พูดจบ เย่เฉินก็พูดขึ้นมาอีกว่า“แต่ว่า ถ้าตอนนี้ผมโยนซูจือเฟยไปทิ้งไว้ที่ซีเรีย เธออาจจะรับไม่ได้ก็เป็นได้ และเรื่องนี้มันก็ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องทำ ไม่ว่าจะเรื่องความรู้สึกหรือเหตุผลมันก็ไม่มีน้ำหนักมากพอ”
“ก็ได้ครับ”เฉินจื๋อข่ายพูดอย่างผิดหวัง“อันที่จริงผมแค่คิดว่า ไอ้หมอนี่คิดไม่ซื่อกับคุณกู้มันน่าหมั่นไส้ แต่คุณชายสบายใจได้เลยครับ ผมจะจับตาดูเขาไว้ ถ้าเขากล้าเล่นแง่ ขอแค่คุณพูดม้าท่านั้น ผมจะรีบควบคุมตัวเขาทันที”
เย่เฉินหัวเราะ แล้วกำชับว่า“พรุ่งนี้ทีมงานของหนานหนานก็มาแล้ว ถ้าพวกเขาอยากให้คุณช่วยอะไร คุณจะต้องพยายามอย่างเต็มที่นะครับ”
เฉินจื๋อข่ายจึงพูดว่า“คุณชายวางใจได้เลยครับ ในใจของผม คุณกู้เป็นรองแค่คุณเท่านั้น!”
……
เช้าวันรุ่งขึ้น เครื่องบินส่วนตัวเดินทางมาที่จินหลิง เวลาห่างกันสิบห้านาที
เครื่องบินที่ลงจอดที่จินหลิง ตอนเช้ายังคงพบเจอได้ยากมาก เพราะเที่ยวบินแรกที่ให้บริการเฮลิคอปเตอร์ จะออกจากสนามบินในช่วงเช้าตรู่ ดังนั้นจึงมีเครื่องบินจำนวนมากที่ออกจากสนามบินในช่วงเช้าตรู่ และแทบจะไม่มีเครื่องบินเข้ามาเลย
แต่เครื่องบินส่วนตัวสองลำนี้ ลำหนึ่งบินมาจากทางตอนเหนือ อีกลำบินมาจากมหาสมุทรอินเดียทางตะวันตกเฉียงใต้อันไกลโพ้น
เครื่องบินส่วนตัวที่บินมาจากทางตอนเหนือ เต็มไปด้วยทีมงานของกู้ชิวอี๋ พวกเขาจะเริ่มการตรวจสอบและปรับเปลี่ยนสถานที่จัดคอนเสิร์ตและอุปกรณ์เสียงบนเวทีในขั้นสุดท้าย เพื่อเตรียมการซ้อมให้กับกู้ชิวอี๋ในวันพรุ่งนี้
แต่เครื่องบินส่วนตัวลำที่บินมาจากมหาสมุทรอินเดียทางตะวันตกเฉียงใต้ นอกจากพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินแล้ว ยังมีซูจือหยูที่เป็นผู้โดยสารอีกคน
เมื่อวานซูจือหยูได้เดินทางไปที่มัลดีฟท์ เพื่อไปจัดการเรื่องการเปลี่ยนแปลงอำนาจเจ้าของที่ดินขอเกาะ หลังจากจัดการเสร็จ เธอก็รีบเดินทางกลับมาทันที
ในตอนที่เครื่องบินส่วนตัวของซูจือหยูลงจอดนิ่งแล้ว เครื่องบินส่วนตัวลำก่อนหน้าที่มาถึงมีทีมงานของกู้ชิวอี๋สิบกว่าคน ได้เดินทางโดยรถบัสของสนามบินออกไปแล้ว
ซูจือหยูขึ้นรถออฟโรดที่เตรียมไว้ที่สนามบิน และมุ่งหน้าไปยังอาคารผู้โดยสารเครื่องบินส่วนตัว
รอซูจือหยูผ่านพิธีการศุลกากร และออกเดินทางไปตามโถงทางเดิน ก็พบกับทีมงานของกู้ชิวอี๋ที่กำลังรอรับสัมภาระพอดี
เมื่อเห็นสัมภาระน้อยใหญ่ของกลุ่มคนพวกนี้ ตลอดจนกระเป๋าประเภทกล่องกันกระแทก ซูจือหยูจึงมองดูหลายครั้งอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นเธอก็เดาถึงที่มาที่ไปของคนพวกนี้ได้ในทันที รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาจะต้องเป็นทีมงานของกู้ชิวอี๋แน่นอน
แต่ซูจือหยูไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วคิดที่จะเดินทางไปที่ทางออก หลังจากนั้นตนก็เดินไปที่จอดรถเพื่อขับรถกลับบ้าน
คิดไม่ถึงว่า เวลานี้ผู้ชายคนหนึ่งที่ค่อนข้างคุ้นเคยปรากฏขึ้นในสายตาของเธอ ผู้ชายคนนี้ ก็คือซูจือเฟยพี่ชายของเธอ
ตอนนี้ ซูจือเฟยรีบวิ่งเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว ตรงไปยังหน้าผู้หญิงที่เป็นผู้นำทีมคนหนึ่งของกู้ชิวอี๋ แล้วพูดอย่างกระตือรือร้น“ตัวตัว!ในที่สุดพวกคุณก็มา พวกคุณเดินทางเช้าขนาดนี้ จะต้องเหนื่อยมากเลยใช่ไหมล่ะครับ?”
เฉินตัวตัวยิ้มอย่างอึดอัดใจ แล้วถามอย่างแปลกใจว่า“ทำไมคุณชายซูถึงมาสนามบินเช้าขนาดนี้คะ?”
ซูจือเฟยรีบกล่าวว่า“โธ่!ผมกลัวว่าพวกคุณจะเหนื่อยน่ะสิครับ ดังนั้นเลยอยากมารับพวกคุณ ขบวนรถรออยู่ข้างนอกแล้วล่ะครับ พร้อมส่งพวกคุณไปที่โรงแรมได้ตลอดเวลา!”