“แล้วก็ยังมีคนหมดปัญญาเพื่อสร้างตัวตน และก็ทำทุกอย่างเพื่อจับคู่CPกัน…”
“มีบางคนทั้งๆที่เกิดมาจากความจน แต่ก็ยังจะพยายามเสริมสร้างตัวเองเป็นลูกคนรวย”
“มีบางคนทั้งๆที่ไม่มีความรู้อะไรเลยสักนิด แต่ยังจะเสริมสร้างตัวเองให้เป็นคนฉลาดรอบรู้”
“และที่น่ารังเกียจที่สุดก็คือทิ้งศักดิ์ศรีไปประจบพวกคนต่างชาติที่เป็นที่รู้จัก และพูดให้ร้ายประเทศต่างๆนานาเพื่อให้ได้เงิน ถึงขั้นยอมเสียทุกอย่างเพื่อเสริมสร้างแต่งเติมให้ประเทศที่สกปรกย่ำแย่ที่สุดของทวีปให้ดูเหมือนเป็นดินแดนสวรรค์ เจตนาร้าย เป้าหมายน่ารังเกียจ”
“นอกจากนี้แล้ว ยังมีการลอกเลียนแบบต่างๆ และจงใจสร้างเรื่องโดยเจตนาก็ยิ่งจนนับไม่ไหว ถ้าหากว่าอยากจะนับจริงๆ ก็ไม่มีประวัติของใครที่ขาวสะอาดหมดจดหรอกค่ะ”
พูดถึงนี่ บรรยากาศการพูดของซูจือหยูก็เปลี่ยนไป พูดอย่างจริงจังว่า “มีเพียงกู้ชิวอี๋ ที่ไม่เคยมีประวัติเสียหายมาก่อนจนถึงตอนนี้ เธอที่อยู่ในวงการบันเทิง ไม่เคยมีข่าวลือเลยสักครั้งเดียว และก็ไม่เคยทำเรื่องอะไรที่เป็นการกระทำไม่ดี ประวัติย่อที่เธอเผยแพร่ออกมาล้วนเป็นความจริงทั้งหมด และอีกอย่างบางอย่างที่ยิ่งสุดยอดกว่านั้นเธอก็ไม่เปิดเผยออกมา ถึงขั้นจงใจไม่ได้สื่อเผยแพร่ ทั้งถ่อมตนและมีคุณธรรมอย่างแท้จริงเลยค่ะ”
เซียวชูหรันถามอย่างสงสัยว่า “เหมือนว่าคุณซูจะดูคุ้นเคยกับวงการบันเทิงมากนะคะ?”
“พูดถึงขั้นคุ้นเคยคงไม่ได้” ซูจือหยูยิ้มเล็กน้อย พูดว่า “เพียงแค่วงการนี้ไม่มีความลับไหนจะปิดบังฉันได้ก็เท่านั้นเองค่ะ”
พูดแล้วเธอก็ถามเซียวชูหรันด้วยรอยยิ้ม “ประธานเซียวรู้มั้ยคะว่าบ้านของกู้ชิวอี๋ทำอะไร?”
เซียวชูหรันนึกคิด พูดว่า “เหมือนว่าเคยมีคนพูดว่าบ้านเธอทำธุรกิจ แต่รายละเอียดว่าทำอะไรนั้นเหมือนว่าจะเผยแพร่น้อยมาก ให้กับรู้สึกกับคนอื่นว่าดูสุดยอดมากค่ะ”
ซูจือหยูพูดยิ้มๆ “ไม่เพียงแค่สุดยอด ธุรกิจของบ้านเธอ กำไรในหนึ่งปีสูงยิ่งกว่ากำไรในหนึ่งปีของวงการบันเทิงทั้งหมดมาก เพราะงั้นคนอย่างเธอที่มาอยู่ในวงการบันเทิง ก็คือฟินิกซ์ตกลงจากฟ้า มาอยู่ในกลุ่มไก่กา ถือเป็นการเหยียบคนอื่นอย่างแท้จริงเลยละค่ะ”
เซียวชูหรันฟังจนอึ้งตะลึงไป พูดว่า “ก็ว่าทำไมกู้ชิวอี๋ถึงไม่เคยทำเรื่องมีข่าวลืออะไรเลย แม้แต่เรื่องข่าวลือคู่รักที่ทั้งวงการบันเทิงต่างก็ทำกัน เธอก็ไม่เคยแตะต้องเลย เมื่อก่อนมีดาราชายหลายคนพยายามอยากจะมีข่าวลือกับเธอ แต่ข่าวลือปลอมเพิ่งปล่อยออกมา โดยปกติแล้วจะไม่เกินหนึ่งชั่วโมง บริษัทของกู้ชิวอี๋ก็จะรีบแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวลือ และไม่เคยให้โอกาสกับคนอื่นในการมีข่าวลือเลย….”
ซูจือหยูพยักหน้า พูดยิ้มๆว่า “เพราะงั้นประธานเซียวก็อย่าได้เสียใจไปกับการที่เธอถอยออกจากวงการบันเทิงเลยค่ะ ฉันแค่เปรียบเทียบให้ฟัง คนเขาก็เหมือนกับเทพธิดาลงพื้นดิน ก็แค่มาเที่ยวเล่นเท่านั้น และทดลองประสบการณ์ชีวิต เล่นจนพอแล้ว หาประสบการณ์พอแล้ว ก็ต้องกลับไปยังสวรรค์อยู่แล้วละคะ”
เซียวชูหรันพยักหน้าอย่างพอเข้าใจและพูดว่า “คุณซูพูดถูกค่ะ ตามที่คุณบอกแล้ว ก็คงเป็นไปไม่ค่อยได้จริงๆที่เธอจะอยู่ในวงการบันเทิงไปตลอด”
ซูจืหยูเหลือบมองเย่เฉินที่เงียบไม่พูดจา พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อกี้วิดีโอเปิดงานก็บอกแล้วนี่คะ ที่จริงแล้วกู้ชิวอี๋ตามหาเจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอมาตลอด ฉันคิดว่าที่เธอเข้าวงการบันเทิง เป็นไปได้อย่างมากว่าเพื่อให้สำเร็จเป้าหมายนี้”
“ใช่ค่ะ” เซียวชูหรันพูดอย่างเห็นด้วย “ฉันเองก็คิดอย่างนี้ค่ะ”
แล้วซูจือหยูก็พูดอีกว่า “คุณดูเธอได้รับการดูแลปรนเปรอมาแต่เด็ก คิดแล้วฐานะเจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอก็คงไม่ด้อยไปกว่าเธอ หรืออาจถึงขั้นดีกว่าเธออีกด้วยซ้ำ”
พูดแล้ว ซูจือหยูก็ใช้นิ้วเรียวยาวของเธอ แตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ พูดพึมพำคนเดียวว่า “โอ๊ะ อย่างนี้แล้ว การเปรียบเทียบเมื่อกี้ของฉันก็บังเอิญพอดีสิ….แม้ว่าเธอจะเป็นเทพธิดาสู่พื้นดินก็จริง แต่คนเขาลงมาไม่ใช่เพื่อมาเล่นหรือหาประสบการณ์ ที่จริงแล้วที่คนเขาลงมาก็เพื่อหาเจ้าชายขี่ม้าขาวที่ลงมาสู่พื้นดินเช่นเดียวกัน เมื่อหาเขาเจอ ทั้งสองก็กลับไปด้วยกัน”
“แล้วก็ยังมีคนหมดปัญญาเพื่อสร้างตัวตน และก็ทำทุกอย่างเพื่อจับคู่CPกัน…”
“มีบางคนทั้งๆที่เกิดมาจากความจน แต่ก็ยังจะพยายามเสริมสร้างตัวเองเป็นลูกคนรวย”
“มีบางคนทั้งๆที่ไม่มีความรู้อะไรเลยสักนิด แต่ยังจะเสริมสร้างตัวเองให้เป็นคนฉลาดรอบรู้”
“และที่น่ารังเกียจที่สุดก็คือทิ้งศักดิ์ศรีไปประจบพวกคนต่างชาติที่เป็นที่รู้จัก และพูดให้ร้ายประเทศต่างๆนานาเพื่อให้ได้เงิน ถึงขั้นยอมเสียทุกอย่างเพื่อเสริมสร้างแต่งเติมให้ประเทศที่สกปรกย่ำแย่ที่สุดของทวีปให้ดูเหมือนเป็นดินแดนสวรรค์ เจตนาร้าย เป้าหมายน่ารังเกียจ”
“นอกจากนี้แล้ว ยังมีการลอกเลียนแบบต่างๆ และจงใจสร้างเรื่องโดยเจตนาก็ยิ่งจนนับไม่ไหว ถ้าหากว่าอยากจะนับจริงๆ ก็ไม่มีประวัติของใครที่ขาวสะอาดหมดจดหรอกค่ะ”
พูดถึงนี่ บรรยากาศการพูดของซูจือหยูก็เปลี่ยนไป พูดอย่างจริงจังว่า “มีเพียงกู้ชิวอี๋ ที่ไม่เคยมีประวัติเสียหายมาก่อนจนถึงตอนนี้ เธอที่อยู่ในวงการบันเทิง ไม่เคยมีข่าวลือเลยสักครั้งเดียว และก็ไม่เคยทำเรื่องอะไรที่เป็นการกระทำไม่ดี ประวัติย่อที่เธอเผยแพร่ออกมาล้วนเป็นความจริงทั้งหมด และอีกอย่างบางอย่างที่ยิ่งสุดยอดกว่านั้นเธอก็ไม่เปิดเผยออกมา ถึงขั้นจงใจไม่ได้สื่อเผยแพร่ ทั้งถ่อมตนและมีคุณธรรมอย่างแท้จริงเลยค่ะ”
เซียวชูหรันถามอย่างสงสัยว่า “เหมือนว่าคุณซูจะดูคุ้นเคยกับวงการบันเทิงมากนะคะ?”
“พูดถึงขั้นคุ้นเคยคงไม่ได้” ซูจือหยูยิ้มเล็กน้อย พูดว่า “เพียงแค่วงการนี้ไม่มีความลับไหนจะปิดบังฉันได้ก็เท่านั้นเองค่ะ”
พูดแล้วเธอก็ถามเซียวชูหรันด้วยรอยยิ้ม “ประธานเซียวรู้มั้ยคะว่าบ้านของกู้ชิวอี๋ทำอะไร?”
เซียวชูหรันนึกคิด พูดว่า “เหมือนว่าเคยมีคนพูดว่าบ้านเธอทำธุรกิจ แต่รายละเอียดว่าทำอะไรนั้นเหมือนว่าจะเผยแพร่น้อยมาก ให้กับรู้สึกกับคนอื่นว่าดูสุดยอดมากค่ะ”
ซูจือหยูพูดยิ้มๆ “ไม่เพียงแค่สุดยอด ธุรกิจของบ้านเธอ กำไรในหนึ่งปีสูงยิ่งกว่ากำไรในหนึ่งปีของวงการบันเทิงทั้งหมดมาก เพราะงั้นคนอย่างเธอที่มาอยู่ในวงการบันเทิง ก็คือฟินิกซ์ตกลงจากฟ้า มาอยู่ในกลุ่มไก่กา ถือเป็นการเหยียบคนอื่นอย่างแท้จริงเลยละค่ะ”
เซียวชูหรันฟังจนอึ้งตะลึงไป พูดว่า “ก็ว่าทำไมกู้ชิวอี๋ถึงไม่เคยทำเรื่องมีข่าวลืออะไรเลย แม้แต่เรื่องข่าวลือคู่รักที่ทั้งวงการบันเทิงต่างก็ทำกัน เธอก็ไม่เคยแตะต้องเลย เมื่อก่อนมีดาราชายหลายคนพยายามอยากจะมีข่าวลือกับเธอ แต่ข่าวลือปลอมเพิ่งปล่อยออกมา โดยปกติแล้วจะไม่เกินหนึ่งชั่วโมง บริษัทของกู้ชิวอี๋ก็จะรีบแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวลือ และไม่เคยให้โอกาสกับคนอื่นในการมีข่าวลือเลย….”
ซูจือหยูพยักหน้า พูดยิ้มๆว่า “เพราะงั้นประธานเซียวก็อย่าได้เสียใจไปกับการที่เธอถอยออกจากวงการบันเทิงเลยค่ะ ฉันแค่เปรียบเทียบให้ฟัง คนเขาก็เหมือนกับเทพธิดาลงพื้นดิน ก็แค่มาเที่ยวเล่นเท่านั้น และทดลองประสบการณ์ชีวิต เล่นจนพอแล้ว หาประสบการณ์พอแล้ว ก็ต้องกลับไปยังสวรรค์อยู่แล้วละคะ”
เซียวชูหรันพยักหน้าอย่างพอเข้าใจและพูดว่า “คุณซูพูดถูกค่ะ ตามที่คุณบอกแล้ว ก็คงเป็นไปไม่ค่อยได้จริงๆที่เธอจะอยู่ในวงการบันเทิงไปตลอด”
ซูจืหยูเหลือบมองเย่เฉินที่เงียบไม่พูดจา พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อกี้วิดีโอเปิดงานก็บอกแล้วนี่คะ ที่จริงแล้วกู้ชิวอี๋ตามหาเจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอมาตลอด ฉันคิดว่าที่เธอเข้าวงการบันเทิง เป็นไปได้อย่างมากว่าเพื่อให้สำเร็จเป้าหมายนี้”
“ใช่ค่ะ” เซียวชูหรันพูดอย่างเห็นด้วย “ฉันเองก็คิดอย่างนี้ค่ะ”
แล้วซูจือหยูก็พูดอีกว่า “คุณดูเธอได้รับการดูแลปรนเปรอมาแต่เด็ก คิดแล้วฐานะเจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอก็คงไม่ด้อยไปกว่าเธอ หรืออาจถึงขั้นดีกว่าเธออีกด้วยซ้ำ”
พูดแล้ว ซูจือหยูก็ใช้นิ้วเรียวยาวของเธอ แตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ พูดพึมพำคนเดียวว่า “โอ๊ะ อย่างนี้แล้ว การเปรียบเทียบเมื่อกี้ของฉันก็บังเอิญพอดีสิ….แม้ว่าเธอจะเป็นเทพธิดาสู่พื้นดินก็จริง แต่คนเขาลงมาไม่ใช่เพื่อมาเล่นหรือหาประสบการณ์ ที่จริงแล้วที่คนเขาลงมาก็เพื่อหาเจ้าชายขี่ม้าขาวที่ลงมาสู่พื้นดินเช่นเดียวกัน เมื่อหาเขาเจอ ทั้งสองก็กลับไปด้วยกัน”
