หวังหรุ่ยขมวดคิ้ว จะมาวุ่นวายอะไรกับเธอทำไมอีกเนี่ย?
หวังหยุนไม่กล้าที่จะพูดมันออกไป แต่ว่ามันคิดดูแล้ว ก็ทำได้เพียงต้องพูดความจริง
“รองผู้อำนวยการหวัง ต้องขอโทษจริง ๆ นะคะ ก่อนหน้านี้ฉันวานให้ญาติคนหนึ่งไปซื้อโสม แต่สุดท้ายตานั่นมันไม่ได้เรื่อง ดันไปซ้อโสมปลอมมาให้ดิฉันค่ะ!”
หวังหรุ่ยเองก็ตกใจช็อก โสมปลอม!?
เธอเห็นว่าโสมนั่นดูมีมูลค่ามาก ก็คิดว่าเป็นของดี อุตส่าห์เป็นคนไปมอบให้ด้วยตัวเอง แถมยังเน้นย้ำไปอีกว่า นั่นเป็นโสมที่มีมูลค่าราคาแพง สุดท้าย……กลับกลายเป็นของปลอม!
แบบนี้มันไม่เรียกว่าเป็นการตบหน้าเธองั้นเหรอ?
แม้ว่าเธอจะเป็นถึงรองผู้อำนวยการ แต่ว่าเธอก็ยังเด็กอยู่ ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับโสมสักเท่าไหร่ ถ้าหากว่าท่านประธานฉินดูออกว่านั่นเป็นโสมปลอม ท่านจะต้องสงสัยในความสามารถการทำงานของเธอแน่นอน
“ถ้าอย่างนั้นคุณคิดจะทำอะไร?”
หวังหยุนรีบส่งโสมให้เธอ
“ต้นนี้เป็นของจริงค่ะ ดิฉันไปหาหมอผู้เก่งกาจแห่งถนนแพทย์แผนจีนให้ท่านดูให้มาแล้วค่ะ ไม่มีทางเป็นของปลอมแน่นอน โสมแดงที่มีอายุร้อยปีทั้งประเทศตอนนี้ มีเพียงต้นนี้ต้นเดียวค่ะ ครั้งนี้ไม่มีทางมีปัญหา”
หวังหรุ่ยพยักหน้า ก่อนจะรับโสมต้นนั้นมาแล้วขึ้นรถทันที เตรียมจะนำโสมไปมอบให้ท่านประธานฉินอีกครั้ง
หวังหยุนเห็นดังนั้นก็รีบเอ่ย
“ให้ดิฉันไปกับคุณดีกว่าไหมคะ?”
หวังหรุ่ยส่งเสียงไม่พอใจ “คุณเอาโสมปลอมมาให้ แล้วยังกล้ามีหน้าไปพบท่านประธานฉินอีกเหรอ?ครั้งหน้าค่อยว่ากันแล้วกันค่ะ!”
หวังหรุ่ยดูไม่พอใจสักเท่าไหร่ ผู้หญิงคนนี้ทำเรื่องแบบนี้ ยิ่งไม่ควรให้เธอไปพบท่านประธาน
เธอสาบานไว้ในใจแล้วว่า ต่อไปเรื่องแบบนี้เธอจะไม่ช่วยอีกแล้ว ใครจะรู้ว่าคนอื่นจะส่งอะไรเป็นของขวัญ อีกอย่างดูเหมือนท่านประธานจะไม่ได้สนใจอะไร แล้วทำไมจะต้องทำเรื่องที่มันไม่จำเป็น
ไม่นานหวังหรุ่ยก็มาที่บ้านตระกูลฉินอีกครั้ง
ฉินจุนชะงักไปครู่หนึ่ง ภายในใจก็คิดว่าทำไมถึงมาอีกแล้ว?
หวังหรุ่ยถือโสมอันนั้นมามอบให้ฉินจุนอีกครั้ง
“คุณหวังหยุนนำโสมมามอบให้อีกต้นค่ะ โสมอันก่อนหน้านี้เป็นของปลอม เธอโดนคนอื่นหลอกมาอีกทีค่ะ ต้องขอประทานอภัยด้วยนะคะท่านประธานฉิน”
ฉินจุนขมวดคิ้ว รับโสมมาดู อันนี้มันก็โสมต้นนั้นไม่ใช่เหรอ?
เสียเวลาจริง ๆ
ฉินจุนนำโสมมาวางทิ้งไว้ที่ด้านข้าง “โอเคผมเข้าใจแล้ว”
หวังหรุ่ยรีบเดินออกมาเพราะกลัวว่าฉินจุนจะถามอะไรอีก
พอออกมาจากประตูใหญ่ หวังหรุ่ยก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ภายในใจก็ด่ายัยหวังหยุนไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
เป็นเพราะเธอ ทำให้ท่านประธานต้องฉินรำคาญโดยไม่มีเหตุผล
ผ่านไปไม่นาน หวังหรุ่ยก็ได้รับข้อความ
“รองอำนวยการหวังคะ ส่งของเรียบร้อยแล้วหรอยังคะ เป็นอย่างไรบ้าง?”
หวังหรุ่ยตอบกลับไปอย่างอารมณ์ไม่ดี “ก็ไม่ยังไงหรอกค่ะ ท่านประธานโยนของทิ้งแล้ว”
พอหวังหยุนได้รับข้อความแบบนั้น สีหน้าก็ย่ำแย่ลงทันที
จบแล้ว ดันโชว์โง่ขายขี้หน้าเขา!มันไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ส่งของขวัญไปให้ สุดท้ายไม่ได้แม้แต่จะสานสัมพันธ์ ในทางกลับกันกลับทำให้คนอื่นโมโหเข้าไปอีก
หวังหยุนโมโหกัดฟันกรอด ถ้าไม่ใช่เพราะโสมปลอมของไอ้ฉินจุน มันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง!
ทำอะไรไม่เคยสำเร็จ มีแต่จะทำเสียเรื่องจริง ๆ ไอ้หมอนี่ นี่มันเป็นตัวซวยจริง ๆ
หวังหยุนยิ่งคิดยิ่งโมโห ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาฉินจุน
“แกประสาทหรือไง!เอาโสมปลอม……”
เมื่อเห็นโทรศัพท์เข้าจากหวังหยุน ฉินจุนไม่อยากรับสาย แต่เมื่อเขาคิดว่าเป็นแม่ของหลินหลิน เขาก็รับสาย สุดท้ายเขาก็กดรับ หวังหยุนก็สาปแช่งทันที
ฉินจุนขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “คุณน่ะสิประสาท”
พูดจบก็ตัดสายโทรศัพท์ทันที
ฝั่งหวังหยุนก็ตะลึงไปทันที จากนั้นก็ด่าทอยกใหญ่ สบถคำหยาบคายออกมาสารพัด
……
วันต่อมา ฉินจุนไปที่คลินิกเห็นว่ามีคนไข้ไม่มาก
เพราะถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นถนนแห่งแพทย์แผนจีน ผู้ป่วยต่างกระจายกันไปหมด ลูกค้าเก่าของคลินิกอื่น ๆ ยากที่จะแย่งตัวมาได้
แต่แน่นอนอยู่แล้วว่าฉินจุนก็ไม่ได้แคร์อะไร เขาเปิดคลินิกก็เพื่อรักษาโรคที่รักษาไม่หายและเป็นประโยชน์ต่อโลก ไม่ใช่เพื่อเงินอยู่แล้ว
ก่อนที่เขาจะลงมาจากเขา ท่านอาจารย์ได้มอบทุนทรัพย์ให้เขา ชาตินี้เขาก็ไม่มีทางใช้หมด
ยิ่งไปกว่านั้นเงินปันผลของซวนหยวนกรุ๊ปเพียงอย่างเดียว ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนทั่วไปที่จะใช้เงิน
ฝีมือทางการแพทย์ของข่งฝานหลินไม่ต้องพูดถึงเลย ยากที่จะเจอว่าเขาไม่สามารถรักษาได้ เย่หวันเอ๋อช่วงนี้ก็กำลังเรียนรู้จากเขาไปไม่น้อย
พอเข้ามาในคลินิกก็เห็นว่านอกจากพวกเขาสองคนแล้ว ยังมีใครอีกคนหนึ่งที่หน้าประตู ฮุ่นเทียนหลง
นายฮุ่นเทียนหลงนี่ให้ความสนใจกับโรคที่เปิดเผยไม่ได้ของตัวเองมาก มารักษาที่คลินิกตั้งแต่เช้า
ข่งฝานหลินทำการรักษาเขาตามการแนะนำของฉินจุน ร่างกายของฮุ่นเทียนหลงแข็งแรงดี ไม่น่าจะเกิดครึ่งเดือน ก็น่าจะเห็นผลลัพธ์
ด้วยเหตุนี้ทำให้ฮุ่นเทียนรู้สึกซาบซึ้งมาก
“ท่านอาจารย์ฉิน กระผมเจิ้งผิงหลง นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปกระผมเต็มใจที่จะเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยให้แก่คลินิกแห่งนี้”
ฉินจุนสามารถรักษาโรคที่ต้องปกปิดของเขาให้หายได้ นับว่ามีพระคุณเทียบเท่ากับพ่อแม่ผู้บังเกิดเกล้าได้เลย เจิ้งผิงหลงเองก็ไม่ได้ขาดแคลนเงิน และก็ไม่ได้อยากเป็นสุนัขรับใช้ของตระกูลพวกนั้น มาเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่คลินิกง่าย ๆ แบบนี้ ต่อไปเป็นอะไรขึ้นมา จะได้รับสิทธิรักษาพยาบาลก่อนทำไมจะไม่ทำล่ะ
อีกอย่าง เจิ้งผิงหลงก็รู้สึกว่าฉินจุนไม่ใช่คนธรรมดา
นอกจากฝีมือทางการแพทย์แล้ว ทักษะกังฟูของเขาก็เก่งกาจสุด ๆ
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็น แต่ว่าดูจากท่าทางการเดินของฉินจุน เวลาเดินชนไหล่กับคนอื่นก็สามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา
คิดไปถึงเรื่องที่บาร์คืนนั้น ขนาดโดนเจิ้งผิงหลงข่มขู่ขนาดนั้น ฉินจุนยังไม่สะทกสะท้าน
ตอนนั้นคิดว่าเขาก็แค่มีฝีมือทางการแพทย์ที่อยู่เหนือ ถึงได้มีความมั่นใจขนาดนั้น
แต่ว่าพอลองกลับมาคิดดูตอนนี้ เป็นไปได้มากว่าฉินจุนต้องมีฝีมือที่ไม่ธรรมดา รู้ว่าเจิ้งผิงหลงไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เพราะฉะนั้นถึงได้ดูมีแผนอยู่ในใจอยู่แล้วขนาดนั้น
ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ลงมือจัดการฉีเซียนเอง เหตุผลหลักก็คงเป็นเพราะว่าไม่แยแส
เพราะฉะนั้นเจิ้งผิงหลงรู้สึกว่าฉินจุนนั้นเก่งมาก ๆ ถึงได้เต็มใจที่จะทำงานที่นี่
เยหวันเอ๋อแลบลิ้นปลิ้นตาทำหน้าทำตาใส่ฉินจุน คลินิกเล็ก ๆ ของพวกเขานี่ช่างซุกซ่อนไปด้วยคนมีความสามารถจริง ๆ
ช่วงสองสามวันมานี้ เธอค้นในอินเทอร์เน็ตมา ข่งฝานหลินไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปเลยนะ เขาเป็นถึงแพทย์ระดับประเทศ!
ข่งฝานหลินเป็นหนึ่งในสิบกว่าคนที่มีใบรับรองแพทย์แผนจีนทั่วประเทศ
คนสำคัญระดับประเทศขนาดนี้ กลับมาทำงานให้พี่เสี่ยวจุน เจิ้งผิงหลงที่มาวันนี้ก็ดูไม่ใช่คนธรรมดา น่าจะเป็นคนใหญ่คนโตเหมือนกัน
พี่เสี่ยวจุนนี่เก่งจริง ๆ
ขณะที่ทุกคนกำลังเก็บของในคลินิก เตรียมจะออกไปรับผู้ป่วย ก็มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามา
อายุน่าจะราว ๆ ยี่สิบกว่าปี ผู้ชายสวมชุดลำลองดูหรูหรามีราคา ส่วนผู้หญิงก็ประโคมสวมใส่เครื่องประดับเหมือนกับไม่เคยรวยมาก่อน
พอเดินเข้ามาหญิงสาวก็กุมท้องของตัวเองหน้าซีดเผือด
“หมอครับ ภรรยาของผมปวดท้อง คุณหมอช่วยมาดูหน่อยครับ”
พูดจบทั้งสองคนก็เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะตะลึงทันที
“เย่หวันเอ๋อ!ทำไมถึงเป็นเธอล่ะ?”
เย่หวันเอ๋อเองก็ตะลึงค้าง สีหน้าแปลก ๆ
“ติงหมิงเลี่ยง เจิ้งซิน?”
เจิ้งซินพอเห็นเย่หวันเอ๋อ ก็หัวเราะอย่างสมเพชออกมาทันที
“เอ้เดี๋ยวนี้ดาวมหาวิทยาลัยของเรามาเป็นผู้ช่วยพยาบาลแล้วเหรอ?เหอะ โชคชะตานี่มันเล่นตลกดีนะ ตอนนี้ถึงตาเธอมาคอยปรนนิบัติฉันแล้วสิ?”