เมื่อได้ยินว่าเย่เฉินจะตัดขาของตัวเองทิ้งทั้งสองข้าง แล้วให้เขาคลานกลับเย่นจิง จงเทียนหยู่ตกใจจนขวัญกระเจิง
เขาอยู่ในแวดวงลูกหลานคนรวยในเย่นจิง มานานยี่สิบกว่าปี จากความเข้าใจที่เขามีต่อแวดวงนี้ก็คือ คนในแวดวงนี้ ถึงแม้จะเย่อหยิ่งจองหองยังไง ถึงแม้จะโหดเหี้ยมอำมหิตแค่ไหน แต่พื้นฐานแล้วจะทำต่อคนที่อยู่นอกแวดวง ในขณะที่อยู่กับคนในแวดวง ส่วนมากจะค่อนข้างเก็บกิริยาอาการ
ยกตัวอย่างเช่นตัวเอง หลายปีมานี้เขารังแกคนอื่นมาไม่น้อย เรื่องตัดขาคนอื่นแบบนี้ เขาทำมาไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่เขาทำกับคนที่มีภูมิหลังสู้ตัวเองไม่ได้และจนกว่าเขา ถ้าจะให้ทำกับคนในแวดวงเดียวกัน ใครๆก็ต้องไว้หน้าอีกฝ่ายอยู่แล้ว
เนื่องจากทุกคนต่างมีอิทธิพลและเงินทอง อีกทั้งยังต้องร่วมธุรกิจกันบ่อยๆ ดังนั้นต่างรู้กันดีว่าไม่ว่าจะทำอะไรห้ามทำเด็ดขาดเกินไป
นี่เป็นกฎกติกาที่ทุกคนในแวดวงลูกหลานคนรวม ต้องเคารพ
แต่จงเทียนหยู่พบว่า เย่เฉินคนที่อยู่ตรงหน้าขา แทบจะไม่สนใจกฎกติกานี้เลย
ดังนั้น เขาจึงโพล่งออกไปว่า“เย่เฉิน ถ้าคุณตัดขาฉันทิ้ง ครอบครัวของผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่ อีกทั้งพอถึงเวลานั้นคนวงในก็จะรังเกียจและคุณก็จะโดดเดี่ยวไม่มีใครคบ เอางี้ไหมคุณกราบคุณเพื่อสำนึกผิดก็ได้ แล้วค่อยชดใช้เงินให้คุณอีกหน่อย คุณปล่อยผมไปเถอะนะ!”
เย่เฉินพูดโดยไร้ซึ่งอารมณ์บนสีหน้า“สองทางเลือกผมบอกกับคุณไปแล้ว ตอนนี้คุณเลือกมาสักทาง ภายในเวลาหนึ่งนาที ถ้าคุณไม่บอกผม ตัวเลือกแรกท้ายที่สุดจะเปลี่ยนจากสองปีเป็นสามปี ตัวเลือกที่สองเป็นเหมือนเดิม”
เมื่อจงเทียนหยู่เห็นว่าเย่เฉินไม่ฟัง เขาจึงรีบตะโกนไปในสายว่า“น้าเย่ครับ น้าช่วยผมพูดหน่อยสิครับน่าเย่……”
เย่ฉางหมิ่นถอนหายใจ แล้วกล่าวว่า“เทียนหยู่ น้าขอเตือนให้นายเลือกตัวเลือกที่หนึ่งเถอะ ถ้าขืนยังถ่วงเวลาต่อไป จากสองปีก็จะกลายเป็นสามปีนะ น้ากลัวว่านายจะทนไม่ไหว……”
พูดจบ เย่ฉางหมิ่นก็พูดเสริมขึ้นมาอีกว่า“ถึงยังไงก็ห้ามเลือกตัวเลือกที่สองนะ นายอย่าคิดว่าเย่เฉินแค่พูดๆไปเท่านั้น คนอย่างเขาพูดคำไหนคำนั้น บอกว่าจะให้นายคลานกลับมา จะต้องไม่เปลี่ยนแปลงความคิดแน่ ขงเต๋อหลงคนตระกูลขงก่อนหน้านี้ ชีวิตของเขายิ่งกว่ายาจกอีกตอนนี้……”
หลังจากที่ถูกเย่เฉินสั่งสอนไปคราวก่อน เย่ฉางหมิ่นคอยสืบทุกการกระทำของเย่เฉินมาโดยตลอด ยิ่งสืบมากเท่าไร เธอก็ยิ่งหวาดกลัวเย่เฉินมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นในฐานะที่เธอเป็นผู้มีประสบการณ์ เธอจึงรีบช่วยจงเทียนหยู่เลือกตัวเลือกที่ดีที่สุด
จากความเห็นของเธอ ที่พูดกับจงเทียนหยู่ ว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ก็คือการตอบตกลงกับเย่เฉินในตัวเลือกที่หนึ่ง ไม่อย่างนั้นตัวเลือกต่อๆมาจะแย่ลงเรื่อยๆ
เมื่อจงเทียนหยู่ได้ยินเย่ฉางหมิ่นพูดถึงขงเต๋อหลง เขาก็ถึงกับตกใจจนพูดอะไรไม่ออกในทันที
เขากับขงเต๋อหลงสนิทกันมาก เมื่อก่อนทั้งสองอยู่ด้วยกันค่อนข้างบ่อย หลังจากนั้นจู่ๆอยู่มาวันหนึ่งขงเต๋อหลงก็กลายเป็นคนสติไม่สมประกอบไปเลย เขาสวมหมวกกันน็อกสีเขียว แล้วถีบจักรยานโบราณออกจากเย่นจิงไป คนวงในบอกว่าเขามีปัญหาทางสมอง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นฝีมือของเย่เฉิน……
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกกลัวเย่เฉินมากยิ่งขึ้น
แต่ว่า ถ้าจะให้เขาเลือกไปเป็นลูกเรือสองปี เขาไม่ยอมแน่ๆ
เนื่องจากสำหรับทายาทเศรษฐีอย่างเขา ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาในทุกวัน เหมือนสวรรค์บนดิน แต่พอขึ้นเรือ ไปเป็นลูกเรือ ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่ต้องเจอในทุกวันก็คือท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ชีวิตจะน่าเบื่อขนาดไหนกันเนี่ย?
อีกทั้งเย่เฉินยังไม่ให้เขาลงเรือเป็นเวลาสองปี นี่มันต่างจากติดคุกยังไง?