ตอนที่พูดคำนี้ เย่เฉินไม่ลืมที่จะยื่นมือขวาออกไป วาดออกไปเป็นรูปทรงชูสองนิ้ว
ลั่วเจียเฉิงได้ยินมาถึงตรงนี้ คนทั้งคนก็ถูกกระตุ้นให้โมโหโดยสิ้นเชิง!
เขาไม่เชื่อว่าเย่เฉินจะสามารถฆ่านักบู๊หกดาวทั้งสองคนตายได้ อีกอย่างยังใช้หินทุบจนตายอีก นี่มันเป็นเรื่องที่น่าขำที่สุดในโลกเลย
ดังนั้น เขาจ้องมองเย่เฉิน พูดอย่างเยือกเย็นว่า : “คุณเย่ ฉันไม่ได้อยากทำร้ายคุณเลยนะแต่ทำไมคุณจะต้องใช้คำพูดกว่าหลายครั้งมากระตุ้นให้ฉันโมโหด้วย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน!ฉันจะใช้หมัดกำปั้นทำให้คุณได้รู้ อะไรคือนักบู๊หกดาว !”
พูดจบ เขารวบรวมพลังไว้ที่หมัดกำปั้นทั้งสองข้างและขาทั้งสองโดยทันที เขาต้องการที่จะระเบิดพลังพุ่งตรงไปยังเย่เฉินอย่างรุนแรง!แต่ว่า ลั่วเจียเฉิงก็ไม่ได้คิดอยากจะเอาชีวิตของเย่เฉินจริงๆ เขาแค่อยากจะให้บทเรียนกับเย่เฉินเท่านั้น ให้เขาได้เปิดประสบการณ์ถึง พละกำลังของนักบู๊หกดาว!
ร่างกายของลั่วเจียเฉิง พุ่งตรงไปยังเย่เฉินอย่างกับรถบรรทุกที่วิ่งเร็ว สำหรับเขาแล้ว แม้ว่าตัวเองไม่ออกหมัด เพียงแค่ใช้ลำตัวกระแทกไปยังเย่เฉิน ก็เพียงพอที่จะเอาชีวิตเย่เฉินได้ครึ่งชีวิตแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้ไม่คิดไม่ฝันก็คือ เย่เฉินไม่ได้หลบหลีกแม้แต่น้อยเลย เพียงแค่เหยียดแขนออกไปอย่างเกียจคร้าน พูดอย่างนิ่งๆว่า : “นักบู๊หกดาว ไม่ต่างอะไรกับหมาไร้ค่าตัวหนึ่ง !”
ลั่วเจียเฉิงรู้สึกได้รับความอัปยศ กัดฟันคำรามเสียงทุ้มต่ำ : “รนหาที่ตาย!”
พูดจบ ร่างกายก็ระเบิดพละกำลังที่แข็งแกร่งมากขึ้นออกมาแล้ว พุ่งตรงเข้าใส่เย่เฉินเลย!
แต่ว่า ช่วงเวลานั้นที่เขาเตรียมที่จะโจมตีไปยังเย่เฉิน จู่ๆเขาก็รู้สึกว่า ตัวเองถูกดูดซับพละกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดยังไงอย่างนั้น คนทั้งคนราวกับว่าเป็นเม็ดทรายที่ตกลงสู่ท่ามกลางทะเลทรายเลยยังไงอย่างนั้น ไม่สามารถเกิดคลื่นใดๆได้เลยทั้งสิ้น!
รอจนเขามองอย่างชัดเจนแล้ว ถึงได้ค้นพบที่ตกตะลึงอย่างมาก ในเวลานี้สิ่งที่ขวางกั้นอยู่ตรงหน้าของตัวเอง จู่ๆเป็นมือขวาของเย่เฉิน!
ทำให้เขาคนทั้งคน อย่างกับโดนฟ้าผ่าเลย!
เพราะว่าเขาไม่กล้าเชื่อว่า เย่เฉินเพียงแค่ยื่นมือออกไป ก็สามารถต้านทานเขาคนทั้งคนไว้ได้แล้ว ถึงขั้นใช้เพียงแค่มือเดียวกำจัดพละกำลังทั้งหมดของเขาได้แล้ว!
พละกำลังทั้งหมดที่เขาเตรียมพร้อมปล่อยออกไปเมื่อกี้นี้ ล้วนแต่ราวกับว่าจมลงไปในทะเลเลยยังไงอย่างนั้น พลังการโจมตีที่ยิ่งใหญ่ถูกกำจัดอย่างไร้ร่องรอยโดยทันที!
ในเวลานี้ โลกทัศน์ของลั่วเจียเฉิงถูกโค่นล้มโดยสิ้นเชิง!
และในเวลานี้ เขาถึงตระหนักได้ถึงความแตกต่างของตัวเองและเย่เฉินได้แล้ว แตกต่างราวฟ้ากับเหวเลย!
เขามองไปยังเย่เฉินด้วยความหวาดกลัวอย่างมาก พูดถามอย่างยากลำบากว่า : “ทำไม……ทำไมคุณ……คุณถึงมีพละกำลังที่แข็งแกร่งมากแบบนี้……คุณเป็นใครกันแน่!”
เย่เฉินเลิกคิ้วยิ้มพร้อมพูดว่า : “คำถามนี้คุณถามมาสามรอบแล้ว”
ลั่วเจียเฉิงพูดถามโดยทันทีว่า : “คุณ……ผลการฝึกฝนของคุณคืออะไรกันแน่?!ฉันยังไม่เคยเห็น คนที่ไม่ถึงสามสิบปี พละกำลังเหนือกว่านักบู๊หกดาวมาก่อนเลย……”
เย่เฉินถามเขาอย่างอยากรู้ว่า : “งั้นคุณเคยได้ยินชื่อว่านพั่วจวินไหม?”
“ว่านพั่วจวิน?” ลั่วเจียเฉิงโพล่งพูดออกไป : “ฉันเคยได้ยินมาก่อนนะ ประมุขแห่งสำนักว่านหลง นักบู๊แปดดาว!”
เย่เฉินยิ้มพร้อมเอ่ยถามว่า : งั้นคุณรู้ไหมว่าเขาอายุเท่าไหร่?“
ลั่วเจียเฉิงส่ายหน้าแล้ว : “คนๆนี้ลึกลับอย่างมาก ไม่มีใครรู้รายละเอียดที่แน่ชัดของเขา……
พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็เรียกสติกลับมาได้ทันที พูดถามอย่างตกใจว่า : “คนนั้น……ที่คุณคุยโทรศัพท์เมื่อตะกี้นี้ ก็คือว่านพั่วจวิน?”
เย่เฉินพยักหน้ายิ้มพร้อมพูดว่า : “ถูกต้อง เขานั่นแหละ แต่ว่าปีนี้เขายังอายุไม่ถึงสามสิบปีนะ”
พูดแล้ว เย่เฉินก็พูดอีกว่า : “แล้วก็ ฉันก็ยังไม่ถึงสามสิบปี เพราะงั้น ดูเหมือนว่าคุณจะผ่านประสบการณ์มาน้อยไปหน่อยนะ!”
ลั่วเจียเฉิงสับสนมึนงง ในที่สุดก็ตระหนักถึงแล้วว่าอะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน
เขาคิดมาโดยตลอดว่า ที่ว่านพั่วจวินมีพละกำลังของนักบู๊แปดดาว บริหารดูแลองค์กรที่ใหญ่โตอย่างสำนักว่านหลงเช่นนี้ อย่างน้อยอายุก็น่าจะต้อง45ปีแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า จู่ๆแม้แต่30ปีก็ยังไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ
อีกอย่าง สิ่งที่เขายิ่งไม่คาดคิดก็คือ ว่านพั่วจวินในฐานะที่เป็นประมุขของสำนักว่านหลง จู่ๆจะเรียกตัวเองว่าข้าน้อยเมื่ออยู่ตรงหน้าเย่เฉิน!
หรือว่า เย่เฉินที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ถึงจะเป็นเจ้าของที่แท้จริงของสำนักว่านหลง?!