พูดถึงตรงนี้ เย่เฉินก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงชัดเจน: “แต่ว่าคนที่ล้อมคุณไว้ข้างนอก ก็ไม่ได้สะใจแบบนี้แล้ว ทหารแกร่งจำนวนสองสามหมื่นรายที่สำนักว่านหลงและทหารรัฐบาลตั้งขึ้น จะต้องตั้งค่ายอยู่ข้างนอกอยู่กินที่นี่ตลอด ทั้งลมพัดทั้งฝนตก แดดร้อนเปียกฝน พวกเขาก็ทำได้แค่อดทนอยู่หน้าบ้านคุณ ใครที่ทรมานมากกว่า คิดดูก็รู้” ฮามิดได้ยินถึงตรงนี้ ทันใดนั้นดวงตาก็สว่างวาบขึ้นมา เขาเอ่ยอย่างตื่นเต้น: “น้องชาย นายพูดต่อ…” เย่เฉินยิ้ม เอ่ยว่า: “คุณคิดดูนะ นี่มันก็เหมือนกับเพื่อนตกปลากลุ่มหนึ่งที่ต้องวิ่งไปบ่อตกปลาดำ อดกลั้นมากมายก็เพื่อหมายจะตกได้ปลาตัวใหญ่ที่เป็นเป้าหมายขึ้นมาได้ ทว่าปลาใหญ่ตัวนี้หลบอยู่ข้างใน ไม่ยอมโผล่หน้าออกมา เหล่าเพื่อนร่วมตกปลาจึงจนปัญญา ทำได้แค่กัดฟันกางเต็นท์ข้างบ่อปลา เตรียมสำหรับสงครามระยะยาว” “ไม่ว่าจะลมพัดโหมกระหน่ำ ฝนเทลงมา กินข้าวอยู่กลางแจ้ง ทั้งยุงและแมลงกัดก็แล้วไป มิหนำซ้ำยังขัดจังหวะงานประจำอีก คงไม่สามารถที่จะไม่ทำงานที่ได้เงินเดือนต่อปีหลายแสน หรือธุรกิจที่มีรายได้ต่อปีหลายล้านเพื่อรอตกปลาตัวเดียวหรอกมั้ง? ดังนั้น พวกเขาสามารถที่จะเฝ้าอยู่ข้างสระได้เป็นเวลาหนึ่งวันสองวันก็ยังพอทนไหว ทว่าสามถึงห้าวัน ใครจะไปทนไหว?” “ต่อให้จะมีเพื่อนร่วมตกปลาด้วยคนไหนที่มีนิสัยดื้อรั้นมาก สามารถอดทนกัดฟันยืนหยัดต่อไปได้ ทว่ารอเมื่อพวกเขายืนหยัดได้หนึ่งอาทิตย์ ปลาก็ยังตกไม่ได้ เมียของพวกเขาก็เริ่มพาลูกย้ายไปบ้านคนอื่น เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว เขายังทำยังไงได้อีก?” ฮามิดเอ่ยด้วยความตื่นเต้นสุดขีด: “แม่เจ้า เป็นหลักการแบบนี้นี่เอง!” เย่เฉินพยักหน้า: “สำนักว่านหลงหมื่นห้ารายที่ล้อมคุณที่เป็นปลาอยู่ที่นี่ ต้นทุนในทุกวันใกล้จะเกินกว่าสิบล้านดอลลาร์แล้ว อีกทั้งต้นทุนนี้ก็ถือว่าเป็นการขาดทุนโดยสิ้นเชิง แต่ถ้าลากคนหมื่นห้าคนนี้ไปทำสงครามที่อื่นล่ะ? ไม่แน่เงินที่ได้มาอาจสามารถกลบล้างต้นทุนมากกว่าสิบล้านดอลลาร์นี้ได้โดยสิ้นเชิง แถมยังสามารถนำพาผลกำไรมาสู่สำนักว่านหลงได้มากกว่าสิบล้าน แค่หน้าหลังก็เป็นจำนวนสิบล้านกว่าทั้งสองทางแล้ว คุณคิดว่าพวกเขาล่าช้าไปได้มากกว่านี้เหรอ?” พูดถึงตรงนี้ เย่เฉินยิ้ม จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยความแน่วแน่ว่า: “ถ้าสำนักว่านหลงกล้ายืดเยื้อกับคุณไปได้ถึงปีครึ่ง ทรัพยากรของคุณยังไม่ใช้หมดเลย สำนักว่านหลงของพวกเขาก็ล้มละลายไปก่อนแล้ว คนของพวกเขาส่วนมากเป็นทหารรับจ้างกันทั้งนั้นซึ่งเงินเดือนของทหารรับจ้างไม่ต่างอะไรกับทีมก่อสร้างเลย ใครให้เงินก็ทำงานกับคนนั้น ไม่ให้เงินหรือว่าให้น้อย พวกเขาจะต้องไป คุณเคยได้ยินไหมล่ะว่าคนงานก่อสร้างคนไหนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อเจ้านาย เมื่อเจ้านายให้เงินเดือนไม่ได้ แต่ก็ยังทำงานให้กับเขาต่อไปอย่างสมัครใจ?” ฮามิดหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็เอ่ยอย่างตื่นเต้น: “เข้าใจแล้ว! ฉันเข้าใจแล้วจริงๆ ! ตอนนี้ฝ่ายที่ถูกกระทำที่จริงไม่ใช่หมูในอวยอย่างฉัน แต่เป็นพวกมันคนที่ต้องการมาจับหมูต่างหาก!” เย่เฉินพยักหน้า ยิ้มพร้อมเอ่ยว่า: “เพราะฉะนั้น ผมเชื่อว่า ตอนนี้สำนักว่านหลงจะต้องกลุ้มใจอยู่ ถ้าอยู่ๆ คุณไปประกาศบอกว่าต้องการเจรจาปรองดองกับพวกเขาในตอนนี้ พวกเขาจะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ ต่อให้พวกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะเจรจาปรองดองกับคุณจริงๆ พวกเขาก็ต้องคว้าโอกาสนี้ไว้แน่นอน ทำการปฏิสัมพันธ์กับคุณก่อน แบบนี้จะได้รู้ถึงท่าทีของคุณ รู้ถึงกลยุทธ์ของคุณ” ฮามิดพยักหน้าต่อเนื่อง พร้อมเอ่ยว่า: “น้องรักวิเคราะห์ได้มีหลักการมาก! ถ้างั้นฉันจะไปหาช่องทางเพื่อติดต่อกับพวกเขาสักหน่อย ดูว่าพวกเขาจะยอมเจรจาปรองดองหรือเปล่า!” เย่เฉินยิ้ม เอ่ยว่า: “ตอนที่ติดต่อ จะต้องมีความจริงใจด้วยนะ บอกพวกเขาไปว่า ถ้าพวกเขายอมที่จะเจรจา คุณก็จะส่งคนที่มีสิทธิ์เป็นตัวแทนของคนไปเจรจากับพวกเขาถึงที่ด้วยตัวเอง แต่ว่าคุณต้องบอกกับพวกเขาให้ชัดเจน ว่าตัวแทนของคุณจะต้องเจรจาต่อหน้ากับผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสำนักว่านหลงเท่านั้น!” ฮามิดเอ่ยแสดงความเห็น: “ไม่มีปัญหา เพื่อนคนนี้ของฉันคือซัพพลายเออร์ทรัพยากรของกองทัพรัฐบาล มีความสัมพันธ์กับผู้ที่มีตำแหน่งสูงของรัฐบาลพอสมควร ฉันให้เขาช่วยบอกต่อได้!
พูดถึงตรงนี้ เย่เฉินก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงชัดเจน: “แต่ว่าคนที่ล้อมคุณไว้ข้างนอก ก็ไม่ได้สะใจแบบนี้แล้ว ทหารแกร่งจำนวนสองสามหมื่นรายที่สำนักว่านหลงและทหารรัฐบาลตั้งขึ้น จะต้องตั้งค่ายอยู่ข้างนอกอยู่กินที่นี่ตลอด ทั้งลมพัดทั้งฝนตก แดดร้อนเปียกฝน พวกเขาก็ทำได้แค่อดทนอยู่หน้าบ้านคุณ ใครที่ทรมานมากกว่า คิดดูก็รู้”
ฮามิดได้ยินถึงตรงนี้ ทันใดนั้นดวงตาก็สว่างวาบขึ้นมา เขาเอ่ยอย่างตื่นเต้น: “น้องชาย นายพูดต่อ…”
เย่เฉินยิ้ม เอ่ยว่า: “คุณคิดดูนะ นี่มันก็เหมือนกับเพื่อนตกปลากลุ่มหนึ่งที่ต้องวิ่งไปบ่อตกปลาดำ อดกลั้นมากมายก็เพื่อหมายจะตกได้ปลาตัวใหญ่ที่เป็นเป้าหมายขึ้นมาได้ ทว่าปลาใหญ่ตัวนี้หลบอยู่ข้างใน ไม่ยอมโผล่หน้าออกมา เหล่าเพื่อนร่วมตกปลาจึงจนปัญญา ทำได้แค่กัดฟันกางเต็นท์ข้างบ่อปลา เตรียมสำหรับสงครามระยะยาว”
“ไม่ว่าจะลมพัดโหมกระหน่ำ ฝนเทลงมา กินข้าวอยู่กลางแจ้ง ทั้งยุงและแมลงกัดก็แล้วไป มิหนำซ้ำยังขัดจังหวะงานประจำอีก คงไม่สามารถที่จะไม่ทำงานที่ได้เงินเดือนต่อปีหลายแสน หรือธุรกิจที่มีรายได้ต่อปีหลายล้านเพื่อรอตกปลาตัวเดียวหรอกมั้ง? ดังนั้น พวกเขาสามารถที่จะเฝ้าอยู่ข้างสระได้เป็นเวลาหนึ่งวันสองวันก็ยังพอทนไหว ทว่าสามถึงห้าวัน ใครจะไปทนไหว?”
“ต่อให้จะมีเพื่อนร่วมตกปลาด้วยคนไหนที่มีนิสัยดื้อรั้นมาก สามารถอดทนกัดฟันยืนหยัดต่อไปได้ ทว่ารอเมื่อพวกเขายืนหยัดได้หนึ่งอาทิตย์ ปลาก็ยังตกไม่ได้ เมียของพวกเขาก็เริ่มพาลูกย้ายไปบ้านคนอื่น เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว เขายังทำยังไงได้อีก?”
ฮามิดเอ่ยด้วยความตื่นเต้นสุดขีด: “แม่เจ้า เป็นหลักการแบบนี้นี่เอง!”
เย่เฉินพยักหน้า: “สำนักว่านหลงหมื่นห้ารายที่ล้อมคุณที่เป็นปลาอยู่ที่นี่ ต้นทุนในทุกวันใกล้จะเกินกว่าสิบล้านดอลลาร์แล้ว อีกทั้งต้นทุนนี้ก็ถือว่าเป็นการขาดทุนโดยสิ้นเชิง แต่ถ้าลากคนหมื่นห้าคนนี้ไปทำสงครามที่อื่นล่ะ? ไม่แน่เงินที่ได้มาอาจสามารถกลบล้างต้นทุนมากกว่าสิบล้านดอลลาร์นี้ได้โดยสิ้นเชิง แถมยังสามารถนำพาผลกำไรมาสู่สำนักว่านหลงได้มากกว่าสิบล้าน แค่หน้าหลังก็เป็นจำนวนสิบล้านกว่าทั้งสองทางแล้ว คุณคิดว่าพวกเขาล่าช้าไปได้มากกว่านี้เหรอ?”
พูดถึงตรงนี้ เย่เฉินยิ้ม จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยความแน่วแน่ว่า: “ถ้าสำนักว่านหลงกล้ายืดเยื้อกับคุณไปได้ถึงปีครึ่ง ทรัพยากรของคุณยังไม่ใช้หมดเลย สำนักว่านหลงของพวกเขาก็ล้มละลายไปก่อนแล้ว คนของพวกเขาส่วนมากเป็นทหารรับจ้างกันทั้งนั้นซึ่งเงินเดือนของทหารรับจ้างไม่ต่างอะไรกับทีมก่อสร้างเลย ใครให้เงินก็ทำงานกับคนนั้น ไม่ให้เงินหรือว่าให้น้อย พวกเขาจะต้องไป คุณเคยได้ยินไหมล่ะว่าคนงานก่อสร้างคนไหนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อเจ้านาย เมื่อเจ้านายให้เงินเดือนไม่ได้ แต่ก็ยังทำงานให้กับเขาต่อไปอย่างสมัครใจ?”
ฮามิดหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็เอ่ยอย่างตื่นเต้น: “เข้าใจแล้ว! ฉันเข้าใจแล้วจริงๆ ! ตอนนี้ฝ่ายที่ถูกกระทำที่จริงไม่ใช่หมูในอวยอย่างฉัน แต่เป็นพวกมันคนที่ต้องการมาจับหมูต่างหาก!”
เย่เฉินพยักหน้า ยิ้มพร้อมเอ่ยว่า: “เพราะฉะนั้น ผมเชื่อว่า ตอนนี้สำนักว่านหลงจะต้องกลุ้มใจอยู่ ถ้าอยู่ๆ คุณไปประกาศบอกว่าต้องการเจรจาปรองดองกับพวกเขาในตอนนี้ พวกเขาจะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ ต่อให้พวกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะเจรจาปรองดองกับคุณจริงๆ พวกเขาก็ต้องคว้าโอกาสนี้ไว้แน่นอน ทำการปฏิสัมพันธ์กับคุณก่อน แบบนี้จะได้รู้ถึงท่าทีของคุณ รู้ถึงกลยุทธ์ของคุณ”
ฮามิดพยักหน้าต่อเนื่อง พร้อมเอ่ยว่า: “น้องรักวิเคราะห์ได้มีหลักการมาก! ถ้างั้นฉันจะไปหาช่องทางเพื่อติดต่อกับพวกเขาสักหน่อย ดูว่าพวกเขาจะยอมเจรจาปรองดองหรือเปล่า!”
เย่เฉินยิ้ม เอ่ยว่า: “ตอนที่ติดต่อ จะต้องมีความจริงใจด้วยนะ บอกพวกเขาไปว่า ถ้าพวกเขายอมที่จะเจรจา คุณก็จะส่งคนที่มีสิทธิ์เป็นตัวแทนของคนไปเจรจากับพวกเขาถึงที่ด้วยตัวเอง แต่ว่าคุณต้องบอกกับพวกเขาให้ชัดเจน ว่าตัวแทนของคุณจะต้องเจรจาต่อหน้ากับผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสำนักว่านหลงเท่านั้น!”
ฮามิดเอ่ยแสดงความเห็น: “ไม่มีปัญหา เพื่อนคนนี้ของฉันคือซัพพลายเออร์ทรัพยากรของกองทัพรัฐบาล มีความสัมพันธ์กับผู้ที่มีตำแหน่งสูงของรัฐบาลพอสมควร ฉันให้เขาช่วยบอกต่อได้!