ผู้กล้าอาคมดํา ผู้กล้าอาคมดํา ตอนที่ 35
ผู้กล้าอาคมดํา ตอนที่ 35
หลังจากที่ร็อดกล่าวจบ บรรยากาศภายในกระโจมก็เต็มไปด้วยความเงียบ
สีหน้าของร็อดยังคงสงบเยือกเย็น ยกเว้นแวมไพร์ที่ลอบชําเลืองมองผลึกวิญญาณในมือของร็อดเป็นพักๆ ทั้งสามต่างจมอยู่ในความเงียบ
สีหน้าของยูเซอร์แปรเปลี่ยนไปมา แสดงให้เห็นว่ากําลังใช้ความคิดอย่างต่อเนื่อง
กระโจมทั้งหลังจมอยู่ในความเงียบงันอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็มีกลิ่นอายแผ่ซ่านออกมา ร็อดกระทั่งสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายบังเกิดความคิดฆ่าฟันขึ้นชั่วแวบหนึ่ง
ตอนนี้ยูเซอร์ปลดปล่อยกลิ่นอายออกมาอย่างไม่ปิดบัง ร็อดรู้สึกว่าในชั่วขณะนี้ กลิ่นอายของยูเซอร์จึงจะเป็นกลิ่นอายที่นักรบมากประสบการณ์พึงมี
แวมไพร์ที่อยู่ทางด้านหลังเองก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายจากยูเซอร์ แวมไพร์ก้าวเท้าออกมาหยุดยืนอยู่ที่ด้านข้างของร็อด สายตาจับจ้องไปที่ยูเซอร์เขม็ง พร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ
ร็อดเองก็เตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ แม้ว่าเขาจะยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ แต่ห้วงจิตของเขาก็แตะสัมผัสลงบนดาบที่อยู่ภายในแหวนมิติ ขณะเดียวกันร่างกายก็ยังโน้มเอียงไปข้างหน้าเล็กน้อย หากว่ายูเซอร์เคลื่อนไหวลงมือ ร็อดก็จะเรียกดาบออกมาและแทงไปข้างหน้าทันที
แม้ว่าการต่อสู้ใกล้จะปะทุ ทว่าร็อดก็ยังคงสงบเยือกเย็น
ถึงยูเซอร์จะเป็นนักรบระดับสูง แต่เขาก็เพียงสวมใส่เสื้อผ้าบางเบา ไม่ได้สวมใส่เกราะสําหรับต่อสู้ ดังนั้นร็อดจึงไม่ได้หวั่นเกรงใดๆ
นักรบนั้นไม่เหมือนกับนักดาบ นักดาบจะพึ่งพา เพียงฝีมือในการใช้ดาบล้วนๆ แต่นักรบนั้นต้องพึ่งพาอุปกรณ์สวมใส่เพื่อที่จะสามารถสําแดงพลังที่แท้จริงออกมา
หากนักดาบอาศัยคมดาบและจังหวะในการออกดาบ เช่นนั้นนักรบก็อาศัยการสลับซับเปลี่ยนไปมาในการรุกและรับ
เพื่อมุ่งเน้นไปที่พลังโจมตีและความคล่องตัว นักดาบจึงมักจะสวมใส่เพียงเกราะหนัง หากว่าเปลี่ยนไปสวมใส่เกราะเหล็ก พลังต่อสู้ของนักดาบก็จะลดลงอย่างมาก
ส่วนนักรบนั้นไม่ใช่ นักรบสามารถสวมใส่เกราะประเภทต่างๆได้ตามต้องการ และเพื่อที่จะคอยหาจังหวะโจมตีที่ดีที่สุด นักรบจึงมักจะพึ่งพาอุปกรณ์สวมใส่เพื่อคอยป้องกันการโจมตีจากศัตรูจนกว่าพวกเขาจะพบช่องว่างของศัตรู
ในการต่อสู้ด้วยดาบ นักรบอาจจะไม่สามารถสะกดข่มนักรบดาบ แต่หากพึ่งพาเครื่องสวมใส่และอาศัยการรุกรับในการต่อสู้ พวกเขาก็จะค่อยๆเอาชนะนักรบดาบที่อยู่ระดับชั้นเดียวกันได้
อาจกล่าวได้ว่าพลังต่อสู้ส่วนใหญ่ของนักรบนั้นขึ้นอยู่กับเครื่องสวมใส่
และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทําไมร็อดจึงไม่ได้ดูร้อนลนเลยแม้ว่าการต่อสู้ใกล้จะบังเกิด
ร้อดทราบดีว่าถึงแม้ว่าเขาจะไม่อาจเอาชนะอีกฝ่ายได้ด้วยกําลังเพียงลําพัง แต่ตอนนี้ที่ข้างกายของเขามีแวมไพร์อยู่ หากยูเซอร์ต้องการจะลงมือจริงๆ ใครจะอยู่ใครจะไปก็ยังยากที่จะบอกได้
ต่อให้อีกฝ่ายมีแหวนมิติ แต่ชุดเกราะนั้นไม่เหมือนกับอาวุธที่สามารถเรียกออกมาใช้ได้ทันที เครื่องป้องกันส่วนต่างๆยังต้องใช้เวลาขณะหนึ่งเพื่อสวมใส่
นักรบที่ไร้ซึ่งชุดเกราะ แม้ว่าค่าความสามารถพื้นฐานจะไม่ได้ลดลง แต่เขาก็คงยากจะต้านทานการโจมตีอย่างต่อเนื่องจากแวมไพร์ นอกจากนี้ยังมีร็อดคอยเสาะหาจังหวะลงมืออยู่ด้านข้าง ร็อดมั่นใจว่ายูเซอร์จะสามารถยืนหยัดได้ไม่นานสักเท่าใด
เพียงแต่ร็อดคิดว่าเมื่อเขาเกิดการปะทะกับยูเซอร์ เว้นเสียแต่ว่าเขาจะสามารถจัดการปัญหาได้อย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้นพวกเขาจะตกอยู่ในวงล้อมของสมาชิกคนอื่นๆของกลุ่ มการค้าบวกกับเรื่องที่ว่าอีกฝ่ายมีนักเวทอยู่คนหนึ่งด้วยแล้ว เขาคงต้องปวดหัวหาวิธีหลบหนีออกจากพื้นที่ของสมาคมการค้าอิสระ
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงเวลานี้ก็มีเพียงแค่กลุ่มของยูเซอร์เพียงกลุ่มเดียวที่จะเดินทางไปยังเมืองซอโรว์ หากว่าร็อดพลาดโอกาสนี้ไป เขาอาจจะต้องรอคอยอีกนานกว่าจะมีกลุ่มการค้ากลุ่มอื่นเดินทางไปยังเมืองซอโรว์ และนั่นจะทําให้แผนการทั้งหมดของเขาต้องเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
ขณะที่ร็อดกําลังครุ่นคิด ทางด้านยูเซอร์เองก็กําลังครุ่นคิดอยู่เช่นดียวกัน
ยูเซอร์ยังคงคิดไม่ตกว่าเนโครแมนเซอร์ผู้นี้ทราบได้อย่างไร ว่าเขากําลังขนถ่ายผลึกวิญญาณ แม้ว่าเนโครแมนเซอร์จะบอกออกมาแล้ว กระนั้นยูเซอร์ก็ยังไม่เชื่อว่าอาศัยเพียงเบาะแสและการอนุมานเล็กน้อยก็สามารถทราบเรื่องราวทั้งหมด
ในเวลาเพียงไม่กี่วิ ยูเซอร์ขบคิดซ้ําไปซ้ํามา กระนั้นในใจของเขาก็ยังคงมีแต่ความสงสัย เป้าหมายที่แท้จริงของเนโคร แมนเซอร์ผู้นี้คืออะรกันแน่? ใช่ว่ามีคนสนิทของเขาทรยศหักหลังหรือไม่? หรือนี่เป็นการจัดฉากที่กลุ่มการค้ากลุ่มอื่นส่งมาหยั่งเชิงเขา?
หากว่าเนโครแมนเซอร์เบื้องหน้าผู้นี้มีจุดประสงค์ซ่อนเร้นอยู่จริงๆ ยูเซอร์ก็ไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูลเรื่องผลึกวิญญาณ วิธีที่ดีสุดคือการกําจัดเนโครแมนเซอร์พวกนี้ซะ จากนั้นจึงออกเดินทางโดยทันที แม้จะสร้างความตื่นตัวให้กับกลุ่มก รค้าอื่นอยู่บ้าง แต่นี่ก็เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว
แต่ความคิดนี้ผุดขึ้นเพียงชั่วครู่ก็ถูกสลัดทิ้งไป ด้วยประสบการณ์ต่อสู้อันโชกโชนของเขา ยูเซอร์จึงมีความอ่อนไหวต่ออันตรายอย่างยิ่ง กลิ่นอายของคนที่เบื้องหน้าทั้งสองบอกเขาว่า หากว่าเขาลงมือ อาจเป็นเขาที่กลายเป็นศพ
ความรู้สึกกดดันเอ่อล้นอยู่ในใจของยูเซอร์ แม้ว่าสองคนที่อยู่เบื้องหน้าของเขาในตอนนี้จะไม่ได้ดูแตกต่างจากเนโครแมนเซอร์ที่เขาเคยเจอมา แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาอย่างไม่ปิดบังใน เวลานี้ดูไม่เหมือนเนโครแมนเซอร์ที่จะคอยบงการพวกอันเดด จากทางด้านหลัง หากแต่ทั้งคู่ดูเหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญในการรบประชิดที่มีประสบการณ์
ยูเซอร์สูดลมหายใจเข้าปอด เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ที่เบื้องหน้านี้อยู่เหนือความคาดหมายของเขา แต่ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะคิดผิดหรือคิดถูก ตอนนี้เขาก็ได้แต่คิดหาทางรับมือกับสถานการณ์
ในที่สุดยูเซอร์ก็กล่าวออกมาว่า “ข้าสามารถพาพวกท่านทั้งสองไปที่เมืองซอโรว์โดยไม่คิดค่าโดยสารเพิ่ม แต่พวกท่านจะต้องอยู่ภายในที่พักของพวกเราจนกว่าจะถึงเวลาเดินทาง”
เมื่อได้ยินคําตอบจากยูเซอร์ ร็อดก็ได้ข้อสรุปแล้ว “เช่นนั้น ข้าคงต้องรบกวนให้กลุ่มการค้าของท่านดูแลพวกเราตลอดทางด้วย” ร็อดตอบรับข้อเสนอของยูเซอร์ไป
ยูเซอร์พยักหน้าและส่งสัญญาณให้ร็อดและแวมไพร์ รอคอยอยู่ที่นี่ก่อน จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปด้านหลังกระโจม แล้วตะโกนสองสามคํา
สักพักก็มีคนแต่งตัวคล้ายโจรออกมาจากทางด้านหลังของกระโจม หลังจากที่ยูเซอร์กระซิบกับโจรผู้นั้นไม่กี่คํา โจรผู้นั้นก็ได้นําทางร็อดและแวมไพร์ออกจากกระโจมไป
ภายใต้การนําทางของโจร พวกร็อดก็ได้เดินกลับยังสถานที่ที่เขาเคยเดินผ่านและมาถึงรถม้าที่ว่างเปล่าคันหนึ่ง
“เชิญท่านจอมเวททั้งสองพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อนขอรับ กลุ่มการค้าของพวกเราจะออกเดินทางในอีกสองวัน หากประสงค์สิ่งใดโปรดแจ้งต่อข้า ข้าจะจัดหามาให้ขอรับ”
เสียงอันแหบแห้งของโจรดังขึ้น ร็อดไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจงใจ ดัดเสียงหรือว่าเสียงของเขาเป็นแบบนี้อยู่แล้วกันแน่
กล่าวจบก็ไม่ได้จากไป โจรผู้นั้นยังคงรอคอยอยู่ด้านข้าง
ร็อดเข้าใจดีว่าถึงแม้ยูเซอร์จะยอมให้พวกเขาร่วมทางไปด้วย แต่เขาก็ไม่ได้วางใจ โจรผู้นี้จะคอยอยู่ที่นี่จนกว่าจะถึงเวลาเดินทาง แม้จะอ้างว่าเพื่อรอบริการพวกเขาทั้งสอง แต่แน่นอนว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือ การจับตาดู
ร็อดย่อมเข้าใจความกังวลของยูเซอร์ หากว่ายูเซอร์ไม่ได้เฝ้าระวังป้องกันพวกเขา เช่นนั้นก็คงจะแปลกไปแล้ว
ร็อดไม่ได้พูดอะไร เขานําแวมไพร์ขึ้นไปบนรถม้า