ในใจของเธออดที่จะใส่ร้ายเขาไม่ได้“ถ้าแกไม่อยากปล่อยจงเทียนหยู่ไป ก็แค่บอกตรงๆว่าให้อภัยเขาไม่ได้ ใครจะขอร้องยังไงก็ไม่มีประโยชน์?”
“แต่แกจะให้ฉันยอมรับต่อหน้าของจงเทียนหยู่ให้ได้ ว่าฉันไม่ได้มาช่วยเขาขอร้อง นี่มันเท่ากับทำให้ฉันเป็นคนไม่มีเมตตาไม่ใช่หรอ?ดีไม่ดีอนาคตถ้าฉันได้เป็นแม่เลี้ยงของเขาขึ้นมา เรื่องนี้ถ้าฉันตกหลุมหรางแก จากนี้ไปเด็กคนนี้ก็เป็นศัตรูกับฉันน่ะสิ?”
ดังนั้น เย่ฉางหมิ่นจึงตัดสินใจกัดฟันพูดขอร้องว่า“เย่เฉิน เทียนหยู่เด็กคนนี้น่ะความจริงเขาเป็นเด็กดีนะ แค่บางครั้งอาจจะใจร้อนไปหน่อย หวังว่านายจะเห็นแก่อา ปล่อยเขาไปสักครั้งเถอะ”
เย่เฉินหัวเราะ แล้วพูดเน้นยำทีละคำว่า“ขอโทษนะครับอา ที่นี่ คุณไม่ได้มีศักดิ์ศรีมากขนาดนั้น!”
พูดจบ น้ำเสียงของเย่เฉินก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา เขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า“คุณไปจินหลิงแล้วทำตัวเย่อหยิ่งขนาดนั้นในตอนแรก ผมเห็นแก่คุณที่เป็นผู้อาวุโสกว่า ผมเลยต้องไว้หน้าและให้เกียรติคุณ”
“แต่ว่า คุณผิดที่หลงตัวเองมากจนเกินไป!”
“คุณมักจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตา คิดว่าคนทั้งโลกจะต้องฟังคำสั่งของคุณ!”
“แต่ว่า ผมไม่สนว่าคุณจะทำต้องเอาแต่ใจข้างนอกยังไง แต่อยู่ในจินหลิงมันใช้ไม่ได้ผล!”
เย่ฉางหมิ่นถูกเย่เฉินกล่าวตำหนิชุดใหญ่ เธอรู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่กล้าแสดงออกถึงความไม่พอใจ เธอทำได้เพียงแค่พูดอย่างกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเพื่อไม่ให้บัวช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น“เย่เฉิน เมื่อก่อนอาทำผิดพลาดมามากมายก็จริง หลังจากผ่านการไตร่ตรองช่วงนี้ อาได้ตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเองแล้ว……”
พูดจบ เธอก็พูดอีกว่า“สำหรับเทียนหยู่ อาเชื่อว่าเขาน่าจะสับสน ให้โอกาสเขาเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่เถอะนะ เขาตระหนักได้แล้วว่าเขาผิดตรงไหน จากนี้ไปเขาจะต้อง……”
เย่เฉินตัดบทสนทนาของเธอ แล้วพูดอย่างเรียบเฉยว่า“เอาล่ะ คุณไม่ต้องพูดช่วยเขาแล้ว เพลย์บอยรวยที่เย่อหยิ่งจองหองอย่างเขา ไม่มีทางตระหนักได้หรอกว่าตัวเองผิดตรงไหน”
จงเทียนหยู่ร้องไห้ไปด้วยพูดไปด้วยว่า“คุณชายเย่ครับ ผมสำนึกผิดแล้ว ผมมีตาหามีแววไม่ ทำให้คุณขุ่นเคือง จากนี้ไปผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ ปล่อยผมไปสักครั้งเถอะนะครับ……”
เย่เฉินหัวเราะอย่างเย้ยหยัน“คุณดูสิ คุณคิดว่าคุณมีตาหามีแววไม่ นี่เลยพิสูจน์ได้ว่าคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณผิดตรงไหน!อะไรคือมีตาหามีแววไม่ มันเป็นแค่การเลือกปฏิบัติต่อผู้อื่นเท่านั้น คนที่แข็งแกร่งกว่าคุณ คุณจะคุกเข่าเลียประจบสอพลอ คนที่อ่อนแอกว่าคุณ คุณจะกระโดดขึ้นมาเหยียบเขา ขยะอย่างคุณน่ะ ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนจนหมดจด ไม่มีทางปล่อยกลับสู้สังคมได้หรอก!”
พูดจบ เขาก็หยิบมือถือในมือของจงเทียนหยู่ออกมา แล้วพูดกับเย่ฉางหมิ่นที่อยู่ปลายสายว่า“ผมได้ข่าวมาว่าคุณกับพ่อของจงเทียนหยู่มีความสัมพันธ์ไม่เลวเลยใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นผมรบกวนปากคุณบอกกับเขาหน่อยสิ”
เย่ฉางหมิ่นรีบกล่าวว่า“นายว่ามาได้เลย ฉันจะส่งข่าวให้เขาเอง!”
เย่เฉินจึงกล่าวว่า“จะให้ผมปล่อยจงเทียนหยู่ไม่ใช่ว่าเป็นไม่ได้หรอก ผมให้ทางเลือกเขาสองทาง หนึ่งคือให้เขาอยู่ที่จินหลิงสักระยะหนึ่ง รอหลังจากที่บริษัทขนส่งทางทะเลของผมเริ่มกิจการ ให้เขาไปทำงานเป็นพนักงานลูกเรือสองปี ภายในสองปีห้ามลงจากเรือ เมื่อถึงเวลาสองปี ผมจะปล่อยเขาออกไป!”
เมื่อเย่ฉางหมิ่นได้ยินหนังตาของเธอถึงกับกระตุก!
ไปเป็นลูกเรือสองปี?!ต้องทรมานแค่ไหนเนี่ย?
เมื่อจงเทียนหยู่ได้ยินแบบนั้น เขาถึงกับเข่าทรุดทันที
เขาคิดไม่ถึงเหมือนกันว่า เย่เฉินจะโหดร้ายขนาดนี้!
เขาเป็นคนในวงการบันเทิง อนาคตข้างหน้าจะต้องอยู่วงการบันเทิงต่อไป จะให้ตนไปเป็นลูกเรือสองปี ถ้าอย่างนั้นชีวิตในวงการบันเทิงของเขาไม่ต้องจบเห่หรอกหรอ?
อีกทั้ง ภายในระยะเวลาสองปีห้ามลงจากเรือ นี่มันต่างจากถูกจองจำสองปีตรงไหน?!
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงถามโพล่งออกไปว่า“แล้วทางเลือกที่สองล่ะ?!”
เย่เฉินมองเขาแวบหนึ่ง แล้วพูดอย่างเรียบเฉยว่า“ทางเลือกที่สองก็คือ ผมจะตัดขาทั้งสองข้างของคุณซะ ให้คุณคลานกลับเย่นจิง!”