เอ่ยจบ ซูจือเฟยยังจงใจเอ่ยเสริม: “อ้อ จริงสิ การร่วมมือ ‘นิดหน่อย’ ที่ผมพูด อย่างน้อยก็มีจำนวนหมื่นล้านขึ้นไป”
“อ้อ? อย่างนั้นเหรอ?!” หวังตงเสวี่ยนรีบแสดงออกถึงความสนใจอย่างรุนแรงทันที ต่อมาก็ได้เอ่ยถามอย่างกักเก็บความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่: “ไม่ทราบว่าคุณชายซูต้องการร่วมมือด้านไหนเหรอ?” ซูจือเฟยอมยิ้ม ยกมือแสร้งชี้ไปยังตึกสูงใหญ่ที่อยู่ข้างนอก ยิ้มเอ่ยว่า: “อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม พลังงาน รถยนต์ ขอบเขตที่คุณคิดถึง ตระกูลซูของเราโดยพื้นฐานล้วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ดังนั้นขอบเขตที่พวกเราสามารถร่วมมือได้มีมากมายเหลือเกิน”
พูดจบ ซูจือเฟยก็เอ่ยขึ้นมาอีก: “ช่วงนี้รถยนต์พลังงานใหม่กำลังมาแรงไม่ใช่เหรอ! ทั้งประเทศเหมือนว่าจะมีหลายเมืองที่มีฐานผลิตพัฒนารถยนต์และแบตเตอรี่พลังงานใหม่แล้ว แต่เหมือนว่าที่จินหลิงจะยังไม่มีใช่ไหม? ผมคิดว่าพวกเราสามารถร่วมมือกันสร้างธุรกิจผลิตแบตเตอรี่พลังงานใหม่สักแห่งขึ้นมาได้ ผลิตพลังงานแบตเตอรี่ให้กับรถยนต์พลังงานใหม่โดยเฉพาะ พอดีกับที่ตระกูลซูเรายังมียี่ห้อรถยนต์ดั้งเดิมอยู่สองคัน ช่วงนี้ก็กำลังเตรียมที่จะดัดแปลงคิดค้นและพัฒนารถยนต์พลังงานใหม่ ถึงเวลานั้นพวกเราร่วมมือกันระดับลึกสักหน่อย ไม่แน่อาจสามารถทำยี่ห้อรถยนต์พลังงานใหม่ด้วยกันก็ได้”
ถึงอย่างไรก็เป็นการรับปากอย่างดิบดีที่เพ้อเจ้อ ดังนั้นซูจือเฟยจึงคุยโวขึ้นมา ก็ไม่ได้มีการห้ามปากแต่อย่างใด ตระกูลซูมียี่ห้อรถยนต์ดั้งเดิมอยู่สองคันจริง และกำลังทำการดัดแปลงพลังงานใหม่อยู่จริง ทว่าเรื่องแบบนี้ หากพูดในตรรกะของธุรกิจแล้วนั้น ต่อให้พวกเขาจะหาคนร่วมมือด้วย ก็ทำได้เพียงร่วมมือกับธุรกิจมืออาชีพในขอบเขตที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ไม่มีทางที่จะมาร่วมมือกับกิจการที่ไม่เกี่ยวข้องกันอย่างตี้เหากรุ๊ปได้
ทว่าซูจือเฟยรู้สึกว่า พลังงานใหม่ในปัจจุบันนี้เป็นสิ่งที่ยอดฮิต กิจการหลายแห่งล้วนต้องการที่จะได้รับผลประโยชน์กำไรในส่วนหนึ่ง กิจการที่มีความกว้างขวางอย่างตี้เหากรุ๊ปก็จะต้องคิดเหมือนกัน
หลายกิจการมองเห็นธุรกิจพลังงานใหม่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่หาจุดเข้าร่วมด้วยไม่เจอเท่านั้น ตอนนี้ตนได้มอบโอกาสตี้เหากรุ๊ปในการเข้ามายังขอบเขตกิจการพลังงานใหม่ฟรีๆ คิดว่าตี้เหากรุ๊ปไม่มีทางที่จะปฏิเสธ
แน่นอนว่าเขาไม่ใช่พระสุธนกุมารที่มามอบโอกาสให้ สาเหตุที่รับปากอย่างดิบดีใหญ่โตเช่นนี้ ก็เพราะต้องการถือโอกาสล่อให้ประธานใหญ่ของตี้เหากรุ๊ปออกมาเท่านั้น
เป็นไปตามคาด
เขาเพิ่งจะเอ่ยจบ ดวงตาของหวังตงเสวี่ยนก็สว่างวาบขึ้นมา เธอเอ่ยอย่างตื่นเต้นโดยยากที่จะปกปิด: “ตายจริง พูดตรงๆ เลยนะคะคุณชายซู เจ้านายของเราอยากจะเข้าสู่กิจการรถยนต์พลังงานใหม่มาโดยตลอดจริงๆ เพียงแค่ตี้เหากรุ๊ปของเรามีกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รวมถึงการจัดการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์เป็นกิจการหลัก พัฒนาอสังหาฯ ห้างสรรพสินค้ารวมถึงโรงแรมเป็นสิ่งที่พวกเราถนัด แต่การวิจัยและพัฒนารถยนต์พลังงานใหม่ ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราเลยแม้แต่น้อย เจ้านายกำลังกลุ้มใจอยู่ว่าไม่มีโอกาสที่ดี ถ้าตระกูลซูมีความสนใจที่จะร่วมมือกับพวกเราจริงๆ ละก็ เช่นนั้นก็เป็นการให้ความช่วยเหลือในยามที่ผู้อื่นคับขันได้อย่างทันท่วงทีจริงๆ เลย!”
ซูจือเฟยพึงพอใจกับการแสดงออกของหวังตงเสวี่ยนเป็นอย่างยิ่ง เขายิ้มอ่อน เอ่ยอย่างจริงจังว่า: “รองประธานหวัง คนอย่างซูจือเฟยพูดจริงทำจริงมาโดยตลอด ในเมื่อผมมาหาถึงที่เองแบบนี้ แน่นอนว่าต้องหวังอยากจะร่วมมือกับตี้เหากรุ๊ปของพวกคุณมากจริงๆ ”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ซูจือเฟยก็หยุดชะงักเล็กน้อย และเอ่ยต่อว่า: “คุณเองก็รู้ แม้ว่าตระกูลซูโดยรวมแล้วจะมีความสามารถแข็งแกร่ง แต่กิจการหลักล้วนรวมตัวอยู่ที่เย่นจิงและรอบๆ เย่นจิงทั้งนั้น ที่จินหลิงไม่มีรากฐานกิจการและไม่มีคู่ค้าใดๆ เลย”
“หากต้องการสร้างฐานสร้างรถยนต์พลังงานแบตเตอรี่ใหม่ที่จินหลิง แน่นอนว่าจะต้องร่วมมืออย่างลึกซึ้งกับกิจการท้องถิ่นของจินหลิงอยู่แล้ว”
“เมื่อเป็นแบบนี้ การอนุมัติ รับที่ดิน สร้างโรงงานรวมถึงการยื่นขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลก็จะสบายยิ่งขึ้น”
“ตี้เหากรุ๊ปของพวกคุณก็เป็นกิจการที่ใหญ่ที่สุดในจินหลิงอีกด้วย หากได้ร่วมมือกับพวกคุณ งั้นก็จะต้องเป็นการร่วมมือที่แข็งแกร่งมาก ต่างก็ได้ประโยชน์ร่วมกัน!”
“งั้นก็เยี่ยมไปเลย!” หวังตงเสวี่ยนเอ่ยด้วยความรู้สึกตื่นเต้น: “ในเมื่อคุณชายซูเห็นคุณค่าพวกเรา ถ้างั้นพวกเราจะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดในการร่วมมือแน่นอน”
“อืม!” ซูจือเฟยพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที อยู่ๆ เอ่ยว่า: “เอ๊ะจริงด้วย รองประธานหวังโปรเจกต์ร่วมมือในครั้งนี้ของผม ตัวเลขลงทุนรวมน่าจะราวๆ หมื่นล้านเป็นอย่างต่ำ ถึงขั้นอาจจะถึงแสนล้าน การร่วมมือที่ใหญ่โตขนาดนี้ ผมยังอยากจะพบหน้าเจ้านายของพวกคุณก่อน เพื่อเจรจากันต่อหน้า ไม่ทราบว่าคุณช่วยนัดเขาให้ผมทีได้ไหม?”
“เอ่อ…” หวังตงเสวี่ยนลังเลอยู่ชั่วครู่ จึงเอ่ยขึ้นว่า: “คุณซู พูดตามตรงนะ ประธานของเราคนนี้ ไม่สนใจเรื่องของตี้เหากรุ๊ปมาโดยตลอด…”
Related