เฉินจื๋อข่ายได้รับข้อความ ก็รีบตอบกลับประโยคหนึ่ง “คุณชายครับ จะให้ผมหารูปของคนๆนี้มาด้วยมั้ยครับ ส่งคนออกไปสืบค้นเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับเขาสักหน่อย?”
“อย่าเด็ดขาด!” เย่เฉินรีบเตือน “คนๆนี้อันตรายอย่างมาก ลูกน้องของนายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แม้แต่ยอดฝีมือพวกนั้นของตระกูลเหอ ก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
เฉินจื๋อข่ายรีบถามว่า “คุณชายครับ ปู่หลานสองคนที่ไปเขาเฟิ่งหวงเมื่อคืนที่คุณให้พวกผมไปติดตาม เรื่องเช้าวันนี้ที่รปภ.สุสานเขาเฟิ่งหวงตายอย่างน่าประหลาด น่าจะเกี่ยวข้องกับคนนี้ใช่มั้ยครับ?!”
“ใช่” เย่เฉินตอบกลับ “เพราะงั้นนายอย่าได้บอกกับคนอื่น ช่วยสืบหาเบาะแสให้ฉันก็พอแล้ว อย่าได้พูดออกไปเด็ดขาด อย่าได้ให้คนออกไปหาตัวเขา แบบนั้นมีเพียงแค่ไปตายเท่านั้น”
“รับทราบครับคุณชาย!”
เพียงช่วงเวลาของอาหารเช้า เฉินจื๋อข่ายก็ได้บันทึกการเข้าออกพื้นที่ของซวนเฟิงเหนียนมา
ข้อมูลพวกนี้ รวมถึงข้อมูลพาสปอร์ตของซวนเฟิงเหนียน ภาพถ่ายดิจิตอล รวมทั้งวิดีโอกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ในศุลกากรขณะที่ซวนเฟิงเหนียนเข้าเมือง
แต่ว่า ตามที่เขาบอกมา ทั้งระบบโรงแรมในเมืองจินหลิง ไม่มีบันทึกการเข้าพักของซวนเฟิงเหนียน
นี่ก็แสดงให้เห็นว่า คนๆนี้อยู่ในเมืองจินหลิงนั้นไม่ได้พักโรงแรม ดังนั้นจึงไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แม่นยำของเขาในปัจจุบันได้
เย่เฉินทำได้เพียงจดจำใบหน้าลักษณะเด่นของคนนี้ไว้ในสมอง ที่เหลือค่อยหาวิธีวิเคราะห์ในระยะยาว
ขณะเดียวกัน เขาก็ได้ทำการวิเคราะห์ซ้ำถึงตรรกะของเรื่องราวนี้ในใจ
ไม่ว่าจะเป็นทวดเหลนไหม้เฉิงซินทั้งสอง หรือว่าซวนเฟิงเหนียน จะต้องเป็นซูเฉิงเฟิงส่งตัวมาแน่นอน ในจุดนี้สามารถมั่นใจได้
ส่วนซวนเฟิงเหนียนแค่เชี่ยวชาญการฆ่า แต่กลับไม่เชี่ยวชาญการตามหาตัว ดังนั้นหน้าที่นี้จะต้องให้ทวดเหลนไหม้เฉิงซินสองคนนี้มาช่วยหาเบาะแส
ถ้าเป็นอย่างนี้ หากผ่านตัวไหม้เฉิงซิน น่าจะหาตัวซวนเฟิงเหนียนคนนี้ได้
ไอ้ขยะนี่มาจากประเทศอังกฤษถึงเมืองจินหลิงเพื่อมาทำความชั่ว จะต้องรีบฆ่าเขาทิ้งซะ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาทำร้ายชีวิตคนอื่นได้อีก!
เมื่อคิดถึงนี่ เย่เฉินก็ได้ทำการตัดสินใจ ตรงไปยังป๋ายจินฮ่านกง พบเจอกับไหม้เฉิงซิน
ถ้าหากว่าเขาให้ความร่วมมืออย่างจริงใจ ตัวเขาก็จะถือว่าเขาไม่ได้ทำเรื่องชั่วร้ายมากมาย และไม่ได้ช่วยคนชั่วทำเรื่องเลวร้าย ปล่อยให้พวกเขาทวดเหลนสองคนมีชีวิตออกไปจากหัวเซี่ย
แต่ถ้าหากว่าพวกเขากล้าช่วยซวนเฟิงเหนียนทำร้ายใครสักคนในเมืองจินหลิง อย่างนั้นพวกเขาสองคนก็อย่าได้คิดจะมีชีวิตกลับไปยังอเมริกาแล้ว!
………
เนื่องจากข่าวลือที่ว่ามีผี เย่เฉินจึงไม่ได้ให้เซียวชูหรันขับรถไปทำงานเอง แต่เขาเป็นคนขับให้ แล้วส่งเซียวชูหรันไป
เดิมทีเซียวชูหรันไม่อยากรบกวนเย่เฉิน แต่ยังไงซะหม่าหลันก็พูดออกมาแล้ว เธอเองก็ไม่กล้าคัดค้าน
ไม่พูดไม่ได้ ตั้งแต่ที่หม่าหลันโดนกระทำมา ติดกับดักความชั่วแล้ว ก็เป็นผู้เป็นคนกว่าเดิมมาก และก็รู้จักเป็นห่วงความปลอดภัยของเซียวชูหรันแล้ว
เย่เฉินส่งเธอไปยังโรงแรมที่ตี้เหากรุ๊ปกำลังก่อสร้าง ที่นี่กำลังทำงานกันอย่างเต็มที่ คนงานนับพันอยู่ที่นี่ คิดแล้วก็คงไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยอะไร
ในตอนที่เซียวชูหรันกำลังจะลงรถ เย่เฉินเอ่ยปากพูดเตือนว่า “ที่รัก ตอนค่ำอย่าได้เลิกงานกลับบ้านคนเดียวเด็ดขาดนะ ทำงานเสร็จเมื่อไหร่ ก็โทรหาฉันนะ ฉันขับรถมารับเธอ”
เซียวชูหรันพยักหน้า พูดอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อยว่า “งั้นคืนนี้ฉันน่าจะดึกหน่อยนะ”
“ไม่เป็นไร” เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย “ดึกแค่ไหนฉันก็มารับเธอ อย่าลืมโทรหาฉันก่อนละ เธอจะได้ไม่ต้องรอ”
“โอเค!” เซียวชูหรันพูดอย่างยิ้มหวาน “งั้นฉันลงรถก่อนละ!”
หลังจากที่เย่เฉินบอกลากับเซียวชูหรันแล้ว ก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงแรมป๋ายจินฮ่านกง