เช้าวันรุ่งขึ้นของวันที่ 3 เมษายน เย่เฉินเก็บเสื้อผ้าอย่าง่ายๆสามสี่ชุด บอกลาภรรยาและพ่อตาแม่ยาย และออกเดินทางกลับสู่เย่นจิงอีกครั้งแล้ว
ครั้งนี้เขาไม่ได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวของตระกูลเย่ แต่นั่งเครื่องบินBoeing Business Jetลำนั้นที่กู้เย้นจงมอบให้ กับเฉินจื๋อข่าย เตรียมเดินทางมุ่งหน้าไปยังเย่นจิง
หลังจากที่ขึ้นเครื่อง เย่เฉินโทรศัพท์หากู้ชิวอี๋แล้ว บอกเขาว่าเครื่องบินกำลังจะบินแล้ว ประมาณชั่วโมงกว่าเครื่องบินก็ลงสู่สนามบินเย่นจิง
กู้ชิวอี๋ดีใจอย่างมากไปโดยปริยาย ลุกออกจากตรงนั้นทันที มุ่งหน้าไปสนามบินเพื่อเตรียมต้อนรับ
และเครื่องบินค่อยๆเคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆ เมื่อตอนที่กำลังเร่งเครื่องไปยังปลายรันเวย์ เย่เฉินก็รับสายของคุณท่านเย่เย่โจงฉวนแล้ว
ในสายโทรศัพท์ เย่โจงฉวนเอ่ยพูดอย่างตื่นเต้นอย่างไม่อาจจะปกปิดได้ว่า : “เฉินเอ๋อ แกมาเย่นจิงเมื่อไหร่?”
เย่เฉินพูดอย่างราบเรียบว่า : “ตอนนี้ผมอยู่บนเครื่องบิน เครื่องบินกำลังจะขึ้นบินแล้ว”
“ดีมากเลย!” เย่โจงฉวนพูดอย่างตื่นเต้นอย่างมากว่า : “ทั้งตระกูลเย่ตอนนี้ขาดแค่แกเพียงแค่คนเดียว! คืนนี้ฉันจัดงานเลี้ยงต้อนรับเครือญาติของตระกูลเย่และผู้ดูแลของตระกูลที่แตกย่อยออกไปทั้งหมด แล้วก็ผู้แทนแต่ละประเทศและกระทั่งทั่วทุกมุมโลกของตระกูลเย่ของเรา ถึงตอนนั้นฉันจะแนะนำสถานะของแกให้พวกเขาได้รู้ต่อหน้าทุกคนเลย”
เย่เฉินเอ่ยปากพูดว่า : “ช่างมันเถอะ ทำแบบนั้นก็เป็นการทำเกินความเป็นจริงไปหน่อย ไม่ค่อยสอดคล้องกับนิสัยการทำงานของคนอย่างผม”
พูดแล้ว เย่เฉินก็พูดอีกว่า : “วันนี้ผมจะพักที่บ้านของลุงกู้ก่อน พรุ่งนี้ผมจะกลับไปประชุมก่อนถึงพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษที่ตระกูลเย่ พิธีกราบไหว้บรรพบุรุษในวันมะรืนก็จะเข้าร่วมตรงเวลา โอกาสและกิจกรรมอื่นๆผมจะไม่เข้าร่วม”
เย่โจงฉวนรีบพูดกล่าวทันทีว่า : “เฉินเอ๋อ แกเป็นลูกชายของฉางอิง เป็นหลายชายของฉัน เป็นคุณชายสองในรุ่นนี้ของทั้งตระกูลเย่ แกต้องรู้ไว้ว่าผลประกอบการในอนาคตล้วนเป็นของพวกเด็กวัยรุ่นอย่างพวกแกนะ ในอนาคตแกก็เป็นบุคคลสำคัญคนที่สองของตระกูลเย่ โอกาสที่สำคัญเช่นนี้ 12ปีถึงจะมีแค่ครั้งเดียว แกจะต้องใช้โอกาสนี้ทำให้สมาชิกในตระกูลเย่เหล่านั้นเลื่อมใสในตัวแกอย่างสุดจิตสุดใจ ”
เย่เฉินยิ้มแล้ว พูดว่า : “ไม่จำเป็นหรอกนะ ผมก็ไม่เตรียมที่จะสืบทอดทรัพย์สินของตระกูลเย่ เรื่องปรากฏตัวในแวดวงสังคมก็ให้คนอื่นไปทำละกัน ”
พูดแล้ว เขาได้ยินเสียงเครื่องบินดังสนั่น เครื่องบินเริ่มวิ่งสุดกำลังที่ปลายรันเวย์ ก็พูดกับเย่โจงฉวนว่า : “เครื่องบินกำลังจะทะยานขึ้นแล้ว ไม่พูดแล้ว เจอกันพรุ่งนี้นะ”
พูดประโยคนี้จบ เย่เฉินก็ไม่รอให้คุณท่านใหญ่ตอบกลับ วางสายโทรศัพท์ไปเลย
จริงๆเขากลับว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะเสียมารยาทกับปู่ของตัวเอง ประเด็นคือเขารู้ดีว่าในใจของคุณท่านใหญ่กำลังคิดอะไรอยู่
เขารู้ว่าคุณท่านใหญ่จะต้องคิดอยากให้เขาใช้โอกาสของพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษในครั้งนี้ กลับมายังตระกูลเย่อย่างเป็นทางการ และทิ้งสถานะที่เป็นเด็กกำพร้านั่นกว่า20ปีก่อนหน้านี้ของเขาที่อยู่ในจินหลิงโดยสิ้นเชิง
แต่สำหรับเย่เฉินแล้ว ไม่สามารถยอมรับได้เลย
20 ปีผ่านไป ในใจของเขานั้น เขาไม่ใช่คุณชายในตระกูลเย่ที่ชื่อว่าเย่เฉินนั่นแล้ว เขาก็คือเด็กกำพร้าที่ชื่อว่าเย่เฉินที่อยู่ในเย่นจิง
ถึงอย่างไร พ่อแม่ก็เสียชีวิตไปเกือบจะ20ปีแล้ว ความสัมพันธ์ของตัวเองกับตระกูลเย่ ก็ถูกตัดไป20ปีแล้ว สำหรับเขาแล้ว ไม่มีความจำเป็นและไม่มีทางที่จะกลับไปเชื่อมโยงสายสัมพันธ์นี้แล้ว
ในเวลานี้ เย่โจงฉวนเห็นเย่เฉินตัดสายของตัวเอง ในใจก็ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
แต่เขาก็รู้ถึงสาเหตุที่เย่เฉินทำแบบนี้ดี
และเขาก็รู้ว่า เย่เฉินยังไม่อยากกลับสู่สถานะของคุณชายแห่งตระกูลเย่อย่างเป็นทางการ
ถ้าหากในฐานะที่เป็นคุณปู่คนหนึ่งล่ะก็ ลูกชายคนที่สองเสียชีวิตไปนานขนาดนี้แล้ว กว่าที่ตัวเองจะตามหาหลานชายที่พลัดพรากจากไปเจอก็ไม่ได้ง่ายดาย เขาไม่อยากบีบบังคับเย่เฉินจริงๆ
ให้เย่เฉินได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามที่ตัวเขาเองต้องการ ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี