมาก อีกทั้งง่ายต่อการทำให้กำลังภายในไม่เป็นระเบียบ มีอันตรายถึงชีวิต”
“ด้วยเหตุนี้ ตระกูลเหอจึงได้ตั้งรกรากอยู่ในที่ที่หนาวที่สุดในหัวเซี่ย เพราะยิ่งหนาวมากเท่าไร โน้มที่กำลังภายในจะไม่เป็นระเบียบก็จะน้อยลง……”
เย่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย
อันที่จริง วิถีของศิลปะการต่อสู้นั้น เติบโตจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ได้เสื่อมถอยตกต่ำลงมามาก
ความจริงตั้งแต่ราชวงศ์ซ่ง จนถึงปลายราชวงศ์หมิงและต้นราชวงศ์ชิง การพัฒนาศิลปะการต่อสู้ค่อนข้างเจริญรุ่งเรือง
เนื่องจากในยุคของอาวุธเย็นนั้น มีประโยชน์ต่อกังฟูมาก ไม่เพียงแต่สามารถปกปักรักษาประเทศชาติได้ ยังทำมาหากินได้อีกด้วย ดังนั้นนอกจากนักวิชาการแล้ว คนที่เหลือจึงอยากเป็นยอดฝีมือของศิลปะการต่อสู้
แต่ว่า พอมาถึงราชวงศ์ชิง มหาอำนาจจากต่างประเทศได้เปิดประเทศด้วยปืนใหญ่ ทันใดนั้นจึงทำให้คนที่ฝึกวิชาศิลปะการต่อสู้จำนวนนับไม่ถ้วนค้นพบว่า ความสามารถที่พวกเขาเรียนรู้สะสมมาตลอดทั้งชีวิต ไม่สามารถสู้ปืนกระบอกเดียว และปืนใหญ่ในมือของต่างชาติได้
ในตอนแรก นักศิลปะการต่อสู้ผู้รักชาติจำนวนไม่น้อยก็มีหัวใจที่ภักดีที่จะรับใช้ประเทศ แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่มีค่าควรแก่การกล่าวถึงเมื่อเผชิญกับอาวุธร้อน
สิ่งที่ทำให้ผู้คนสะท้อนใจมากที่สุดก็คือ ทหารหลายพันนายล้อมชาวต่างชาติหลายร้อยคนในตงเจียวหมินเซียง แต่เมื่อใช้เวลาโจมตี56วัน ก็ไม่สามารถจู่โจมเข้าไปได้
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ผู้ฝึกฝนศิลปะต่อสู้จำนวนมากที่หลงใหลในศิลปะการต่อสู้ในตอนแรก ได้เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายต่อต้านศิลปะการต่อสู้กลุ่มใหญ่ที่สุด เหตุผลก็คือ เพราะเห็นถึงความแตกต่าง และตระหนักได้ว่าความพยายามมาตลอดทั้งชีวิต สู้กระสุนนัดเดียวไม่ได้
ตั้งแต่นั้นมา สงครามในประเทศก็ปั่นป่วนมาหลายปี ทั้งปัญหาภายในและภายนอก แต่การพัฒนาอาวุธเติบโตรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ และทำให้ช่องว่างระหว่างศิลปะการต่อสู้กับอาวุธกว้างขึ้น
ดังนั้น ตั้งแต่ราชวงศ์ชิงมา ศิลปะการต่อสู้ก็เริ่มตกต่ำลงเรื่อยๆ จนมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสามารถฟื้นฟูกลับมาได้
เดิมที ประชากรสองสามร้อยล้านคนของหัวเซี่ย มีคนนับล้านกระทั่งหลายสิบล้านคนฝึกศิลปะการต่อสู้ แต่ตอนนี้ หลายพันล้านคนของหัวเซี่ย คนที่ฝึกฝนวิชาศิลปะการต่อสู้กลับมีไม่เกินแสนคน
วิชาป้องกันตัวกังฟูภายในจำนวนมากค่อยๆสูญหายไปในช่วงเวลานี้ ดังนั้นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้จำนวนมาก จึงไม่มีวิชาป้องกันตัวกังฟูภายในที่สมบูรณ์เพื่อฝึกฝน ซึ่งถือได้ว่าเป็นความโศกเศร้าอย่างยิ่งต่อความเสื่อมถอยของศิลปะการต่อสู้
อย่างไรก็ตาม ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ในตอนนี้ มีความกระตือรือร้นต่อศิลปะการต่อสู้ไม่ด้อยไปกว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเลย
ยกตัวอย่างเช่นตระกูลเหอ อันที่จริงคนของตระกูลเหอปรารถนาที่จะเติมเต็มตำราวิชาป้องกันตัวกังฟูภายในให้สมบูรณ์ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่พบเบาะแสที่เกี่ยวข้อง
สำหรับเย่เฉินแล้ว วิชาป้องกันตัวกังฟูภายในไม่ได้มีอะไรดี
ในตำราเก้าเสวียนเทียนบันทึกวิชาป้องกันตัวกังฟูภายในไว้มากมาย สิ่งเหล่านี้มันมากจนเขาขี้เกียจฝึกฝน เพราะตนเองได้เหนือกว่าระดับศิลปะการต่อสู้แล้ว วิชาป้องกันตัวกังฟูภายในแบบนี้สำหรับเขาแล้ว ไม่มีค่าอะไรเลย
แต่ว่า ถ้าเขาหยิบเอาหนึ่งในวิชาป้องกันตัวกังฟูภายในของตำราเก้าเสวียนเทียนออกมา เกรงว่าอาจจะสามารถทำให้ตระกูลศิลปะการต่อสู้แย่งชิงกันดุเดือด
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ จนถึงตอนนี้ ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ทั่วทั้งประเทศ มีเพียงคนเดียวที่มีวิชาป้องกันตัวกังฟูภายในอย่างสมบูรณ์ กลับเป็นฉินเอ้าเสวี่ยตัวเล็กพริกขี้หนูที่ไร้ซึ่งสำนัก และพึ่งเข้าสู่วงการ
ตอนนี้เธอกำลังแอบฝึกฝ่ามือสี่สภาพ เป็นสิ่งที่เย่เฉินเป็นวิชาป้องกันตัวกังฟูภายในที่เย่เฉินหยิบออกมาจากตำราเก้าเสวียนเทียน
ดังนั้น เย่เฉินจึงเอ่ยปากพูดกับซูรั่วหลีว่า“ในอนาคตถ้าถึงเวลา ฉันสามารถมอบวิชาป้องกันตัวกังฟูภายในให้กับตระกูลเหอ ถึงเวลานั้น อาจจะสามารถช่วยยกระดับตระกูลเหอได้อีกขั้น!”
เมื่อซูรั่วหลีได้ยินอย่างนั้น เขาจึงรู้สึกตกใจมาก ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตื้นตันใจมากเช่นกัน
เธอไม่มีความเคลือบแคลงใจถึงวิชาป้องกันตัวกังฟูภายในอันสมบูรณ์แบบของเย่เฉิน แต่เธอคิดไม่ถึงว่า เย่เฉินจะยอมเอามันมามอบให้ตระกูลเหอ
ถึงแม้เย่เฉินจะไม่ได้บอกว่าจะให้ตอนนี้หรือจะให้แน่ๆ แต่เย่เฉินก็บอกแล้วว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม นี่จึงหมายถึง ขอแค่เวลาเหมาะสม เย่เฉินก็จะยอมเอามามอบให้กับตระกูลเหอ
ซูรั่วหลีรู้ดีว่า วิชาป้องกันตัวกังฟูภายในหมายถึงอะไร และมีความสำคัญมากแค่ไหน
ดังนั้นเมื่อเธอได้ยิน เธอจึงแทบจะรอไม่ไหวหวังว่า ตระกูลเหอจะสามารถกลายเป็นคนสนิทของคุณชายเย่ได้ ในขณะเดียวกัน ก็ได้รับวิชาป้องกันตัวกังฟูภายในจากคุณชายเย่โดยเร็วที่สุด!