ผู้กล้าอาคมดํา ตอนที่ 40
ขณะที่กําลังยืนอยู่ด้านบนหอ ร็อดก็สามารถมองทิวทัศน์ที่อยู่ไกลออกไป ร็อดเดาว่าหอสังเกตการณ์หลังนี้คงสูงสักหกสิบเจ็ดสิบเมตรได้
เมื่อเดินมาถึงแท่นที่ยื่นออกไป ร็อดก็มองลงไปด้านล่าง
ในมุมมองของร็อด เขาเห็นเพียงกองไฟที่กลุ่มซิลเวอร์ชีลจุดไว้ขณะที่ผู้คนรอบกองไฟกลายเป็นคนตัวจิ๋วไปหมด
ด้วยการพึ่งพาสกิลตาเหยี่ยว ร็อดก็เริ่มนับจํานวนสมาชิกที่อยู่รอบกองไฟ ด้วยเพราะสกิลตาเหยี่ยวยังอยู่ในระดับต่ํา ภาพที่เห็นจึงคลุมเครืออยู่บ้าง หากเป็นสกิลตาเหยี่ยวระดับสูง แม้จะมองลงไปจากที่นี่ เขาก็คงจะสามารถสังเกตทุกอากัปกิริยาของทุกคน
สําหรับเหล่าอาชีพที่ต้องต่อสู้ในระยะประชิดนั้น เพื่อที่จะสามารถจับตาสถานการณ์ในสนามรบ ตาเหยี่ยวเป็นสกิลที่จําเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับอาชีพพลสอดแนม สกิลตาเหยี่ยวเรียกได้ว่าเป็นสกิลหากินของพวกเขาเลยก็ว่าได้
ร็อดมองไปยังทิศหนึ่ง รอบหอสังเกตการณ์นั้นเป็นผืนป่าแต่จํานวนของต้นไม้ก็เริ่มบางตาลงบ้างแล้ว และความสูงก็เทียบไม่ได้กับต้นไม้ในระหว่างทาง ไกลออกไปก็มีเพียงทุ่งราบ แม้จะไม่ต้องมองดูแผนที่ แต่รอดก็รู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเขาอยู่ที่ไหน
“ดียา…”
มองดูทุ่งราบที่อยู่ไกลออกไป ร็อดก็ทราบว่าหอสังเกตการณ์หลังนี้คงตั้งอยู่ที่ชายแดนของเอล ที่ที่เป็นเส้นบรรจบกับพรมแดนของดีย่า เพียงเดินทางต่อไปอีกไม่ไกล เขาก็จะเข้าสู่ดีย่าแล้ว
ในที่สุดรอดก็เข้าใจว่าทําไมกลุ่มซิลเวอร์ซีลจึงเลือกจะหยุดพักค้างแรมที่นี่ พวกเขาคิดที่จะจีบเอาแรงขณะที่ยังอยู่ในเขตแดนของเอลิเพื่อพักผ่อนฟื้นฟูความเหนื่อยล้าจากการเดินทางตลอดหลายวันและพรุ่งนี้จึงจะเดินทางเข้าสู่ดีย่า
เมื่อทราบว่าพวกเขาเดินทางมาถึงชายแดนแล้ว แม้จะไม่อาจดูจากระบบว่าเขาทําสมาธิลึกไปกี่วัน แต่เขาก็รู้ว่าเขาใช้เวลาทําสมาธิลึกนานกว่าที่คาดเอาไว้
หลังจากทําสมาธิลึกอยู่หลายวัน ต่อให้ร่างกายลดการเผาผลาญจนถึงระดับต่ําสุด แต่ตอนนี้ร็อดก็รู้สึกหิวขึ้นมาแล้ว
ร็อดนั่งลงบนหอสังเกตการณ์ก่อนจะนําอาหารแห้งที่อยู่ในแหวนมิติออกมา ตอนที่กัดลงไปคําแรกเขาก็รู้สึกถึงรสชาติอันคุ้นเคย
ร็อดได้นําอาหารแห้งบางส่วนมาจากในสุสาน และบางส่วนที่ว่านี้ก็เพียงพอสําหรับเขาแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาร็อดก็กินแต่อาหารแห้งเหล่านี้เอง
เนื่องจากถูกเก็บอยู่ในแหวนมิติ ร็อดจึงสามารถกลืนมันได้โดยแทบจะไม่ต้องเคี้ยว แม้จะไม่อร่อย แต่มันก็สามารถเติมเต็มพลังงานให้กับร่างกาย
ทันใดนั้นร็อดที่กําลังกินอาหารแห้งอยู่ก็รู้สึกถึงบางอย่างเขารีบลุกขึ้นพลางเก็บอาหารกลับเข้าแหวนมิติ จากนั้นจึงหันกลับไปมองทางด้านหลัง
ร็อดได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากภายในหอที่อยู่ด้านหลังเจ้าของเสียงฝีเท้านี้ไม่ได้คิดจะปิดบังการมาถึงแต่อย่างใด เขากระทั่งยังเพิ่มน้ําหนักเท้าอย่างจงใจ
เสียงฝีเท้าค่อยๆดังใกล้เข้ามา และร็อดก็ทราบถึงตัวตนของอีกฝ่ายผู้มาก็คือหัวหน้ากลุ่มการค้ายูเซอร์ ผู้ซึ่งเดิมที่กําลังนั่งอยู่หน้ากองไฟ
ก่อนที่ร่างของยูเซอร์จะปรากฏขึ้นในสายตาของร็อดร็อดก็ได้กลิ่นบางอย่างนํามาก่อน มันก็คือขาแกะที่ย่างจนเนื้อชุ่มฉ่ําจากกลิ่นอันสดใหม่แล้ว อีกฝ่ายคงเพิ่งนําออกมาจากแหวนมิติ
ยูเซอร์ขึ้นมาบนหอสังเกตการณ์เพื่อมาหาร็อด แต่เขาก็หยุดฝีเท้าอยู่ที่หน้าประตูของหอชั้นบนสุด
บางที่อาจจะใช้เหตุผลว่านําอาหารมาแบ่งปันเพื่อมาดูว่าร็อดกําลังทําอะไรผิดปกติหรือไม่ แต่ตอนนี้เอง ยูเซอร์ก็สังเกตเห็นสภาพพื้นที่บนหอชั้นบน
เดิมที เป็นเพราะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเนโครแมนเซอร์ที่ร่วมเดินทางมาด้วยทั้งสอง แม้จะยูเซอร์จะไม่พอใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่คิดจะล่วงเกินอีกฝ่าย
ตอนนี้ยูเซอร์รู้สึกประหลาดใจที่เห็นเนโครแมนเซอร์ทั้งสองแยกตัวจากกัน เขาเพียงไม่แน่ใจว่าเป็นเนโครแมนเซอร์ที่ด้านหน้านี้หรือไม่ที่เป็นผู้ทําสมาธิลึก
ยูเซอร์รีบประเมินสถานการณ์ ตัวเขาสวมใส่เกราะเหล็กและมีอาวุธอยู่ในแหวนมิติ เรียกได้ว่าอยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์พร้อมสุดขีดด้วยสภาพแวดล้อมของบนหอแล้ว ต่อให้อีกฝ่ายเป็นเนโครแมนเซอร์เต็มตัวเขาก็คงจะป้องกันการโจมตีอย่างฉับพลันไม่ทัน
ยูเซอร์เริ่มใจเต้นแรงขึ้นมา เดิมทีเขาเพียงแค่ต้องการขึ้นมาตรวจสอบเป้าหมายของอีกฝ่าย ทว่าตอนนี้เขาเริ่มมีความคิดอื่นผุดขี้นมาแล้ว
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการแสร้งเผยจุดอ่อนออกมา แต่เมื่อได้เห็นโอกาสอันดีเช่นนี้ ยูเซอร์ก็ไม่อยากจะปล่อยให้มันหลุดมือไป
แม้จะเดาได้ว่าเนโครแมนเซอร์ทั้งสองไม่ได้มีเป้าหมายอยู่ที่ผลกวิญญาณที่บรรทุกมา แต่ยูเซอร์ก็ไม่กล้าวางใจ
จากการประเมินก่อนหน้านี้ ยูเซอร์ก็มั่นใจราวเจ็ดส่วนว่าเนโครแมนเซอร์ทั้งสองไม่คิดจะแย่งชิงผลึกวิญญาณ แต่หากว่าลงมือกําจัดอีกฝ่ายเสียที่นี่ เช่นนั้นเจ็ดส่วนที่ว่าก็จะกลายเป็นสิบส่วนเป็นการกําจัดภัยแฝงของคาราวานโดยสมบูรณ์
สําหรับยูเซอร์แล้ว เขาไม่ควรจะลังเลที่จะใช้สภาพพื้นที่เช่นนี้ตอนนี้ในการกําจัดอีกฝ่าย
ยูเซอร์ใช้ความคิดเร็วรี่ จากนั้นจึงได้ข้อสรุปในใจ
ร็อดรู้สึกได้ถึงบางอย่าง แต่เขาก็ยังคงยืนนิ่งราวกับอ่านเจต นาของอีกฝ่ายออกร็อดหรี่ตาลง สายตาของเขาจับจ้องไปยังยูเซอร์ที่กําลังเดินขึ้นบันไดมา
แสงส่องกระทบต้องร่างร็อดจนเกิดเป็นเงาทอดยาวบนพื้นไม้
แม้ในใจจะปั่นป่วนว้าวุ่น แต่สีหน้าของยูเซอร์ก็ยังคงเป็นปกติ ในสายตาของร็อด ยูเซอร์ดูสงบเยือกเย็นเหมือนกับตอนที่พบกันครั้งแรก
“ระหว่างทางไม่เคยเห็นท่านออกมาเลย เป็นครั้งแรกที่เห็นท่านออกมาจากรถม้า กลุ่มของพวกเรามีเสบียงอาหารอยู่มากมายข้าจึงต้องการนําจะแบ่งปันกับท่าน” ยูเซอร์กล่าวด้วยรอยยิ้มเขาพยายามจะทําตัวให้เป็นปกติที่สุด
ขณะที่กล่าวก็ยังยื่นน่องแกะมาให้
เห็นสีหน้าของยูเซอร์ ร็อดก็แค่นเสียงในใจเขารู้ว่าอีกไม่ช้าคงต้องลงมือแล้ว
ในบางครั้ง ต่อให้คุณจะแสดงความอ่อนแอเพื่อบอกเจตนารมณ์ออกไปซ้ําแล้วซ้ําอีก แต่อีกฝ่ายก็จะไม่เชื่อถือคุณ เว้นแต่จะเผยความแข็งแกร่งออกไปบ้าง
“เช่นนั้นคงต้องขอบคุณหัวหน้ากลุ่มแล้ว”
กล่าวจบร็อดก็ยื่นมือออกไป เตรียมจะรับน่องแกะมา
ขณะที่ร็อดยื่นมือออกไปนั้นเอง สายตาของยูเซอร์ก็จับจ้องอยู่ที่มือซึ่งกําลังยื่นออกมาของร็อด
ประสบการณ์การต่อสู้หลายปีทําให้ยูเซอร์เข้าใจการเคลื่อนไหวร่างกายของฝ่ายตรงข้าม การเคลื่อนไหวเหล่านั้นจะสามารถสะท้อนความคิดบางส่วนออกมา โดยเฉพาะกับสถานการณ์ในตอนนี้หากมือของอีกฝ่ายสั่นไหวแม้เพียงน้อยนิด เขาก็จะสามารถโจมตีเพื่อยึดกุมความได้เปรียบ
แต่ภายใต้การจับตาดูอย่างละเอียด มือที่ยื่นออกมาของร็อดมั่นคงแข็งแรงในที่สุดมือข้างนั้นก็จับส่วนกระดูกของน่องแกะไว้ในระ หว่างกระบวนการนี้ยูเซอร์มองไม่เห็นช่องโหว่ของอีกฝ่ายเลย
ยูเซอร์ตกตะลึงและดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาเงยหน้าขึ้นก่อนจะพบกับดวงตาอันเรียบเฉยภายใต้หมวกคลุมสีดําที่กําลังองมาที่เขา
ทันใดนั้นขาแกะที่พวกเขาทั้งสองถืออยู่ก็หายไปชัดเจนว่าถูกเก็บเข้าแหวนมิติแล้ว
ในมือของทั้งสองต่างก็มีอาวุธปรากฏขึ้นแทนที่ดาบอันคมกริบทั้งสองเล่มพลันประหัตประหารเข้าหากัน