ผู้กล้าอาคมดํา ตอนที่ 38
ยูเซอร์ยังคงจับจ้องไปยังรถม้าคันที่บรรทุกเนโครแมนเซอร์ทั้งสอง ส่วนร็อดในตอนนี้กําลังอยู่ในอีกสภาวะหนึ่ง
ร็อดไม่ได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่ภายนอก ขณะที่กําลังทําสมาธิอยู่ เขาก็นิวหน้าลงราวกับพบเจออุปสรรคในกระบวนการทําสมาธิ
ร็อดพยายามจะเชื่อมต่อกับพลังธาตุในธรรมชาติที่อยู่รอบตัว แต่จากการรับรู้ของเขา พลังธาตุกลับนิ่งเฉย มีเพียงส่วนน้อยที่มีการตอบสนอง
ด้วยสถานะในปัจจุบันของเขาแล้ว การจะเชื่อมต่อกับพลังธาตุโดยตรงนั้นเป็นไปไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการใช้มานาสร้างสายสัมพันธ์กับองค์ประกอบของเวทมตร หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป แม้แต่การจะรักษาสภาวะทําสมาธิไว้ก็ทําไม่ได้
ในการทําสมาธิลึกนั้น โดยทั่วไปแล้วมีเพียงนักเวทเต็มตัวเท่านั้น ที่สามารถกระทําได้อย่างไม่ติดขัด เนื่องจากค่าจิตวิญญาณของร็อดยังต่ําอยู่ แม้พยายามจะกระจายพลังมานานแล้ว แต่มันก็ยังไม่ได้ผล
แต่ร็อดเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าการทําสมาธิลึกจะสามารถทําได้โดยง่ายอยู่แล้ว แม้แต่ในชีวิตก่อนเอง ร็อดก็ติดอยู่ที่ขั้นตอนนี้อยู่นาน
หลังจากล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง ร็อดก็ทําได้แค่ปรับเปลี่ยนวิธีการ
ร็อดไม่ได้พยายามเรียกหาทุกองค์ประกอบของพลังธาตุที่อยู่โดยรอบอีก แต่เขามุ่งเน้นไปที่พลังธาตุไฟ ร็อดพยายามจะสร้างสายสัมพันธ์กับพลังธาตุไฟ
ในคราแรกยังไม่มีการตอบสนอง แต่ภายใต้การยืนหยัดอย่างมุ่งมั่นของร็อด พลังธาตุไฟบางส่วนก็เริ่มมีการตอบสนอง
ด้วยประสบการณ์จากในชีวิตก่อน ร็อดก็ทราบว่าได้เวลาแล้ว ร็อดไม่ได้พยายามจะเชื่อมต่อกับธาตุไฟเพิ่มอีก แต่เขาค่อยๆกระจายมานาออกไปเพื่อสร้างสายสัมพันธ์กับพลังธาตุไฟที่มีการตอบสนอง
เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังมานาที่ค่อยๆลดลง ร็อดก็ทราบว่าเขาเริ่มจะสร้างสามสัมพันธ์กับธาตุไฟเหล่านั้นได้แล้ว
สมาธิของร็อดจดจ่ออยู่กับสายสัมพันธ์เส้นบางๆเหล่านั้น และลืมเลือนทุกสิ่งรอบตัว เนื่องเพราะการเพ่งทําสมาธิ สัมผัสจากสิ่งรอบตัว จึงยิ่งมานายิ่งเลือนลาง สุดท้ายสิ่งที่อยู่ในการรับรู้จึงมีเพียงแค่พลังธาตุไฟ
ขณะที่สายสัมพันธ์กับธาตุไฟค่อยๆหนาแน่นขึ้น พลังธาตุไฟที่เคยนิ่งไม่ตอบสนองก็เริ่มตอบสนองต่อเสียงเรียกของร็อดและเข้ามาเชื่อมต่อที่ละสาย
พลังมานาของร็อดถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว แต่โดยรวมแล้วก็ยังสูญเสียในอัตราที่ต่ํา ตอนนี้ร็อดสามารถรับรู้ถึงองค์ประกอบของธาตุไฟจํานวนมาก ส่วนสัมผัสทางกายเนื้อนั้นถูกตัดทิ้งไปโดยสมบูรณ์
การรักษาความเชื่อมโยงกับองค์ประกอบธาตุนั้นเป็นกระบวนการที่สร้างความเหนื่อยล้าทางจิตใจอย่างมาก หากสมาธิจิตของนักเวทผู้นั้นหมดสิ้นหรือเกิดอาการง่วงขึ้นมา ประสิทธิภาพของการทําสมาธิลึกก็จะลดทอนลงอย่างมาก บางครั้งกระทั่งยังถูกกระแสพลังตีกลับ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทําไมร็อดจึงงีบหลับตลอดคืน หลังจากที่ฟื้นฟูจิตใจจนอยู่ในสภาพสูงสุดแล้ว ร็อดจึงค่อยเริ่มทําสมาธิลึก
ด้วยประสบการณ์ในชีวิตก่อนควบคู่ไปกับความพยายามอย่างไม่ลดละ ร็อดก็สามารถเข้าสู่สภาวะทําสมาธิลึกได้สําเร็จ
ภายในรถม้า จู่ๆแวมไพร์ที่กําลังดูดซับพลังความตายอยู่ก็รับรู้ได้ถึงบางสิ่ง มันลืมตาขึ้นก่อนจะหันไปมองร็อดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหลับตาลงอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกัน ภายในรถม้าของผู้นําขบวน
นักเวทในชุดคลุมสีน้ําเงินราวกับรับรู้ได้ถึงบางสิ่ง เขาพึมพํากับตนเอง จากนั้นจึงปิดหนังสือที่อยู่ในมือ เขาเลื่อนเปิดหน้าต่างของรถม้า พลางมองไปยังรถม้าที่อยู่ไม่ไกล
รถม้าที่ปรากฏในสายตาของเขาก็คือรถม้าคันที่รอดและแวมไพร์ใช้โดยสาร
นักเวทชุดคลุมสีน้ําเงินยกมือเคาะขอบหน้าต่างของรถม้าสองครั้ง
ยูเซอร์ที่อยู่ด้านข้างของรถก็พลันบังคับม้าเข้ามาหา
นักเวทชุดคลุมสีน้ําเงินกระซิบบอกยูเซอร์สองสามคํา ยูเซอร์ที่ได้ฟังก็เบนสายตาไปมองรถม้าที่ร็อดและแวมไพร์อยู่
“เจ้าบอกว่า…เขากําลังทําสมาธิลึก?”
ในน้ําเสียงแฝงไปด้วยความสงสัยราวกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักเวท แต่เขาก็มีความรู้เกี่ยวกับนักเวทไม่น้อย รวมถึงสิ่งที่เรียกว่าการทําสมาธิลึกของนักเวท ทั้งยังทราบเรื่องกระแสพลังย้อนทําร้ายหากนักเวทที่กําลังทําสมาธิถูกรบกวน
เมื่อเห็นนักเวทชุดคลุมสีน้ําเงินพยักหน้ายืนยัน ยูเซอร์ก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
ยูเซอร์ไม่เข้าใจว่าทําไมเนโครแมนเซอร์ผู้นั้นจึงเลือกที่จะทําสมาธิที่นี่
ในหัวของยูเซอร์เริ่มคาดเดาจุดประสงค์ของอีกฝ่ายจนวุ่นวาย ความเป็นไปได้อันหลากหลายฉายผ่านเร็วรี่ กระนั้นยูเซอร์ก็ยังไม่สามารถยืนยันความคิดของตน
” หรืออาจจะเป็นการจงใจเปิดเผยจุดอ่อน?” จู่ๆยูเซอร์ก็ดูเหมือนจะนึกอะไรได้ และเขาก็เริ่มมั่นใจในการคาดเดานั้น คิดได้ดังนั้น ยูเซอร์ก็จับจ้องมองไปทางรถม้าของร็อดอย่างลึกซึ้ง
ภายในรถม้าที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นว่ายูเซอร์นิ่งเงียบไม่มีการตอบสนอง นักเวทชุดคลุมสีน้ําเงินก็ได้แต่กระซิบว่า ” พวกเราควรใช้จังหวะนี้ ”
ในฐานะนักเวทคนหนึ่ง เขาย่อมทราบดีถึงผลที่จะตามมาหากถูกขัดจังหวะขณะที่ทําสมาธิลึก และยังทราบว่านี่นับเป็นโอกาสอันหาได้ยาก ดังนั้นเขาจึงพูดเสนอออกไป
แม้ว่านักเวทจะไม่ได้พูดจนจบประโยค แต่ยูเซอร์ก็รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร สายตาของยูเซอร์จับจ้องไปยังรถม้าของร็อดเขม็งพักหนึ่ง จากนั้นจึงส่ายศีรษะ
เห็นแบบนั้น นักเวทก็ไม่ได้ถามย้ําอีก
แม้ว่าตัวเขาจะเป็นนักเวท แต่เขาก็กระจ่างดีอยู่ในใจว่า เขาสามารถเสนอแผนการต่อหัวหน้าได้ แต่หัวหน้าจะเลือกอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้า
นักเวททราบว่าหัวหน้าคงมีความคิดอ่านอยู่ในใจถึงได้ตัดสินใจเช่นนี้ เขาสามารถเสนอแผนการ แต่สุดท้ายจะใช้แผนการนั้นหรือไม่ ก็ไม่ใช่เขาที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ
เมื่อเห็นว่ายูเซอร์ยังคงมองดูรถม้าคันนั้น นักเวทก็ปิดหน้าต่าง และกลับไปอ่านหนังสือที่อยู่ในมือต่อ
ยูเซอร์ถอนหายใจยาว ไม่มองดูรถม้าคันที่บรรทุกเนโครแมนเซอร์สองคนนั้นอีก เขาหันไปมองที่หน้าขบวนและเร่งม้าขึ้นหน้าไป
แม้จะมาถึงส่วนหน้าของขบวนแล้ว ยูเซอร์ก็เริ่มนึกทวนการกระทําก่อนหน้านี้ของพวกเนโครแมนเซอร์ทั้งสอง
ในความคิดของยูเซอร์ การทําสมาธิลึกนี้สมควรเป็นการจงใจของอีกฝ่าย
ที่อีกฝ่ายทําเช่นนี้ ก็เหมือนเป็นการบอกผ่านปากนักเวทของกลุ่มว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร เพียงต้องการร่วมทางไปยังเมืองซอโรว์เท่านั้น
ในทํานองเดียวกันสําหรับกลุ่มการค้า แม้ว่าหนึ่งในเนโครแมนเซอร์จะกําลังทําสมาธิลึก แต่พวกเขาก็จะไม่ผลีผลามลงมือโดยที่ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีไพ่ลับอันใด
แม้ว่านี่จะดูเหมือนเป็นการแสดงความอ่อนแอ แต่มันก็เกือบจะลบล้างพฤติการณ์ขู่เข็ญขอร่วมทางก่อนหน้านี้ได้จนหมด ทําให้กลุ่มการค้าคลายความระแวดระวังลง นี่ทําให้ยูเซอร์อดประเมินเนโครแมนเซอร์ทั้งสองใหม่อีกครั้งไม่ได้
จู่ๆในหัวของยูเซอร์ก็เกิดความคิดประหลาด
หลังจากที่เนโครแมนเซอร์ทั้งสองเข้ามายังส่วนที่พักของกลุ่มการค้า ทุกการกระทําของเขาก็เหมือนกับอยู่ในการคาดเดาของอีกฝ่าย เนโครแมนเซอร์ดูราวกับจะล่วงรู้ทุกความคิดของเขา ตั้งแต่สินค้าที่ขนถ่ายจนกระทั่งตอนนี้ อีกฝ่ายรู้ว่าเขาจะไม่ฉวยโอกาสลงมือ
แม้ว่าจะไม่ได้ลงมือกันจริงๆ แต่ผ่านการประลองสงครามความคิด ยูเซอร์ก็ตัดสินว่าเนโครแมนเซอร์ผู้นี้ไม่ใช่คนที่ตนกําลังรอคอย…….