ไหม้เฉิงซินรีบร้อนกลับไปยังห้องพักภายใต้การพยุงของไหม้เค่อ
ห้องพักในตอนนี้ สภาพเละเทะไปแล้ว
กระเป๋าเดินทางของเขาและไหม้เค่อต่างก็ถูกเปิดออกค้น ส่วนเข็มทิศฮวงจุ้ยตลับนั้น ถูกเขาใช้ผ้าไหมห่อหุ้มไว้ เก็บไว้ในกระเป๋าเดินทาง ไม่คิดเลยว่าจะหายไปเช่นกัน
และเงินหยวนที่เขาแลกตอนที่มาหัวเซี่ยกับไหม้เค่อ รวมทั้งเงินดอลลาร์ที่ใช้ในยามฉุกเฉิน เก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางกลับไม่หายไปเลยสักแดงเดียว
ไหม้เฉิงซินกังวลอย่างหนักขึ้นมาทันที พูดกับไหม้เค่อว่า “เงินไม่หาย ของอย่างอื่นก็ไม่หาย แต่เข็มทิศกลับหายไป….”
แม้ว่าไหม้เค่อจะไม่เก่งทักษะวิชาการ แต่เขาก็รู้ดี ว่าเข็มทิศนั่นคือมรดกสืบทอดของตระกูลไหม้ ได้ยินมาว่าเริ่มมาจากบรรพบุรุษรุ่นแรกของตระกูลไหม้ที่ฝึกฝนฮวงจุ้ยซวนซวย สืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้
ยังไม่พูดถึงว่าสิ่งของชิ้นนี้มีมูลค่าเท่าไหร่ แค่เพียงความหมายของมรดกนี้ ก็ไม่สามารถใช้เงินมาวัดได้
ที่ยิ่งสำคัญกว่านั้นคือ เข็มทิศฮวงจุ้ยนี้ เนื่องจากบรรพบุรุษในอดีตให้พรมาเรื่อยๆ สามารถเรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือทางธรรมแล้ว ใช้มันมาดูฮวงจุ้ย แยกทิสทางตำแหน่ง ความแม่นยำดีกว่าเข็มทิศทั่วไปอย่างมาก!
ผู้สืบทอดตระกูลไหม้ ล้วนใช้เข็มทิศตลับนี้ทะยานไปเป็นปรมาจารย์ฮวงจุ้ยทั้งนั้น ถ้าหากว่าเข็มทิศตลับนี้หายไป ต่อไปความสามารถในการดูฮวงจุ้ยของผู้สืบทอดตระกูลไหม้ก็จะลดลงอย่างมาก
ดังนั้น เขารีบร้อนพูดกับไหม้เฉิงซินว่า “ทวดครับ พวกเรารีบแจ้งตำรวจกันเถอะครับ!”
ในเวลานี้ เฉินจื๋อข่ายก้าวเท้าเดินเข้ามา เอ่ยปากพูดว่า “ท่านทั้งสองอย่าได้กังวลเกินไปครับ ผมได้ทำการแจ้งตรวจไปแล้วครับ”
ทวดเหลนทั้งสองคนหันหน้าไปมองผู้ที่มาเยือน เห็นว่าอีกฝ่ายใส่ชุดสูทรองเท้าหนัง ดูแล้วไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ดังนั้นไหม้เฉิงซินจึงถามว่า “คุณท่านนี้ ไม่ทราบว่าคุณคือ?”
เฉินจื๋อข่ายรีบพูดว่า “อ้อ ลืมแนะนำตัวไป ผมคือเฉินจื๋อข่าย เป็นผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมป๋ายจินฮ่านกงครับ”
พูดแล้ว เขาพูดอีกด้วยสีหน้าละอายใจ “เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมที่เป็นผู้ดูแลของโรงแรมรู้สึกเสียใจและละอายใจเป็นอย่างมาก เมื่อรับรู้ว่าเกิดการขโมยขึ้น ผมก็รีบเดินทางมายังที่นี่ทันที และระหว่างทางที่ผมมาก็ได้ให้คนแจ้งตำรวจไปแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานตำรวจก็จะมาถึงครับ”
ไหม้เค่อได้ยินว่าเฉินจื๋อข่ายแจ้งตำรวจแล้ว ดังนั้นจึงได้ละทิ้งความคิดที่จะโทรแจ้งตำรวจ
ในเวลานี้ ไหม้เฉิงซินถามอย่างปกปิดความโมโหไม่ได้ว่า “คุณเฉินครับ โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงของพวกคุณคือโรงแรมนานาชาติที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก ผมพักโรงแรมของพวกคุณในที่ต่างๆทั่วโลกไม่ใช่เพียงแค่ครั้งสองครั้ง!”
“ที่ผ่านมาไม่ว่าผมจะพักโรงแรมป๋ายจินฮ่านกงแห่งไหน รปภ.และการบริการล้วนทำได้ดีมาก ไม่เคยเกิดสถานการณ์ที่ของหายเลยสักครั้ง แม้แต่พนักงานรับติปก็ยังมีกฎอย่างดี เก็บเพียงเงินสดที่วางไว้บนเตียงเท่านั้น เงินสดที่อื่นจะไม่แตะต้องเลยสักนิด!”
“แต่ว่า มีเพียงโรงแรมแห่งนี้ของพวกคุณเท่านั้น กลับเกิดเรื่องเลวร้ายอย่างการปล้นห้องขึ้น! แล้วยังขโมยมรดกสืบทอดที่ล้ำค่าที่สุดของฉันไป! มันมากเกินไปแล้วจริงๆ!”
เฉินจื๋อข่ายยิ้มอย่างละอาย รีบร้อนขอโทษ “คุณไหม้ครับ ขออภัยอย่างมากจริงๆเลยครับ ผมเองก็ตกใจมากที่โรงแรมของพวกผมเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น พูดตามจริง นี่ก็เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่โรงแรมของพวกเราเปิดให้บริการมาจนถึงทุกวันนี้ครับ….”
พูดแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามกลับว่า “คุณไหม้ครับ ไม่ทราบว่ามรดกสืบทอดชิ้นนั้นของคุณมีค่ามากใช่มั้ยครับ? จะเป็นไปได้มั้ยครับว่ามีคนเล็งมรดกสืบทอดชิ้นนั้นของคุณแล้วจงใจมาทำการปล้นครับ?”
ประโยคนี้ของเฉินจื๋อข่าย ได้ทำการส่งต่อความผิดไปให้กับไหม้เฉิงซินในทันที
นั่นก็คือเย่เฉินเป็นคนสอนเขา
ใช้คำพูดของเย่เฉิน กลยุทธ์นี้เรียกว่า “ย้อนปัญหา”
คุณมาตั้งคำถามกับฉัน? ดี งั้นฉันก็ทำการตั้งคำถามย้อนกลับไปให้คุณ
คุณกล่าวโทษว่าความปลอดภัยของที่ฉันไม่ดี งั้นฉันก็ย้อนกลับไปอย่างคลุมเครือบอกว่าคุณน่าจะถูกคนเล็งตัวไว้ ส่วนใครเล็งตัวคุณไว้ ใจของคุณรู้ดีไปคิดเอาเอง
และที่น่าสนใจก็คือ แม้แต่ตอนที่เข้าห้องของไหม้เฉิงซินว่าจะขโมยอะไรไป เฉินจื๋อข่ายล้วนใช้โทรศัพท์เปิดกล้องให้เย่เฉินดู เย่เฉินเลือกเข็มทิศชิ้นนี้